ย้อนกลับไปในปี 2014 เมื่อ Apple ได้เปิดตัว iOS 8 ซึ่งมาพร้อมฟีเจอร์ Continuity ช่วยให้ iPhone และ iPad ทำงานร่วมกันจนเกือบจะเป็นหนึ่งเดียว ไม่ว่าจะเป็นการคัดลอกแล้ววางระหว่าง 2 อุปกรณ์ รวมถึงการพิมพ์ข้อความ และทำกิจกรรมต่างๆ โดยสลับการทำงานระหว่าง iPhone และ iPad ได้อย่างต่อเนื่อง
ฟีเจอร์ Continuity ยังช่วยให้ iPad โทรออกและรับสายได้ด้วย โดยมีเงื่อนไขว่าต้องเชื่อมโยงกับ iPhone ภายในเครือข่าย Wi-Fi เดียวกัน และ iPhone กับ iPad ต้องใช้ Apple ID เดียวกัน จากนั้นให้ตั้งค่าตามขั้นตอนต่อไปนี้
1. บน iPhone ให้เข้าไปที่ Settings
2. แตะที่ Phone
3. เลือก Calls on Other Devices
4. เลื่อนปุ่ม Allow Calls On ให้ทำงาน
5. เข้าไปยัง Settings บน iPad
6. เลือก FaceTime
7. เปิดใช้งานฟีเจอร์ Calls from iPhone
วิธีโทรออกและรับสายบน iPad
หลังจากตั้งค่าตามขั้นตอนด้านบน iPad ก็พร้อมรับสายหรือโทรออกแทน iPhone แล้ว เมื่อมีสายเรียกเข้า iPad ก็จะได้รับการแจ้งเตือนด้วย และสามารถรับสายจาก iPad หรือ iPhone ก็ได้ สำหรับการโทรออกด้วย iPad ให้ทำตามขั้นตอนต่อไปนี้
1. เข้าไปยังแอพ Contacts
2. ค้นหารายชื่อที่ต้องการติดต่อ
3. แตะปุ่ม Call หรือหมายเลขโทรศัพท์ในรายการ
การโทรด้วย iPad จะให้ประสบการณ์ที่ดีกว่า iPhone โดยเฉพาะเวลาใช้ฟีเจอร์ FaceTime ด้วยขนาดจอแสดงผลที่ใหญ่กว่า ช่วยให้เห็นหน้าคู่สนทนาได้อย่างเต็มตา
สำหรับเจ้าของ iPad ที่ไม่มี iPhone หรือต้องการโทรออกโดยไม่ต้องจับคู่กับ iPhone สามารถใช้แอพพลิเคชั่นจากบุคคลที่สามได้ ไม่ว่าจะเป็น Skype, Google Voice หรือ Facebook Messenger
ที่มา – BusinessInsider
https://www.flashfly.net/wp/252120