Samsung พร้อมส่งสมาร์ทโฟน Galaxy A50 และ Galaxy A30 เข้ามาทำตลาดในประเทศไทยแล้ว โดยมากับฟีเจอร์ที่ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ ด้วยดีไซน์ใหม่ของ Samsung แบบ Infinity-U ที่มีรอยบากรูปตัวยู สำหรับวางกล้องเซลฟี่ พร้อมเทคโนโลยีกล้องหลัง 3 ตัวเทียบเท่าสมาร์ทโฟนระดับเรือธง และเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอแบบ On-Screen ที่ติดตั้งมาใน Galaxy A50
Samsung Galaxy A50 และ Galaxy A30 มีดีไซน์ Infinity-U ในขนาด 6.4 นิ้วแบบเดียวกัน และขนาดตัวเครื่องเท่ากันที่ 158.5 x 74.7 x 7.7 มิลลิเมตร น้ำหนักก็ใกล้เคียงกันมาก ซึ่งสิ่งสามารถแยกความแตกต่างของทั้งสองรุ่นนี้ได้อย่างชัดเจนก็คือ Galaxy A50 มาพร้อมกล้องหลัง 3 ตัว (Triple Camera) ขณะที่ Galaxy A30 ได้รับกล้องคู่หลัง (Dual Camera)
Galaxy A50 และ Galaxy A30 มากับจอแสดงผลเทคโนโลยี Super AMOLED ความละเอียด 1080 x 2340 พิกเซล ระดับ Full HD+ ขนาด 6.4 นิ้ว โดยมีพื้นที่ขอบจอบางเฉียบ บนดีไซน์ Infinity-U ที่ซ่อนกล้องหน้าสำหรับเซลฟี่ไว้ในรอยบากรูปตัวยูดังกล่าว
สำหรับ Galaxy A50 พิเศษกว่าตรงที่ซ่อนเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือไว้ใต้จอแสดงผลด้วย ขณะที่ Galaxy A30 ใช้เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบดั้งเดิม ที่ติดตั้งไว้ด้านหลัง
ด้านขวาตัวเครื่องของ Galaxy A50 มีการติดตั้งปุ่มปรับระดับเสียง กับปุ่มเพาเวอร์
ส่วนด้านซ้ายมีถาดใส่การ์ดแบบ 3 ช่อง (Triple Slot) สำหรับใส่ซิมการ์ด 2 ช่อง (รองรับ 4G ทั้ง 2 ช่อง) และการ์ด MicroSD อีก 1 ช่อง (รองรับความจุสูงสุด 512GB)
ด้านล่างประกอบไปด้วย ลำโพงเสียง, ไมโครโฟนตัวหลัก, พอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB Type-C และช่องหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร
Galaxy A30 มีการดีไซน์แบบเดียวกับ Galaxy A50 จึงมีตำแหน่งของปุ่มสั่งการต่างๆ เหมือนกัน ได้แก่ติดตั้งปรับระดับเสียง กับปุ่มเพาเวอร์
ที่ด้านซ้ายมีถาดใส่การ์ดแบบ 3 ช่อง (Triple Slot) สำหรับใส่ซิมการ์ด 2 ช่อง (รองรับ 4G ทั้ง 2 ช่อง) และการ์ด MicroSD อีก 1 ช่อง (รองรับความจุสูงสุด 512GB)
ด้านบนมีไมโครโฟนตัวที่ 2 สำหรับช่วยตัดเสียงรบกวนรอบข้าง
ด้านล่างประกอบไปด้วย ลำโพงเสียง, ไมโครโฟนตัวหลัก, พอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB Type-C และช่องหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร
คุณสมบัติการถ่ายภาพ Galaxy A50 มาพร้อมกล้องเซลฟี่ที่ด้านหน้าคมชัด 25 ล้านพิกเซล รูรับแสง F2.0 และกล้องหลัง 3 ตัว ความละเอียด 25 + 8 + 5 ล้านพิกเซล รูรับแสง F1.7 + F2.2 + F2.2 โดยกล้องรอง 8 ล้านพิกเซล ใช้เลนส์ Ultra-wide มุมกว้าง 123 องศา และกล้องตัวที่ 3 ช่วยถ่ายภาพในโหมด Live Focus
ทางด้าน Galaxy A30 มาพร้อมกล้องหน้าเซลฟี่ 16 ล้านพิกเซล รูรับแสง F2.0 และมีกล้องคู่หลังความละเอียด 16 + 5 ล้านพิกเซล รูรับแสง F1.7 + F2.2 โดยกล้องรองใช้เลนส์ Ultra-wide มุมกว้าง 123 องศา
กล่าวได้ว่า Galaxy A50 สามารถถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอได้ดีกว่า เพราะมีกล้องจับระยะชัดลึกโดยตรง ส่วน Galaxy A30 ก็สามารถละลายฉากหลังได้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นกล้องเซลฟี่ หรือกล้องด้านหลัง แต่จะเป็นการเบลอด้วยซอฟต์แวร์เป็นหลัก
สำหรับการถ่ายวีดีโอ กล้องของ Galaxy A30 และ Galaxy A50 รองรับการบันทึกภาพเคลื่อนไหวในความละเอียดเท่ากัน 1920 x 1080 ที่ 30 เฟรมต่อวินาที
ด้านประสิทธิภาพ Galaxy A50 ใช้ชิปประมวลผล Exynos 9610 (2.3GHz Quad Core + 1.7GHz Quad Core) ความจำ RAM 6GB จับคู่กับ ROM 128GB ขณะที่ Galaxy A30 ใช้ชิปประมวลผล Exynos 7904 (1.8GHz Dual Core + 1.6GHz Hexa Core) ความจำ RAM 4GB จับคู่กับ ROM 64GB ซึ่งทั้ง 2 รุ่น สนับสนุนการ์ด MicroSD สูงสุด 512GB เลยทีเดียว
Galaxy A50 และ Galaxy A30 ทำงานบนพื้นฐานระบบปฏิบัติการ Android Pie พร้อมครอบอีกชั้นด้วย Samsung One UI เวอร์ชันใหม่แบบเดียวกับ Galaxy S10 เรือธง และรองรับ Bixby Home ซึ่งได้รับความจุแบตเตอรี่เท่ากันที่ 4000 mAh พร้อมกับเทคโนโลยีชาร์จเร็วแบบ 15W Fast Charging ผ่านพอร์ตเชื่อมต่อมาตรฐานใหม่ USB Type-C ที่หาได้ยากในสมาร์ทโฟนระดับเดียวกันจากค่ายอื่น
ถึงแม้ Galaxy A50 และ Galaxy A30 จะได้รับการออกแบบมาคล้ายกัน แต่สเปกโดยรวม มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ที่แตกต่างกันออกไปนั่นเอง ซึ่งราคาของ Galaxy A30 เปิดมาที่ 7,290 บาท ส่วน Galaxy A50 แขวนป้ายราคาไว้ที่ 11,490 บาท
ราคาที่ต่างกันถึง 4,200 บาท ก็มาพร้อมเทคโนโลยีที่เหนือกว่า ทั้งกล้องหลัง 3 ตัว และเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือบนจอแสดงผล รวมถึงชิปประมวลผลรุ่นใหม่ที่แรงกว่า และความจำ RAM+ROM ที่มากกว่า ซึ่งขึ้นอยู่กับตัวผู้ใช้เองว่ารุ่นใดตอบโจทย์ของท่านได้มากที่สุด
สรุปแล้ว ถ้าใครกำลังมองหาสมาร์ทโฟนไว้ตอบสนองการใช้งานทั่วไป ชมคอนเทนต์วีดีโอ ท่องเว็บ อัพเดทโลกโซเชียล จะเลือกรุ่นไหนก็ได้ระหว่าง Galaxy A30 หรือ Galaxy A50 แต่ถ้าอยากได้สมาร์ทโฟนที่ถ่ายภาพและเล่นเกมได้ดีกว่า คงต้องจ่ายเงินเพิ่มอีก 4,200 บาท