ในปีที่แล้ว OPPO ได้แนะนำให้เราได้รู้จักกับ OPPO Find X สมาร์ทโฟนระดับพรีเมี่ยมที่ได้รับคำชมในเรื่องของดีไซน์ ด้วยการปฏิวัติงานออกแบบจอแสดงผลให้ไร้กรอบ ไร้รอยบาก พร้อมนวัตกรรมซ่อนกล้องที่เรียกว่า Stealth 3D
และในปีนี้ OPPO ได้สานต่อความสำเร็จของสมาร์ทโฟนระดับพรีเมี่ยมด้วย OPPO Reno Series ที่จะมาเปิดมุมมองใหม่ไปกับระบบกล้องหลังที่สามารถซูมได้มากถึง 60 เท่า ซึ่งทางทีมงาน @flashfly ก็ได้ปล่อยรีวิวแกะกล่อง OPPO Reno 10x Zoom ไปก่อนหน้าแล้ว คราวนี้ก็จะเป็นรีวิวฉบับเต็มของรุ่นนี้กัน
OPPO Reno 10x Zoom ได้รับการออกแบบมาอย่างพิถีพิถัน ภายใต้ความสวยงามที่เราได้เห็นกันนั้น ได้ผ่านกระบวนการผลิตขั้นสูง เพื่อให้ได้พื้นผิวแบบไล่ระดับสี 3 มิติ จากที่เราเคยเห็นเทคนิคการไล่ระดับสีใน R15 กับ R17 series ที่มีการไล่ระดับสีจาก 2 เฉดสี แต่สำหรับ Reno มีความยากมากกว่านั้น
เพราะใช้เทคนิคไล่ระดับสีจากสีเดียว ด้วยการสลักพื้นผิวด้วยเลเซอร์ ขัดผิวชั้นบนเพื่อให้เกิดความมันเงา ทำให้เราได้เห็นการไล่ระดับสีระหว่างสีโทนอ่อนกับโทนสีเข้มที่มีมิติไม่เหมือนใคร มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สี Ocean Green อันเป็นเฉดสีที่ผสมผสานกับสีเขียวของน้ำทะเลเมื่อจ้องมองพื้นผิวของทะเล และสี Jet Black สีดำที่มีผิวสัมผัสเงาสะท้อน
จอแสดงผลของ OPPO Reno 10x Zoom ใช้ดีไซน์ไร้กรอบ ไร้รอยบาก ซึ่งถูกเรียกว่า Panoramic Screen ให้อัตราส่วนหน้าจอต่อบอดี้สูงถึง 93.1% โดยใช้จอ AMOLED ให้สีสันสวยงาม และประหยัดพลังงาน ความละเอียด 2340 x 1080 พิกเซล ขนาด 6.6 นิ้ว รองรับขอบเขตสีกว้างในแบบ DCI-P3 ที่มีอัตราส่วนความคมชัดสูงถึง 60,000:1 จึงให้สีสันที่สมจริงระดับโรงภาพยนตร์ และยังผ่านมาตรฐานถนอมสายตาจาก TÜV Rheinland สามารถกรองแสงสีฟ้าได้ถึง 56%
ผิวชั้นบนของจอแสดงผล OPPO Reno 10x Zoom ได้รับการป้องกันรอยด้วยกระจก Gorilla Glass 6 ซึ่งเป็นกระจกที่มีความแข็งแกร่งมากที่สุดของ Corning ในปัจจุบันนี้
ขณะที่ชั้นล่างสุดมีการซ่อนเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือไว้ใต้จอแสดงผล โดยใช้เทคโนโลยีใหม่ Hidden Fingerprint Unlock 2.0 ที่ประกอบด้วยเลนส์ 3 ชิ้น ช่วยลดความผิดเพี้ยน และเพิ่มแสงเพื่อให้เห็นลายนิ้วมือชัดเจนยิ่งขึ้น จึงมีความแม่นยำมากกว่ารุ่นก่อน และสามารถปลดล็อคได้เร็วขึ้น 28.5% ซึ่งการใช้งานจริงนั้นพบว่าสามารถปลดล็อคได้ในเวลาเพียงชั่วพริบตาจริงๆ
จะเห็นว่าดีไซน์ด้านหน้าของ OPPO Reno 10x Zoom เต็มไปด้วยพื้นที่ของจอแสดงผลที่มีกรอบบางเฉียบ และยังไร้รอยบาก ไร้รอยต่อ ไม่มีแม้กระทั่งตะแกรงลำโพงหูฟัง นั่นเป็นเพราะระบบกล้องหน้าแบบ Pivot-Rising Camera ที่ถูกซ่อนไว้ที่ด้านบน
สามารถสไลด์ขึ้นมาได้แบบครีบฉลาม โดยใช้โครงสร้าง Pivot-Rising ที่ได้รับการออกแบบมาเป็นอย่างดี เพื่อให้มีเสียงรบกวนจากมอเตอร์น้อยที่สุด และยังมีความแข็งแรงสูง ผ่านการการทดสอบการสไลด์มากกว่า 200,000 ครั้ง มั่นใจได้ว่าจะสามารถใช้งานกล้องเซลฟี่ได้ถึงวันละ 100 ครั้ง นานเกิน 5 ปี และยังมีกลไกป้องกันการตกหล่นในระหว่างใช้งาน โดยระบบจะซ่อนกล้องกลับเข้าไปทันที เมื่อพบว่าสมาร์ทโฟนกำลังจะตก
ระบบกล้องหน้า Pivot-Rising Camera สามารถสไลด์ขึ้นอัตโนมัติ ในเวลาเพียง 0.8 วินาที โดยระบบกล้องจะเอียงขึ้นมาในมุม 11 องศา แล้วจะพบกับลำโพงหูฟัง, แฟลชด้านหน้าแบบ Soft Light, แฟลชด้านหลัง และ กล้องเซลฟี่ 16 ล้านพิกเซล ทั้งนี้ ลำโพงหูฟังที่ซ่อนอยู่ในระบบกล้อง Pivot-Rising Camera ได้รับการออกแบบมาเป็นพิเศษ เพื่อให้เสียงรอดผ่านชั้นกระจกและรอยแยกตามขอบ
จึงมั่นใจได้ว่าจะได้ยินเสียงสนทนาชัดเจนอย่างแน่นอนลำโพงที่ซ่อนอยู่ในระบบกล้องหน้า Rising Camera ยังทำงานร่วมกับลำโพงตัวหลักที่อยู่ด้านล่าง จึงให้เสียงในระบบสเตอริโอ
นอกจากนี้กล้องหน้า Pivot-Rising Camera ยังใช้ปลดล็อกหน้าจอด้วยใบหน้าได้อย่างรวดเร็วมากอีกด้วย ใช้เวลาไม่กี่วินาทีเท่านั้น
และเรายังพบพอร์ต USB-C กับถาดใส่ซิมการ์ดอยู่ที่ด้านล่างด้วย โดยรองรับ 2 ซิมการ์ดแบบไฮบริด (ช่องที่ 2 ต้องเลือกใส่ระหว่างซิมการ์ด หรือการ์ด MicroSD)
ส่วนขอบด้านข้างมีความบาง 9.3 มิลลิเมตร ติดตั้งปุ่มปรับระดับเสียง กับปุ่มเพาเวอร์แยกคนละฝั่ง ส่วนช่องเสียบแจ็คหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร จะไม่พบในรุ่นนี้
ด้านหลังของ OPPO Reno 10x Zoom ถูกออกแบบมาให้มีความสมมาตรมากที่สุด ด้วยการจัดวางองค์ประกอบทั้งหมดไว้ตรงกึ่งกลาง เริ่มตั้งแต่ระบบกล้องหลัง 3 ตัว, มีไมโครโฟนถึง 3 ตัวในการบันทึกเสียงแบบ 360 องศา ขณะตัวที่ 2 ช่วยตัดเสียงรบกวนขณะใช้สาย, ปุ่มเซรามิค O-Dot และ โลโก้ OPPO ที่ถูกวางในแนวตั้ง
ปุ่มเซรามิค O-Dot ที่ติดตั้งอยู่ใต้ไมโครโฟนตัดเสียงรบกวน ไม่ใช่เป็นเพียงดีไซน์เพื่อความสวยงามเท่านั้น แต่ยังถูกออกแบบมาให้มีความนูน เพื่อปกป้องเลนส์กล้องหลังจากรอยขีดข่วน เมื่อวางสมาร์ทโฟนในแนวราบ
ไฮไลท์ของ OPPO Reno 10x Zoom อยู่ที่ระบบกล้องหลัง 3 ตัว ประกอบด้วย กล้องหลัก 48 ล้านพิกเซล ใช้เซ็นเซอร์ Sony IMX586 รูรับแสง F1.7 กล้องมุมกว้างพิเศษ 8 ล้านพิกเซล เก็บภาพในมุมกว้างถึง 120 องศา ใช้เซ็นเซอร์ Sony IMX319 รูรับแสง F2.2 และ กล้องเทเลโฟโต้ 13 ล้านพิกเซล รูรับแสง F3.0
กล้องเทเลโฟโต้ของ OPPO Reno 10x Zoom ได้รับการพัฒนามาอย่างยาวนาน โดยเทคโนโลยีในยุคแรกถูกเปิดตัวสู่สาธารณะเป็นครั้งแรกที่งาน Mobile World Congress 2017 ก่อนจะพัฒนามาถึงรุ่นใหม่ล่าสุด และนำไปจัดแสดงที่งาน Mobile World Congress 2019 เมื่อต้นปีที่ผ่านมา
ตัวอย่างการซูมด้วย OPPO Reno 10x Zoom ตั้งแต่ระยะ Ultra Wide 120 องศา,1x,2x,6x,10x และ 60x
เซ็ตที่ 2
เซ็ตที่ 3
เซ็ตที่ 4
โดยในรุ่นใหม่นี้ มีความสามารถในการซูมที่มากขึ้น สูงสุด 60 เท่า สำหรับดิจิตอลซูม มากที่สุดในตลาดปัจจุบัน และ 10 เท่า สำหรับ Hybrid Zoom โดยมีการจัดวางโครงสร้างเลนส์แบบกล้องปริทรรศน์ เพื่อทำให้โมดูลกล้องไม่นูนออกมาจากด้านหลัง
กล้องหลังของ OPPO Reno 10x Zoom มาพร้อมระบบจับโฟกัสแบบ Triple Focus ที่มีทั้ง LDAF (Laser Detection Auto Focus), PDAF (Phase Detection Auto Focus) และ CDAF (Contrast Detection Auto Focus) สามารถจับโฟกัสได้อย่างความเร็วและแม่นยำ แม้ใช้งานในสภาพแสงน้อย อีกทั้งยังมีระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบ Dual OIS จึงสามารถถ่ายภาพด้วยมือเปล่าได้อย่างคมชัด โดยไม่ต้องอาศัยขาตั้งกล้อง
OPPO Reno 10x Zoom รองรับการถ่ายภาพในเวลากลางคืนหรือในที่แสงน้อยได้อย่างยอดเยี่ยม ด้วยเทคโนโลยี Ultra Night Mode 2.0 โดยการทำงานร่วมกันระหว่างฮาร์ดแวร์จากเซ็นเซอร์ Sony IMX586 ที่มีขนาดรูรับแสง F1.7 ผสานกับซอฟต์แวร์ MFNR และ AI HDR ทำให้ภาพถ่ายยามค่ำคืนออกมาสวยงามคมชัด มองเห็นรายละเอียดในภาพอย่างชัดเจน โดยมีจุดรบกวนหรือ Noise ต่ำมาก และใช้เวลาในการบันทึกภาพนิ่งในโหมดกลางคืนเพียง 2 – 3 วินาที
ไม่ใช่เพียงภาพถ่ายสถานที่หรือวัตถุ แต่การถ่ายภาพ Portrait ในเวลากลางคืนก็ทำได้ดีด้วย โดยเทคโนโลยี Ultra Night Mode 2.0 สามารถแยกใบหน้าบุคคลออกมาจากฉากหลังได้อย่างแม่นยำ
OPPO Reno 10x Zoom ได้นำเทคโนโลยี AI มาใช้ประโยชน์กับ Dazzle Color Mode เพื่อช่วยให้ภาพถ่ายทีสีสันสดใสอย่างธรรมชาติทุกสภาพแสง ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายภาพในเวลากลางวัน หรือเก็บภาพไฟประดับตามร้านหรืออาคารต่างๆ ในเวลากลางคืน และสามารถใช้ Dazzle Color Mode กับกล้องมุมกว้างได้ด้วย
สำหรับการถ่ายภาพบุคคลด้วยกล้องหลังของ OPPO Reno 10x Zoom จะมีโหมด Portrait มาให้ใช้งาน และตั้งค่าได้ 5 แบบ ซึ่งแต่ละแบบจะให้เอฟเฟกต์แสงและโบเก้แตกต่างกันไป อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี AI Beauty ช่วยให้ใบหน้าดูดีอย่างธรรมชาติ เพราะ AI จะช่วยวิเคราะห์ใบหน้าจากสีผิว เพศ อายุ เพื่อปรับค่าสีให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคล
ไม่ใช่เพียงภาพนิ่งที่ OPPO Reno 10x Zoom ได้รับการพัฒนาให้มีประสิทธิภาพดีขึ้น แต่การถ่ายวีดีโอก็ไว้ใจได้เช่นกัน สามารถบันทึกวีดีโอที่ความละเอียดสูงสุด 4K 60 เฟรมต่อวินาที มาพร้อมระบบป้องกันภาพสั่นไหว OIS และ EIS ทำให้ภาพเคลื่อนไหวมีความราบรื่น นุ่มนวล และยังบันทึกเสียงได้รอบทิศทาง 360 องศา ด้วยเทคโนโลยี Audio Focus และไมโครโฟนที่ติดตั้งมาให้ถึง 3 ตัว
กล้องหน้า 16 ล้านพิกเซล รูรับแสง F2.0 ซ่อนอยู่ในระบบกล้อง Rising Camera ที่สามารถสไลด์ขึ้นโดยอัตโนมัติในเวลาไม่กี่วินาที มาพร้อมแฟลชแบบ Soft Light ช่วยเพิ่มแสงให้อัตโนมัติ เมื่อมีการถ่ายภาพเซลฟี่ในที่แสงน้อย
และมีเทคโนโลยี AI Beauty ช่วยให้ภาพถ่ายเซลฟี่ออกมาสวยงามอย่างธรรมชาติ โดย AI จะช่วยวิเคราะห์ใบหน้าบุคคล แล้วปรับค่าสีรวมถึงเอฟเฟกต์แสงให้เหมาะสมที่สุด และยังมี HDR ช่วยเพิ่มความคมชัดให้ภาพเซลฟี่ในทุกสภาพแสง ส่วนการถ่ายวีดีโอจากกล้องหน้า รองรับความละเอียดสูงสุด Full HD 1080p 30 เฟรมต่อวินาที
OPPO Reno 10x Zoom เลือกใช้ชิปประมวลผลที่ดีที่สุดจาก Qualcomm ในปีนี้ นั่นคือ Snapdragon 855 ที่มี AI Engine (เจเนอเรชั่นที่ 4) ตอบสนองการทำงานด้าน AI ได้อย่างรวดเร็ว พร้อมด้วยจีพียู Adreno 640 ให้ความจำ RAM สูงสุด 8GB แบบ LPDDR4x จับคู่กับ ROM 256GB แบบ UFS 2.1
แน่นอนว่า OPPO Reno 10x Zoom ไม่ใช่สมาร์ทโฟนรุ่นเดียวในตลาดที่ได้รับชิปประมวลผล Snapdragon 855 แต่สิ่งที่ทำให้ Reno 10x Zoom สร้างความแตกต่างและโดดเด่นกว่า คือ ให้ประสบการณ์การเล่นเกมที่ดียิ่งขึ้น
ด้วยเทคโนโลยีระบายความร้อน 3 ชั้น จากกราไฟท์ เทคโนโลยีทำความเย็นด้วยท่อทองแดง และ เจลระบายความร้อน ช่วยลดอุณหภูมิตัวเครื่องได้ถึง 13% และช่วยยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ให้ยาวนานขึ้น จึงสามารถเล่นเกมได้เป็นเวลานาน
OPPO Reno 10x Zoom ยังมีเทคโนโลยี HyperBoost 2.0 ประกอบด้วยระบบ Frame Boost สำหรับวิเคราะห์ประสิทธิภาพด้านกราฟิกของสมาร์ทโฟนแบบเรียลไทม์ในระหว่างเล่นเกม เพื่อจัดการทรัพยากรเครื่องให้เหมาะสม
TouchBoost ช่วยให้จอแสดงผลตอบสนองการสัมผัสได้เร็วขึ้น 34.9% ตอบสนองการสัมผัสระหว่างเล่นเกม ROV ได้ 13.75% และ ตอบสนองการสัมผัสระหว่างเล่นเกม PUBG ได้ 21.6% ขณะที่ Frame Boost ช่วยทำให้เฟรมเรทของเกม ROV มีความเสถียรขึ้น 31.38% และลดอาการ Lag ของเกม PUBG ได้สูงสุด 44.1%
เล่นเกมได้สนุกยิ่งขึ้นด้วย Game Assistant ช่วยปิดกั้นการแจ้งเตือนต่างๆ ในระหว่างเล่นเกม ทำให้การเล่นเกมไม่ถูกขัดจังหวะ พร้อมฟีเจอร์บันทึกหน้าจอตอนเล่นเกม และยังมี Game Shock ตอบสนองเกมด้วยระบบสั่นจากมอเตอร์ พร้อมสร้างเอฟเฟกต์เสียงต่างๆ ตามฉากของเกม จึงให้ประสบการณ์การเล่นเกมที่สมจริงยิ่งขึ้น
OPPO Reno 10x Zoom ทำงานบนระบบปฏิบัติการ ColorOS 6 (พื้นฐานเป็น Android 9 Pie) ที่ออกแบบมาให้เหมาะสมกับสมาร์ทโฟนที่มีดีไซน์ Full Screen โดยเฉพาะ พร้อมด้วยบริการสำรองข้อมูลผ่าน Cloud และ Smart Sidebar แถบเครื่องมือด้านข้างที่เรียกใช้ได้ง่ายๆ เพียงปัดหน้าจอไปทางซ้าย รองรับฟีเจอร์จับภาพหน้าจอ และทางลัดเข้าถึงแอพพลิเคชั่นที่ใช้งายบ่อย
นอกจากนี้ OPPO Reno 10x Zoom ยังมาพร้อมแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 4065mAh ให้พลังงานยาวนานตลอดวัน ชาร์จเต็ม 100% ได้อย่างรวดเร็วด้วยเทคโนโลยี VOOC Flash Charge 3.0 (20 วัตต์)
ตอบสนองความบันเทิงทั้งการเล่นเกม ดูหนัง ฟังเพลง ด้วยลำโพงสเตอริโอ พร้อมระบบเสียง Dolby Atmos
สรุปแล้ว OPPO Reno 10x Zoom ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นสมาร์ทโฟนระดับพรีเมี่ยม ด้วยการออกแบบที่สวยงามแตกต่างอย่างโดดเด่น งานประกอบที่มีรายละเอียดทุกขั้นตอน มาพร้อมจอแสดงผลที่กว้างสุดขอบแบบไร้รอยบาก ให้ประสิทธิภาพสูงด้วยชิปเรือธงที่ดีที่สุดในปีนี้ของ Qualcomm และระบบกล้องที่สร้างภาพถ่ายออกมาอย่างมีคุณภาพ ไม่ว่าจะถ่ายภาพในช่วงเวลากลางวันหรือกลางคืน
ตัวอย่างภาพถ่ายกล้องหน้า
ตัวอย่างภาพถ่ายกล้องด้านหลังซูมสูงสุด 60 เท่าและ ภาพถ่ายเลนส์มุมกว้าง 120 องศา
ตัวอย่างภาพถ่ายตอนกลางคืน Ultra Night Mode 2.0
ไม่เพียงแค่นั้น OPPO ยังมอบความพรีเมี่ยมให้กับเจ้าของสมาร์ทโฟน Reno 10x Zoom ด้วยการรับประกันระดับ VIP กับบัตร Diamond Card สามารถเข้ารับบริการ International Warranty Service ได้ทั่วโลก มาพร้อมรับประกันจอแตกจำนวน 1 ครั้ง ภายในระยะเวลา 1 ปี (นับตั้งแต่วันที่ได้รับสินค้าถึงวันที่ 20 มิถุนายน 2563) สามารถขอรับเครื่องใหม่ได้ทันทีหากพบว่าสมาร์ทโฟนเกิดปัญหา และยังมีบริการทำความสะอาดเครื่องฟรี รวมทั้งช่องบริการพิเศษ ไม่ต้องรอคิวนาน สิทธิพิเศษนี้สำหรับผู้ถือบัตร Diamond Card เท่านั้น
OPPO Reno Series เปิดตัวแล้ว 2 รุ่น ได้แก่ OPPO Reno 10x Zoom ในราคา 28,990 บาท และ OPPO Reno ในราคา 16,990 บาท มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีเขียว Ocean Green และสีดำ Jet Black พร้อมวางจำหน่ายทั่วประเทศอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 15 มิถุนายนเป็นต้นไป ณ OPPO Brand Shop ทุกสาขาและผู้จัดจำหน่ายทั่วประเทศ
สำหรับลูกค้าที่สั่งจอง OPPO Reno 10x Zoom ในช่วง Pre-Order ตั้งแต่ 4-14 มิถุนายนนี้ รับของแถมสุดพรีเมี่ยม ได้แก่ Diamond Card มูลค่า 9,000 บาท ด้วย International warranty service พร้อมทั้ง Replacement Service บริการเปลี่ยนเครื่อง เมื่อเครื่องมีปัญหา และ ขาตั้งกล้อง มูลค่า 2,000 บาท และหากสั่งจอง OPPO Reno ลูกค้าจะได้รับ Premier Card มูลค่า 5,000 บาท
สำหรับลูกค้า AIS และ True ที่สั่งจอง OPPO Reno 10x Zoom ในช่วง Pre-Order ตั้งแต่ 4-13 มิถุนายนนี้ ราคาเริ่มต้นที่ 8,990 บาท และดีแทคราคาเริ่มต้นที่ 14,990 บาท (ตามเงื่อนไขที่กำหนด)