เปิดจองกันเป็นที่เรียบร้อยแล้วกับ OPPO F11 Pro สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ล่าสุดจาก OPPO มากับเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ ที่น่าสนใจหลายอย่าง ภายใต้ดีไซน์ระดับพรีเมี่ยม ด้วยบอดี้ไล่เฉดสีอย่างสวยงาม จอแสดงผลไร้กรอบแบบ Panoramic Screen อัตราส่วนหน้าจอต่อบอดี้สูงถึง 90.9% กล้องเซลฟี่ Rising Camera ที่สามารถสไลด์ขึ้น-ลงได้อัตโนมัติ ใช้ระบบปฏิบัติการเวอร์ชั่นใหม่ล่าสุด ColorOS 6.0 บนพื้นฐาน Android 9.0 Pie นอกจากนี้ ยังมีเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่น่าสนใจอีกหลายอย่าง แต่จะมีอะไรน่าสนใจอีกบ้าง? เลื่อนลงมาหาคำตอบกันได้เลย
ระบบกล้องหลังคู่ 48 + 5 ล้านพิกเซล ถ่าย Portrait สวยแม้แสงน้อย
OPPO F11 Pro มาพร้อมกล้องหลังคู่ 48 + 5 ล้านพิกเซล โดยกล้องหลักมีความละเอียด 48 ล้านพิกเซล ประกอบด้วยเลนส์ 6 ชิ้น ขนาดรูรับแสง F1.79 ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเปิดรับแสงเข้าเลนส์ ซึ่งหมายถึงจะทำให้ภาพถ่ายในที่แสงน้อยมีความคมชัดมากขึ้น อีกทั้งยังใช้เทคโนโลยี Tetracell นำข้อมูลจาก 4 พิกเซล มารวมกันเป็นพิกเซลเดียวในขนาด 1.6 ไมครอน สามารถสร้างภาพถ่ายที่มีความละเอียด 48 ล้านพิกเซล ได้อย่างคมชัดทุกรายละเอียด
ยกระดับการถ่ายภาพในที่แสงน้อยด้วย Ultra Night Mode ที่เกิดขึ้นจากการทำงานร่วมกันระหว่างเทคโนโลยี AI กับระบบ Ultra-clear Engine ช่วยให้กล้องหลังของ OPPO F11 Pro แยกบุคคลที่ต้องการโฟกัส ออกมาจากฉากหลังได้อย่างแม่นยำ พร้อมลดจุดรบกวนบนภาพถ่าย ปรับช่วงไดนามิคให้มองเห็นรายละเอียดในส่วนมืด และยังมีระบบป้องกันภาพสั่นไหวในตัว ทำให้ภาพถ่ายในเวลากลางคืนมีความสวมงามคมชัดไม่ว่าจะถ่ายภาพทั่วไปในยามค่ำคืน หรือถ่ายบุคคลในที่แสงน้อย สมกับสโลแกน “Portrait สวย แม้แสงน้อย”
ในสภาพแสงตอนกลางวัน ก็ยังได้ภาพถ่ายที่มีสีสันสดใส โดยใช้เทคโนโลยี Color Mapping ช่วยวิเคราะห์ฉากหรือสิ่งที่ต้องการถ่าย จากนั้น AI จะช่วยเพิ่มความชัดของสีให้เหมาะสมกับฉากที่จดจำได้ นอกจากนี้ AI ยังสามารถระบุฉากหรือวัตถุที่ต้องการจะถ่ายได้ 23 ประเภท และปรับภาพให้เหมาะสมได้ถึง 864 ฉาก ทำให้ผู้ใช้งานทั่วไปถ่ายภาพต่างๆ ให้ออกมาสวยงาม โดยไม่ต้องมีพื้นฐานการถ่ายภาพมาก่อน
กล้องหลังของ OPPO F11 Pro ยังถ่ายภาพได้รวดเร็วขึ้น เพราะใช้เทคโนโลยี Closed-loop VCM มาช่วยโฟกัส สามารถจับโฟกัสในการถ่ายภาพแบบไดนามิคได้ในเวลาเพียง 0.1 วินาที (เร็วกว่า Open-loop VCM ถึง 600 – 700 มิลลิวินาที) ช่วยให้ถ่ายภาพวัตถุที่กำลังเคลื่อนไหวได้ดียิ่งขึ้น
การออกแบบไล่ระดับสีสุดพรีเมี่ยม
OPPO F11 Pro ได้รับการออกแบบเหมือนเป็นสมาร์ทโฟนระดับพรีเมี่ยม โดดเด่นด้วยเทคนิคการเคลือบผิวแบบไล่ระดับสี โดยสี Thunder Black มีการไล่ระดับสีถึง 3 เฉด เช่นเดียวกับเทคนิคการแรเงาภาพวาดสีน้ำ ประกอบด้วยสีแดง, น้ำเงิน และ สีดำ ผสมผสานกันจนดูเหมือนสีสันบนท้องฟ้ายามค่ำคืน และยังมีสี Aurora Green ที่ใช้เทคนิคพิเศษในการเคลือบผิวจนสะท้อนเงาเป็นรูปตัว S
นอกจากสีสันที่สวยงามของดีไซน์ด้านหลังแล้ว OPPO F11 Pro ยังใช้ดีไซน์ 3D ส่วนขอบโค้งมน เพื่อให้รองรับกับฝ่ามือของผู้ใช้งาน เพิ่มความกระชับเมื่อจับถือ โครงสร้างโดยรวมก็ถูกสร้างมาเพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีที่สุด อย่างตำแหน่งลำโพงด้านล่างที่อยู่ตรงมุม ช่วยให้มือของผู้ใช้งานไม่มาปิดบัง ทำให้เสียงรอดผ่านออกมาอย่างชัดเจนแม้ถือสมาร์ทโฟนในแนวนอน และยังติดตั้งไมโครโฟนตัวที่สองไว้ที่ด้านบน แยกอิสระจากไมโครโฟนตัวหลักที่อยู่ด้านล่าง
ดีไซน์ไร้กรอบไร้รอยบากแบบ Panoramic Screen
OPPO F11 Pro ยังมีจอแสดงผลที่โดดเด่น เพราะใช้ดีไซน์ไร้กรอบแบบ Panoramic Screen ความละเอียด 2340 x 1080 พิกเซล ขนาดใหญ่ 6.5 นิ้ว รองรับเฟรมเรทสูงสุด 60 เฟรมต่อวินาที มีอัตราส่วนภาพ 19.5:9 อัตราส่วนหน้าจอต่อบอดี้สูงถึง 90.9% ป้องกันรอยด้วยกระจก Corning Gorilla Glass 5 ถึงแม้จอแสดงผลจะมีความกว้างจนสุดขอบ แต่ OPPO F11 Pro ก็ยังติดตั้งเซ็นเซอร์ Proximity กับ Light มาให้เหมือนเดิม โดยถูกซ่อนไว้บริเวณลำโพงด้านบน
เบื้องหลังที่ทำให้ OPPO F11 Pro สามารถใช้จอแสดงผลแบบกว้างสุดขอบ โดยไม่มีรอยบาก อยู่ที่ระบบกล้อง Rising Camera ที่ติดตั้งไว้ด้านบน สามารถสไลด์หรือเลื่อนขึ้น-ลงอัตโนมัติ เมื่อต้องการถ่ายภาพเซลฟี่ หรือสแกนใบหน้าเพื่อปลดล็อคสมาร์ทโฟน และมากับกล้องเซลฟี่ 16 ล้านพิกเซล พร้อมด้วยโหมด AI Beauty ที่ฉลาดยิ่งขึ้น สามารถปรับแต่งใบหน้า รวมไปถึงโครงสร้างของใบหน้า ให้ออกมาสวยงามอย่างธรรมชาติ ไม่ว่าจะถ่ายเซลฟี่คนเดียวหรือแบบกลุ่ม ใบหน้าของเพื่อนๆ ก็จะออกมาดูดีทุกคน ถึงแม้บุคคลในกลุ่มจะมีเพศ สีผิว และ อายุ แตกต่างกัน
VOOC Flash Charge 3.0
เทคโนโลยีชาร์จเร็วเวอร์ชั่นใหม่ VOOC Flash Charge 3.0 ช่วยให้ OPPO F11 Pro สามารถชาร์จแบตเตอรี่จนเต็มในเวลาเพียง 80 นาที (ชาร์จเร็วกว่าแบบเดิมถึง 20 นาที) และผ่านการรับรองจาก TÜV SÜD จึงมั่นใจได้ในความปลอดภัย
ชาร์จเร็ว แต่มีอายุการใช้งานยาวนาน OPPO F11 Pro มากับความจุแบตเตอรี่ 4000mAh ให้พลังงานยาวนานสูงสุด 15.5 ชั่วโมง สำหรับการใช้งานทั่วไป หรือชมวีดีโอนานสูงสุด 12 ชั่วโมง และเล่นเกมนานต่อเนื่อง 5.5 ชั่วโมง
ปัจจัยที่ช่วยให้ OPPO F11 Pro จัดการพลังงานของแบตเตอรี่ได้ดีขึ้น มาจากการใช้ชิปประมวลผลที่มีประสิทธิภาพในการประหยัดพลังงานเพิ่มขึ้น มีความจำ RAM แยกส่วนสำหรับจอแสดงผล และปรับแต่งซอฟต์แวร์ให้ช่วยตรวจสอบแอพพลิเคชั่นที่ไม่ได้ถูกใช้งาน
Hyper Boost
Hyper Boost ช่วยให้ OPPO F11 Pro มอบประสบการณ์การเล่นเกมที่ดีขึ้น โดยใช้นวัตกรรมเร่งประสิทธิภาพของสมาร์ทโฟนให้มีความเร็วยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเกม PUBG Mobile หรือ ROV ก็ตอบสนองการเล่นได้อย่างลื่นไหลด้วยค่าเฟรมเรทเฉลี่ย 59.7 เฟรมต่อวินาที และยังสนับสนุนเกมอื่นๆ ที่ได้รับความนิยมรวมทั้งหมด 11 เกม
Hyper Boost ยังทำให้การใช้งานฟีเจอร์หรือเรียกแอพพลิเคชั่นต่างๆ มีความรวดเร็วขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการกลับสู่หน้าจอโฮม ทำได้เร็วขึ้น 27% เลื่อนไปยังหน้าจอถัดไปได้เร็วขึ้น 19% หรือ การเปิดแอพ Facebook ก็เข้าถึงได้ไวขึ้น 31% นอกจากนี้ Hyper Boost ยังเรียนรู้พฤติกรรมของผู้ใช้งาน เพื่อจัดสรรทรัพยากรในระบบให้เหมาะสมกับผู้ใช้งานแต่ละคน จึงสามารถตอบสนองการใช้งานได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น
ColorOS 6.0 ระบบปฏิบัติการเวอร์ชั่นใหม่ล่าสุด
OPPO F11 Pro กับระบบปฏิบัติการเวอร์ชั่นใหม่ล่าสุด ColorOS 6.0 และมาพร้อมฟีเจอร์ที่น่าสนใจอย่าง Smart Assistant ที่เข้าถึงได้อย่างรวดเร็วเพียงปัดนิ้วไปทางขวาของหน้าจอโฮม ซึ่งฟีเจอร์ Smart Assistant จะแสดงข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับผู้ใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นการแจ้งเตือนจากแอพพลิเคชั่น, ข้อมูลการเดินทาง, ติดตามการออกกำลังกาย, ทางลัดเข้าถึงแอพต่างๆ และยังมีฟีเจอร์ค้นหาแหล่งช้อปปิ้งออนไลน์ เพียงใช้กล้องถ่ายภาพสินค้าที่สนใจ Smart Assistant ก็จะค้นหาแหล่งช้อปปิ้งให้ทันที
ทั้งนี้ OPPO F11 Pro เปิดรับจองในประเทศไทยแล้ว ตั้งแต่วันที่ 16 มีนาคมที่ผ่านมา ในราคา 10,990 บาท สามารถจับจองได้ที่ OPPO Brand Shop รวมถึงร้านค้าชั้นนำทั่วประเทศ และยังทำโปรโมชั่นร่วมกับผู้ให้บริการฯ AIS, Dtac และ TrueMove H ซึ่งมีส่วนลดให้สูงถึง 50% เมื่อซื้อพร้อมสมัครใช้บริการรายเดือนตามเงื่อนไขที่แต่ละบริษัทฯ กำหนด