หลังจากเปิดตัวทางการเมื่อต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ตอนนี้ Nokia 8.1 ทางทีมงานก็ได้โอกาสจับเครื่องจริง พร้อมนำมารีวิวให้ทุกท่านได้ชมกัน ซึ่งนับว่าเป็นอีกหนึ่งสมาร์ทโฟนที่ HMD Global ให้ความสำคัญในการออกแบบเป็นพิเศษ ทำให้มีความสวยงามพรีเมี่ยม และยังอัดแน่นด้วยเทคโนโลยีกล้องถ่ายภาพ พร้อมประสิทธิภาพที่เหมาะสมกับราคา
Nokia 8.1 ใช้เทคโนโลยีจอแสดงผลแบบ PureDisplay ให้การแสดงสีสันถูกต้องแม่นยำ สามารถสู้แสงได้ดีในที่กลางแจ้ง โดยมีขอบเขตสีกว้าง 96% และสนับสนุนเทคโนโลยี HDR10 กับความละเอียดระดับ Full HD+ บนหน้าจอขนาด 6.18 นิ้ว ในอัตราส่วน 18.7:9
สำหรับจอแสดงผลของ Nokia 8.1 ใช้ดีไซน์ไร้ขอบในชื่อ edge-to-edge โดยมีรอยบากที่ขอบจอด้านบน พร้อมติดตั้งกล้องเซลฟี่ ลำโพงหูฟัง และเซ็นเซอร์ที่จำเป็นอย่าง Ambient Light และ Proximity
ส่วนที่ด้านล่างมีการติดโลโก้ Nokia ไม่มีปุ่มโฮมเหมือนรุ่นก่อนๆ และปรับมาใช้ปุ่มนำทางบนหน้าจอแทน
ด้านหลังมีดีไซน์พื้นผิวมันเงา มาพร้อมกล้องคู่ (Dual Camera) จาก Zeiss Optics ข้างกันมีแฟลช 2 ดวง (Dual Hi-Cri) ถัดลงมาเป็นเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ และมีโลโก้ Nokia สกรีนในแนวตั้ง ส่วนล่างยังติดโลโก้ Android One เอาไว้ด้วย
ขอบด้านข้างมีความบางไม่ถึง 8 มิลลิเมตร รัดด้วยกรอบโลหะรอบด้าน โดยที่ด้านขวามีการติดตั้งปุ่มปรับระดับเสียง และปุ่มเพาเวอร์ไว้
ขณะที่ด้านซ้ายตัวเครื่องมีถาดใส่การ์ด รองรับ 2 ซิมการ์ดแบบไฮบริด (Hybrid-Slot) ที่ในช่องซิมการ์ดที่สองจำเป็นต้องเลือกใส่ระหว่างซิมการ์ดที่ 2 หรือ MicroSD
ด้านบนมีช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร และมีไมโครโฟนตัวที่สองอยู่ตรงเส้นเสาอากาศ ทำหน้าที่ช่วยลดเสียงรบกวนรอบข้าง
ส่วนด้านล่างประกอบไปด้วยไมโครโฟน พอร์ต USB Type-C และลำโพงตัวหลักที่มี Smart Amplifier
Nokia 8.1 มาพร้อมระบบปฏิบัติการเวอร์ชั่นใหม่ล่าสุด Android 9 Pie และอยู่ในโครงการ Android One ซึ่งเป็นการยืนยันว่าจะได้รับการอัพเดทเวอร์ชั่นใหม่อย่างสม่ำเสมอและรวดเร็ว ในช่วงเวลา 2 ปีแรกเป็นอย่างน้อย สำหรับระบบปฏิบัติการ Android 9 Pie ได้รับการพัฒนาให้จัดการพลังงานได้ดียิ่งขึ้น จึงประหยัดแบตเตอรี่มากกว่าเวอร์ชั่นก่อน และยังออกแบบ User Interface ที่เน้นควบคุมหรีอสั่งการผ่านปลายนิ้ว
ด้านประสิทธิภาพของฮาร์ดแวร์ Nokia 8.1 เลือกใช้ชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 710 รุ่นใหม่ ที่สามารถตอบสนองการเล่นเกมได้อย่างลื่นไหล ไม่ว่าจะเป็น Asphalt 9, PUBG Mobile, ROV โดยมีผลการทดสอบจากแอพชื่อดังอย่าง AnTuTu Benchmark ที่ 156,969 คะแนน และจากแอพ Geekbench ในด้าน Multi-Core ที่ 5,893 คะแนน พร้อมด้าน Single-Core ที่ 1,847 คะแนน
สำหรับความจำ RAM ให้มาที่ 4GB จับคู่กับ ROM 64GB สนับสนุนการ์ด MicroSD สูงสุด 400GB และมีแบตเตอรี่ความจุ 3500mAh พร้อมรองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 18 วัตต์ (Power Adapter 9V/2A แถมในกล่องแพ็กเกจ)
กล้องคู่ (Dual Camera) ที่ด้านหลังของ Nokia 8.1 ประกอบด้วยกล้องหลักคมชัด 12 ล้านพิกเซล มีระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบ OIS ส่วนกล้องรองคมชัด 13 ล้านพิกเซล สำหรับช่วยจับระยะชัดลึก โดยมาพร้อมโหมด Square, Panorama, Live Bokeh, Pro, Slow Motion และ Time-lapse สามารถเลือกใช้งานได้จากเมนูส่วนล่าง ขณะที่ขอบบนก็ยังมีไอคอนเปิดลูกเล่นต่างๆ อย่างเช่น AR Sticker และ Beauty
สำหรับกล้องเซลฟี่ที่ด้านห้าความละเอียด 20 ล้านพิกเซล ติดตั้งไว้ในรอยบากที่ขอบจอด้านบน โดยรองรับโหมด Beauty พร้อมบริการ Google Lens รวมถึงการเซลฟี่ในที่แสงน้อย หรือเวลากลางคืน และยังสามารถใช้สแกนใบหน้าเพื่อปลดล็อคสมาร์ทโฟนได้ด้วย
Nokia 8.1 โดดเด่นที่ดีไซน์ ไล่มาตั้งแต่จอแสดงผลแบบ edge-to-edge ขนาด 6.18 นิ้ว พร้อมสนับสนุนเทคโนโลยี HDR10 จึงเหมาะสำหรับการรับชมวีดีโอ ที่ให้ภาพคมชัดกว่าสมาร์ทโฟนทั่วไปที่ไม่รองรับการแสดงผลแบบ HDR รวมถึงขับเคลื่อนด้วยชิปประมวลผลที่ตอบสนองการเล่นเกมได้เป็นอย่างดี และมีกล้องดิจิตอลที่ให้ภาพถ่ายออกมาน่าประทับใจ Nokia 8.1 จึงเหมาะสำหรับผู้ใช้งานที่ต้องการสมาร์ทโฟนที่ให้ความบันเทิงได้ ออกแบบมาอย่างพรีเมียม และมีชื่อเสียงของแบรนด์ที่วางใจได้ อีกทั้งยังวางจำหน่ายในราคาย่อมเยาเพียง 9,990 บาท
ตัวอย่างภาพถ่ายจาก Nokia 8.1