Apple เปิดตัว iPad Air รุ่น 10.5 นิ้ว อย่างทางการแล้ว และดูเหมือนจะเข้ามาทำตลาดแทนที่ iPad Pro รุ่น 10.5 นิ้ว ด้วยขนาดจอแสดงผลเท่ากัน ดีไซน์คล้ายกัน และยังรองรับ Apple Pencil เหมือนกัน แต่ iPad ทั้ง 2 รุ่น จะมีอะไรที่แตกต่างกันบ้าง เลื่อนลงมาหาคำตอบไปพร้อมกัน
การกำหนดราคาเป็นปัจจัยหลักที่สำคัญที่สุด ในการดึงดูดความสนใจ iPad Air มีราคาเริ่มต้น 17,900 บาท สำหรับรุ่น Wi-Fi และเริ่มต้น 22,400 บาท สำหรับรุ่น Wi-Fi + Cellular ขณะที่ iPad Pro รุ่น 10.5 นิ้ว ก่อนถูกถอดออกไปจากชั้นวางสินค้า มีราคาเริ่มต้น 23,900 บาท สำหรับรุ่น Wi-Fi และเริ่มต้น 28,400 บาท สำหรับรุ่น Wi-Fi + Cellular ทั้งคู่มีเวอร์ชั่น 64GB กับ 256GB ให้เลือกเหมือนกัน แต่ iPad Pro รุ่น 10.5 นิ้ว มีเวอร์ชั่น 512GB เป็นอีกทางเลือก
ดีไซน์ของ iPad Air รุ่น 10.5 นิ้ว (2019) กับ iPad Pro รุ่น 10.5 นิ้ว (2017) มีความคล้ายกันมาก ทั้งขนาดบอดี้ ภาพลักษณ์โดยรวม ทั้งคู่มีปุ่มโฮมพร้อม Touch ID ช่องเสียบหูฟัง และพอร์ตเชื่อมต่อ Lightning อย่างไรก็ตาม iPad Air มีลำโพง 2 ตัว ขณะที่ iPad Pro ติดตั้งมาให้ 4 ตัว
ด้านสีสัน iPad Air ผลิตออกมา 3 สี คือ สีเงิน, สีเทาสเปซเกรย์ และ สีทอง ซึ่งเป็นเฉดสีใหม่ ที่มีส่วนผสมของสีทองกับสีโรสโกลด์ ขณะที่ iPad Pro มีการแยกสีทอง กับ สีโรสโกลด์ อย่างชัดเจน
จอแสดงผลของ iPad ทั้ง 2 รุ่น มีสเปกเดียวกันมากับความละเอียด 2224 x 1668 พิกเซล ความหนาแน่นพิกเซล 264 พิกเซลต่อนิ้ว รองรับขอบเขตสีกว้าง P3 และการแสดงผลแบบ True Tone อย่างไรก็ตาม iPad Air มีอัตรารีเฟรช 60Hz แต่ iPad Pro มี ProMotion ที่ให้อัตราการรีเฟรชสูงถึง 120Hz
iPad Air รุ่น 10.5 นิ้ว มากับชิปประมวลผล A12 Bionic พร้อม Neural Engine ที่ช่วยจัดการด้าน AI และ Machine Learning ซึ่งแน่นอนว่ามีประสิทธิภาพดีกว่าชิป A10X Fusion ที่ฝังอยู่ใน iPad Pro รุ่น 10.5 นิ้ว และไม่มี Neural Engine
ในส่วนของอายุการใช้งานแบตเตอรี่ iPad ทั้ง 2 รุ่น ให้พลังงานยาวนานสูงสุด 10 ชั่วโมงเท่ากัน จากการทดสอบในห้องทดลองของ Apple
iPad Air รุ่น 10.5 นิ้ว ได้รับกล้องหลัง 8 ล้านพิกเซล ขณะที่ iPad Pro รุ่น 10.5 นิ้ว มีความละเอียด 12 ล้านพิกเซล และยังเหนือกว่าด้วยระบบป้องกันภาพสั่นไหว OIS มีแฟลช LED มาให้ใช้งานในที่แสงน้อย อย่างไรก็ตาม iPad Air ไม่มีขอบกันชนเลนส์กล้องที่นูนออกมา และมีกล้อง FaceTime แบบเดียวกัน
ระบบเชื่อมต่อของ iPad Air รุ่น 10.5 นิ้ว มีความทันสมัยกว่า โดยรองรับ LTE ที่ระดับ Gigabit ขณะที่ iPad Pro รุ่น 10.5 นิ้ว รองรับ LTE Advanced ในทางทฤษฎี iPad Air ควรจะเชื่อมต่อข้อมูลผ่านระบบ Cellular ได้เร็วกว่า อย่างไรก็ตาม ทั้งคู่สนับสนุน Wi-Fi 802.11a/b/g/n/ac เหมือนกัน แต่ iPad Air มาพร้อม Bluetooth 5.0 ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่กว่า Bluetooth 4.2 ที่พบใน iPad Pro
นอกจากนี้ iPad ทั้ง 2 รุ่น ยังรองรับ Smart Keyboard และสนับสนุนการใช้งานร่วมกับ Apple Pencil รุ่นแรกเหมือนกัน
สรุป
iPad Air รุ่น 10.5 นิ้ว มีราคาถูกกว่าพอสมควรเมื่อเทียบกับ iPad Pro รุ่น 10.5 นิ้ว แต่ก็ต้องแลกมาด้วยลำโพง 2 ตัว จอแสดงผลไม่มี ProMotion กล้องหลังความละเอียดน้อยกว่าและไม่มีแฟลช LED รวมถึงระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบออปติคอล
จอแสดงผลของทั้งคู่ เป็นแบบ Retina ขนาดและความละเอียดเท่ากัน ดีไซน์โดยรวมเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นปุ่มโฮมที่มี Touch ID ช่องเสียบหูฟัง พอร์ตเชื่อมต่อ Lightning กล้องหน้า 7 ล้านพิกเซล และอายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่นานพอกัน
อย่างไรก็ตาม iPad Air รุ่น 10.5 นิ้ว ได้เปรียบในเรื่องของชิปประมวลผลที่ใช้รุ่นใหม่กว่า พร้อมการเชื่อมต่อมาตรฐานใหม่ทั้ง LTE ระดับ Gigabit และ Bluetooth 5.0
ที่มา – MacRumors
https://www.flashfly.net/wp/245311