เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2014 ที่ Samsung เปิดตัว Galaxy Note พร้อมกัน 2 เครื่อง ซึ่งในปีนี้ถูกเรียกว่า Galaxy Note 10 และ Galaxy Note 10+ โดยทั้งคู่มีฟีเจอร์ส่วนใหญ่ที่คล้ายกัน และเว็บไซต์ Android Headlines ได้เลือกจุดเด่นขึ้นมา 5 ข้อ ที่จะทำให้ Galaxy Note 10 series มีความน่าสนใจมากขึ้น
การออกแบบ
Samsung Galaxy Note 10 และ Galaxy Note 10+ มีดีไซน์ที่คล้ายกันมาก แตกต่างกันที่ขนาด โดย Galaxy Note 10+ มีขนาดใหญ่กว่า และมาพร้อมกล้องเสริมเป็นเซ็นเซอร์ Time of Flight วางอยู่ใต้แฟลช
จุดเด่นของ Galaxy Note 10 series คือมีดีไซน์ไร้กรอบ ด้วยขอบจอแสดงผลที่บางเฉียบ แต่เพื่อทำให้ขอบจอด้านบนแคบลง จึงต้องฝังกล้องเซลฟี่ไว้ใต้จอแสดงผล ทำให้ตรงกึ่งกลางหน้าจอมีรู ซึ่ง Samsung เรียกว่า Cinematic Infinity-O Display
Samsung Galaxy Note 10 series ยังมีให้เลือกหลายสี โดยเฉพาะสี Aura Glow ที่มีการไล่ระดับสีอย่างสวยงามและแสดงสีสันแตกต่างกันไปตามแสงที่ตกมากระทบ โดยใช้วัสดุโลหะขัดเงา ผสานกับแผงกระจก ขอบด้านข้างบางเพียง 7.9 มิลลิเมตร
Galaxy Note 10 มาพร้อมจอแสดงผล 6.3 นิ้ว ขณะที่ Galaxy Note 10+ มีขนาดหน้าจอ 6.8 นิ้ว จึงทำให้ Galaxy Note 10 สามารถพกพาได้สะดวกกว่า แต่ Galaxy Note 10+ จะได้พื้นที่จอแสดงผลที่ใหญ่กว่า
S Pen ใหม่
ปากกา S Pen ถือเป็นจุดเด่นของ Galaxy Note และในรุ่นใหม่ที่แถมมากับ Galaxy Note 10 series ยังได้รับการอัพเกรดให้มีความสามารถเพิ่มขึ้นจากรุ่นก่อนที่มาพร้อม Galaxy Note 9
S Pen ใหม่ ของ Galaxy Note 10 series มาพร้อมเซ็นเซอร์ Gyro แบบ 6 แกน ช่วยให้รองรับฟีเจอร์ Air Action ซึ่งเป็นการควบคุมสมาร์ทโฟนด้วยท่าทาง หรือ ตวัด S Pen ในอากาศ อย่างเช่น หมุนปากกา S Pen ตามเข็ม หรือทวนเข็มนาฬิกา เพื่อซูมภาพเข้าหรือออก สำหรับกล้องหน้า, ตวัดปากกา S Pen ไปทางซ้าย หรือขวาในแอพพลิเคชั่น Gallery เพื่อดูรูปถัดไปหรือก่อนหน้า, เพิ่มหรือลดเสียงโดยไม่ต้องกดปุ่มปรับเสียง เพียงตวัดปากกา S Pen ขึ้นหรือลง
ปากกา S Pen ของ Galaxy Note 10 serie ยังมาพร้อม AR Noodel สามารถใช้ S Pen วาด AR ตอนเปิดกล้อง เลือกวาดทั่วไป หรือเฉพาะใบหน้า, Live Message เขียนบนวิดีโอได้ 15 วินาที หรือกดบันทึกหน้าจอและเปิดกล้องหน้าไปด้วย รองรับความละเอียด Full HD และสามารถปิดหรือเปิดไมโครโฟนได้, ฟีเจอร์ Screen off memo สามารถเปลี่ยนสีได้ และยังสามารถเปลี่ยนลายมือเป็นข้อความได้ทันทีบน Samsung Notes พร้อมทั้งยังสามารถแปลงไฟล์ได้หลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น Microsoft Word หรือ PDF
นอกจากนี้ ปากกา S Pen ยังสามารถควบคุมการเล่นเกมได้ด้วย อย่างเช่นเกม Harry Potter: Wizards Unite สามารถใช้ S Pen ร่ายคาถาแทนไม้กายสิทธิ์ได้
ชาร์จเร็วขึ้น
เรือธง 2 รุ่นก่อนหน้านี้อย่าง Galaxy Note 9 และ Galaxy S10 series รองรับการชาร์จเร็วเพียง 15 วัตต์ เท่านั้น ทั้งการชาร์จโดยใช้สายหรือไร้สาย แต่สำหรับ Galaxy Note 10 และ Galaxy Note 10+ รองรับการชาร์จเร็ว 25 วัตต์ และ 45 วัตต์ ตามลำดับ
Galaxy Note 10 มีความจุ 3,500mAh รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็วแบบมีสาย 25 วัตต์ ใช้เวลาชาร์จจาก 0 – 100% ในเวลาเพียง 65 นาที หรือ ชาร์จเร็วแบบไร้สาย 12 วัตต์ ใช้เวลาชาร์จจนเต็ม 107 นาที
สำหรับ Galaxy Note 10+ ได้รับความจุ 4,300 mAh รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็วแบบมีสาย 45 วัตต์ หรือ ชาร์จเร็วแบบไร้สาย 15 วัตต์ โดยมีระยะเวลาในการชาร์จจนเต็มเท่ากับรุ่นน้อง
Samsung Galaxy Note 10 series ยังมีฟีเจอร์ Wireless PowerShare สามารถชาร์จแบตเตอรี่ให้กับอุปกรณ์อื่นแบบไร้สายตามมาตรฐาน Qi เพียงนำอุปกรณ์นั้นมาวางไว้ที่ด้านหลังของสมาร์ทโฟน
กล้องระดับโปร
Samsung Galaxy Note 10 series ถูกพัฒนาขึ้นพร้อมกับเทคโนโลยีของกล้องถ่ายภาพที่ทำให้ภาพถ่ายออกมาราวกับมืออาชีพ เพื่อตอบโจทย์เหล่าคอนเทนต์ครีเอเตอร์และผู้ใช้งานทุกคนให้เข้าถึงอุปกรณ์ที่ทันสมัยที่สุดในการเก็บภาพและวิดีโอ
เป็นครั้งแรกของตระกูล Galaxy ที่มาพร้อมกับนวัตกรรม Zoom-in Mic ที่จะช่วยเน้นเสียงในเฟรมที่เราต้องการให้ชัดมากขึ้นในขณะที่ซูมภาพเข้าไป พร้อมกับลดเสียงรอบข้างในวัตถุที่เราไม่ต้องการในเวลาเดียวกัน อีกทั้งยังมีฟีเจอร์ Live Focus ที่สามารถปรับความหน้าชัดหลังละลายของวิดีโอได้ และฟีเจอร์การบันทึกวิดีโอแบบ Super Steady ด้วยเทคโนโลยีป้องกันภาพสั่นไหวระบบดิจิตอล สามารถเก็บบรรยากาศที่ต้องการได้อย่างมืออาชีพ
สำหรับ Galaxy Note 10+ ยังมาพร้อมกล้องตัวที่ 4 ช่วยในการจับระยะชัดลึก จึงให้ภาพถ่ายที่มีเอฟเฟ็กต์โบเก้ได้ดีกว่า Galaxy Note 10 แต่ในด้านคุณภาพและประสบการณ์การใช้งานโดยรวม จะไม่แตกต่างกัน
ไม่มีช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม. แต่คุณภาพเสียงดีขึ้น
Samsung Galaxy Note 10 และ Galaxy Note 10+ ไม่มีช่องเสียบแจ็คหูฟังแบบเก่าอีกต่อไปแล้ว แต่แถมหูฟังสำหรับเสียบกับพอร์ต USB Type-C ซึ่งให้คุณภาพเสียงที่ดีกว่า โดยหูฟังที่แถมมาให้ ยังได้รับการปรับแต่งเสียงจาก AKG และสมาร์ทโฟนยังรองรับระบบเสียง Dolby Atmos
ช่องเสียบหูฟัง 3.5 มิลลิเมตรที่ถูกตัดออกไป ทำให้ Galaxy Note 10 series มีพื้นที่ภายในเพิ่มมากขึ้น จนสามารถขยายความจุแบตเตอรี่ได้เพิ่มขึ้น 100mAh และยังมีพื้นที่พอให้ปรับปรุงระบบ Haptic Feedback หรือตอบสนองการสัมผัสด้วยระบบสั่น
ที่มา – Android Headlines
https://www.flashfly.net/wp/262826