หลังจากเปิดตัวทั่วโลกเมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้วในฐานะ สมาร์ทวอทช์ที่โดดเด่นด้วยอายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนานอย่างน่าทึ่ง ทำให้ HUAWEI WATCH GT ก้าวขึ้นเป็นสมาร์ทวอทช์ที่ขายดีที่สุดของหัวเว่ยด้วยยอดจำหน่ายรวมกว่า 1 ล้านเรือนทั่วโลก และในวันนี้หัวเว่ยได้เผยโฉมรุ่น Active Edition และ Elegant Edition ของสมาร์ทวอทช์ซีรีส์นี้
โดยรุ่น Active Edition มีขนาดหน้าปัด 46 มม. เช่นเดียวกับรุ่น Classic Edition และ Sport Edition ในขณะที่รุ่น Elegant Edition มีขนาดหน้าปัด 42 มม. พร้อมขอบหน้าปัดเซรามิค โดยเป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการสมาร์ทวอทช์หน้าปัดเล็ก HUAWEI WATCH GT Active Edition มากับหน้าจอสีแบบสัมผัส AMOLED HD ขนาด 1.39 นิ้ว ความละเอียด 454 x 454 พิกเซล ส่วน Elegant Edition ใช้หน้าจอสีแบบสัมผัส AMOLED HD ขนาด1.2 นิ้ว ความละเอียด 390 x 390 พิกเซล แสดงผลได้อย่างคมชัดสดใสทั้งสองรุ่น
แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานสุดขีด เพื่อประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้นในการออกกำลังกาย
HUAWEI WATCH GT นำแรงบันดาลใจมาจากรถยนต์แบบแกรนด์ทัวเรอร์ ซึ่งเป็นรถยนต์ระดับหรูหราที่มีสมรรถนะสูง สามารถใช้ขับด้วยความเร็วสูงในระยะทางไกลได้ดีเยี่ยม โดย HUAWEI WATCH GT ใช้ชิปเซ็ตคู่ ผสานกับการออกแบบสถาปัตยกรรมอัจฉริยะเพื่อการประหยัดพลังงาน จึงช่วยให้นาฬิกาสามารถสลับโหมดการทำงานเพื่อเน้นสมรรถนะการใช้งานหรือเน้นประสิทธิภาพด้านการประหยัดพลังงานตามลักษณะกิจกรรมของผู้ใช้ ทั้งนี้เพื่อให้แบตเตอรี่มีระยะเวลาใช้งานได้ยาวนานที่สุด
HUAWEI WATCH GT ในรุ่น Active Edition, Sport Edition และ Classic Edition มีอายุการใช้งานแบตเตอรี่ยาวนานถึง 2 สัปดาห์ในลักษณะการใช้งานทั่วไปตลอดทั้งวัน ส่วนแบตเตอรี่ของรุ่น Elegant Edition สามารถใช้งานในลักษณะเดียวกันได้นาน 1 สัปดาห์ และหากไม่มีการติดตามการออกกำลังกายโดยใช้งานในรูปแบบนาฬิกาทั่วไปเท่านั้น HUAWEI WATCH GT จะมีพลังงานแบตเตอรีให้ใช้ต่อเนื่องยาวนานสูงสุดถึง 30 วัน
คุณสมบัติด้านฟิตเนสและสุขภาพระดับแนวหน้า
HUAWEI WATCH GT
จะรองรับการติดตามการออกกำลังกายทั้งแบบในร่มและกลางแจ้งอยู่แล้ว แต่ HUAWEI WATCH GT Active Edition และ Elegant Edition ยังได้เพิ่มเติมโหมดไตรกีฬา (Triathlon) เข้ามาอีกด้วย ซึ่งโหมดนี้จะรองรับกีฬา 3 ประเภท คือ การว่ายน้ำในท้องน้ำเปิด การปั่นจักรยานกลางแจ้ง และการวิ่งกลางแจ้ง โดยสามารถบันทึกข้อมูลตลอดทุกช่วงของไตรกีฬารวมถึงเวลาในการเปลี่ยนประเภทกีฬาด้วย ทั้งนี้ HUAWEI WATCH GT รุ่น Classic Edition และ Sport Edition จะได้รับการเพิ่มเติมโหมดไตรกีฬาด้วยเช่นกันผ่านการอัพเดทซอฟท์แวร์
HUAWEI WATCH GT
มีแบตเตอรี่ที่ใช้ต่อเนื่องได้อย่างยาวนาน พร้อมด้วยเทคโนโลยีการตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจ HUAWEI TruSeen™ 3.0 จึงสามารถรองรับการวัดอัตราการเต้นของหัวใจแบบต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมงทั้งในขณะเคลื่อนไหวและในขณะพักทำงานร่วมกับการออกแบบเซ็นเซอร์ออพติคัลแบบ PPG และฮาร์ดแวร์ ตลอดจนอัลกอริธึมปัญญาประดิษฐ์ ระบบนี้จึงติดตามอัตราการเต้นของหัวใจของผู้ใช้ในแบบเรียลไทม์ได้อย่างแม่นยำ โดยที่เมื่ออยู่ในโหมดกีฬา (Sport) ผู้ใช้สามารถตั้งค่าให้ HUAWEI WATCH GT แจ้งเตือนให้ปรับระดับความเข้มเข้นในการออกกำลังกายตามอัตราการเต้นของหัวใจ และเมื่ออยู่ในโหมดหยุดพัก สมาร์ทวอทช์รุ่นนี้จะคอยติดตามและบันทึกข้อมูลอัตราการเต้นของหัวใจของผู้ใช้ในภาวะหยุดพักให้โดยอัตโนมัติรวมไปถึงเทคโนโลยีติดตามการนอนหลับ TruSleep™ 2.0 ช่วยให้สามารถตรวจวัดคุณภาพการนอนหลับของผู้ใช้ได้ ตลอดจนระบุปัญหาการนอนโดยทั่วไปของผู้ใช้ พร้อมกับให้คำชี้แนะได้กว่า 200 ข้อเพื่อช่วยปรับปรุงคุณภาพการนอนหลับ และบริการเฉพาะบุคคลที่เกี่ยวกับการนอนหลับซึ่งจะใช้ข้อมูลจากการติดตามอัตราการเต้นของหัวใจในแบบเรียลไทม์ รวมถึงการหายใจขณะนอนหลับ และการวิเคราะห์ข้อมูลบิ๊กดาต้า เพื่อให้สามารถดูแลจัดการด้านสุขภาพได้ดียิ่งขึ้น
สวยในแบบฉบับนาฬิกาคลาสสิคที่มาพร้อมสัมผัสแห่งความทันสมัย
HUAWEI WATCH GT Elegant Edition (รุ่นหน้าปัด 42 มม.) มีให้เลือกได้ในสี Magic Pearl White และสี Magic Black Pearl ซึ่งเป็นสีเซรามิคที่สร้างสรรค์ขึ้นด้วยกระบวนการพิเศษ โดยที่หน้าปัดสีขาว Magic Pearl White ใช้กระบวนการตัดด้วยเพชร เพื่อให้เกิดรอยเส้นตัดบางๆ 48 เส้น แล้วจึงขัดให้เรียบอย่างแม่นยำ ส่งผลให้เกิดเอฟเฟ็คท์เป็นสีที่แตกต่างกันออกไปเมื่อแสงตกกระทบหน้าปัดในมุมที่แตกต่างกัน
HUAWEI WATCH GT Active Edition และ Elegant Edition มีดีไซน์หน้าปัดนาฬิกาให้เลือกได้อย่างหลากหลาย จึงเข้าได้กับทุกโอกาสในการใช้งาน ไม่ว่าจะในงานเลี้ยงวันเกิด ขณะออกกำลังกาย หรือในวันทำงาน ซึ่ง HUAWEI WATCH GT Classic Edition และ Sport Edition จะได้รับคุณสมบัตินี้เพิ่มเติมด้วยเช่นกันหลังจากการอัพเดทซอฟท์แวร์ สายนาฬิกาของ HUAWEI WATCH GT Active Edition และ Elegant Edition ที่ทำจากวัสดุฟลูออโรอีลาสโตเมอร์ (Fluroelastomer) ไม่เพียงทำให้พื้นผิวโดยรวมของนาฬิกาดูดีขึ้นเท่านั้น แต่ยังให้ความทนทานและสวมสบายยิ่งขึ้นอีกด้วย โดยรุ่น Active Edition มีสายสีส้มและสีเขียวเข้ม ส่วน Elegant Edition มีสายสีดำและสีขาว