Vivo ได้เปิดตัวสมาร์ทโฟนสุดล้ำรุ่นใหม่ล่าสุด “V15 Series” ในไทยอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดย V15 Series ถือเป็นโมเดลรุ่นแรกนอกเหนือจากรุ่น NEX ที่นำนวัตกรรมกล้องหน้าแบบเลื่อนอัตโนมัติซึ่ง Vivo เป็นเจ้าแรกที่พัฒนาและคิดค้นขึ้นมา พร้อมด้วยเทคโนโลยี AI อัพเกรดใหม่ ผสมผสานกับหน้าจอสมาร์ทโฟนไร้ขอบที่แท้จริงและจุดเด่นอื่นๆอย่างผู้ช่วยส่วนตัวที่เข้าใจความต้องการและคอยให้ความช่วยเหลือ พัฒนาและผสมผสานออกมาเป็น V15 Series สุดล้ำสมัย
นับเป็นการตอกย้ำว่า Vivo กำลังสร้างปรากฎการณ์ครั้งใหม่ในอุตสาหกรรมสมาร์ทโฟนอีกครั้ง จากการยกระดับประสบการณ์การใช้สมาร์ทโฟนด้วยการออก Vivo V series รุ่นใหม่อย่าง V15Pro และ V15 ในราคาที่จับต้องได้และแน่นอนว่าต้องพร้อมด้วยเทคโนโลยีไฮเทคแบบอัดแน่นที่ปกติจะพบเห็นแค่ในสมาร์ทโฟนเกรดพรีเมียมเท่านั้น
ความน่าตื่นเต้นของนวัตกรรมสุดล้ำของ V15 Series นอกเหนือจากกล้องหน้าแบบเลื่อนอัตโนมัติหรือ Elevating Front Camera และเทคโนโลยีที่เกี่ยวกับการถ่ายภาพอย่าง AI Triple Camera กล้องหลัง 3 ตัว ที่จะทำให้การถ่ายภาพโปรด้วยโทรศัพท์สมาร์ทโฟน เหนือระดับขึ้นไปอีกขั้น ทั้งยังมีเทคโนโลยีสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอเสริมสร้างความปลอดภัยและปกป้องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
“นวัตกรรมคือหนึ่งในคุณค่าหลักของเราและนอกเหนือจากกล้องหน้าแบบเลื่อนอัตโนมัติเจ้าแรกในอุตสาหกรรมสมาร์ทโฟนที่ให้กำเนิดหน้าจอไร้ขอบที่แท้จริงนั้นVivoยังมุ่งมั่นค้นหาอย่างไม่หยุดยั้งเพื่อนำเอาฟีเจอร์ที่เป็นจุดเปลี่ยน อย่างเช่นกล้องคุณภาพสูงและ AI services อันชาญฉลาด เพื่อทำให้ผู้ใช้งาน ได้สัมผัสประการณ์การใช้มือถือในมิติใหม่” [นายบุญชัย วัฒนนิมิตรพร], [ผู้จัดการฝ่ายโปรดักซ์]. “V15 Series คือตัวอย่างที่ชัดเจนของความตั้งใจในการนำผลิตภัณฑ์ที่มีเทคโนโลยีสุดล้ำสมัย ส่งมอบให้กับลูกค้าทุกประเภท”
หน้าจอที่กว้างขึ้นทำให้นวัตกรรมกล้องหน้าแบบเลื่อนอัตโนมัติเป็นจริงได้
นวัตกรรมกล้องหน้าแบบเลื่อนอัตโนมัติได้แรงบันดาลใจมาจาก Vivo NEX ที่เรียกเสียงฮือฮาไปก่อนหน้านี้ โดย V15 Series รุ่นล่าสุด มีกล้องหน้าแบบเลื่อนอัตโนมัติเช่นเดียวกันกับรุ่น NEX แต่การกลับมาครั้งนี้ มีการอัพเกรดกล้องหน้าแบบเลื่อนอัตโนมัติให้ดีและล้ำยิ่งกว่าเดิมเพราะกล้องหน้าแบบเลื่อนอัตโนมัติของ V15 Series มีความละเอียดสูงถึง 32 ล้านพิกเซล ซึ่งถือเป็นการยกระดับการถ่ายภาพเซลฟี่ให้คมชัดยิ่งขึ้นกว่าเดิม อีกทั้ง Vivo ยังได้อัพเกรดกลไกการทำงานของกล้องหน้าแบบเลื่อนอัตโนมัติของ V15 Series ตลอดจนดีไซน์ที่ต้องมั่นใจว่าแข็งแรง ทนทานต่อการใช้งานอย่างสมบุกสมบัน
นวัตกรรมกล้องหน้าแบบเลื่อนอัตโนมัติที่เปิดตัวแรงในฐานะคอนเซ็ปต์เป็นครั้งแรกที่งาน MWC 2018 เมื่อปีที่แล้ว และถูกนำไปพัฒนาต่อยอดจนกลายเป็นฟีเจอร์สุดปังของรุ่น NEX ได้ก่อให้เกิดไอเดียหน้าจอไร้ขอบที่ได้ประสิทธิภาพโดยไม่กระทบต่อคุณภาพของรูปภาพและตำแหน่งของกล้อง และเนื่องจาก V15 Series สามารถกำจัดรอยบากออกไปได้สำเร็จ ทำให้สัดส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่องของ V15Pro กว้างถึงใจผู้ใช้งานอยู่ที่ 91.64% ส่งผลให้ผู้ใช้งานได้สัมผัสประสบการณ์หน้าจอมุมกว้างในแบบไม่เคย สัมผัสมาก่อนไม่ว่าจะเป็นการเล่นเกม ดูวิดีโอ หรือเล่นโซเชียลมีเดีย ก็ต่างเต็มอิ่มกับหน้าจอกว้างๆ ได้แบบไร้สิ่งรบกวนสายตา โดยหน้าจอไร้ขอบที่แท้จริงหรือ AMOLED Ultra FullView™ Display ของ V15Pro มีสัดส่วนอยู่ที่ 19.5:9 ขนาดหน้าจอ 6.39 นิ้ว โดยมีการลดขอบหน้าจอด้านข้างให้เหลือ 1.75 มิลลิเมตร และด้านบนให้เหลือเพียงแค่ 2.2 มิลลิเมตรเท่านั้น ส่วนในรุ่น V15 มีสัดส่วนหน้าจออยู่ที่ 19.5.9 FHD+ ขนาดหน้าจอ 6.53 นิ้ว มีสัดส่วนหน้าจอสูงถึง 90.95% เพิ่มมุมมองในการใช้งานให้มากขึ้น
จับภาพที่สมบูรณ์แบบด้วยฟีเจอร์ AI Triple Camera
V15Pro รุ่นนี้มาพร้อมกับโซลูชั่น AI สุดล้ำ ที่จะยกระดับประสบการณ์การถ่ายภาพขึ้นไปอีกขั้น เพราะนวัตกรรม AI Triple Camera ของ V15Pro จะทำให้ผู้ใช้งานสามารถถ่ายภาพออกมาได้คมชัดและได้มุมมองที่กว้างมากขึ้น และด้วยความเหนือขั้นของกล้องหลัง 3 ตัวซึ่งประกอบไปด้วย Dept Camera ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล Super Wide-Angle Camera ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล และกล้องหลักความละเอียดสูงสุดถึง 48 ล้านพิกเซล และในรุ่น V15 กล้องหน้ามีความละเอียดสูงสุด 32 ล้านพิกเซล และ กล้องหลัง Triple Camera ความละเอียดสูงสุด 24 ล้าน
กล้องทั้ง 3 ตัวนี้ จะผนึกกำลังความอัจฉริยะในการถ่ายภาพ ให้ผู้ใช้งาน ถ่ายภาพออกมาได้เป๊ะ ราวกับมืออาชีพ โดยเทคโนโลยี 4 อิน 1 ในกล้องหลักคือการรวมพิกเซล 4 พิกเซลให้ได้พิกเซลที่ใหญ่ขึ้นเพื่อเพิ่มความคมชัดของภาพถึงกว่า 12 ล้านพิกเซล แม้จะเป็นภาพที่ถ่ายในที่มืดก็ตาม อีกทั้งเทคโนโลยี AI Super Wide-Angle Camera ยังสามารถถ่ายภาพได้กว้างขึ้นกว่าเดิมถึง 120 องศา ทำให้ผู้ใช้งาน ถ่ายภาพในมุมที่กว้างมากขึ้นได้อย่างจุใจ
ความพิเศษของ V15 Series ยังไม่จบแต่เพียงเท่านี้ เพราะนอกจากฮาร์ดแวร์ที่ทรงคุณภาพของ V15Pro ซึ่งผนวกเข้ากับเทคโนโลยี AI จนทำให้การถ่ายภาพอย่างมืออาชีพเป็นเรื่องง่ายดาย V15Proที่พัฒนาต่อยอดมาจาก V11 ยังมีลูกเล่น AI ล้ำๆด้านการถ่ายภาพอีกมากมายอย่างหมวด AI Face Beauty ปรับแต่งรูปหน้าให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้นกว่าเดิม และ AI Portrait Framing ที่ช่วยจัดองค์ประกอบภาพให้ดูโดดเด่น ตลอดจน AI Super Night Mode ที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาการถ่ายภาพในที่มืดและภาพสั่น ได้อย่างคมชัดโดยไม่ต้องง้อขากล้องและกล้อง DSLR เพราะ AI Super Night Mode ของ V15Pro สามารถถ่ายภาพรัวๆได้ในทุกสถานการณ์อย่างคมชัดและสว่างสดใส
ส่วนอีกหนึ่งความน่าตื่นเต้นของนวัตกรรมการถ่ายภาพสุดล้ำของ V15Pro คือฟีเจอร์ AI Body Shaping ที่ผู้ใช้งาน สามารถปรับแต่งรูปร่างทุกสัดส่วนของร่างกาย อย่างเอว สะโพก และรูปขา ให้ออกมาสวยงามไร้ที่ติอย่างเป็นธรรมชาติโดยไม่ต้องผ่านแอพพลิเคชั่นใดๆเพิ่มเติม
เทคโนโลยีสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอทำให้การออกแบบหน้าจอออกมาสวยงามไร้สิ่งรบกวนสายตา
นวัตกรรมล้ำสมัยที่นำไปสู่ความงดงามของหน้าจอไร้ขอบที่แท้จริงของ V15 Series นั้น เป็นเพราะทาง Vivo ได้พัฒนาเทคโนโลยีสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ ซึ่งถือเป็นการพัฒนาอย่างประสบความสำเร็จมาเป็นรุ่นที่ 5 แล้ว และด้วยความละเอียดที่สูงขึ้นของพิกเซลสแกนลายนิ้วมือบวกกับระบบอัลกอริทึมที่มีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้น ทำให้ผู้ใช้งาน สามารถปลดล็อกโทรศัพท์สมาร์ทโฟนได้อย่างปลอดภัย และเนื่องจาก V15Pro เป็นสมาร์ทโฟนไร้แพดสแกนนิ้ว ทำให้บอดี้ด้านหลังของ V15Pro มีสีสันที่สวยสะดุดตาไร้รอยต่อด้วยสี Topaz Blue และสี Coral Red ที่เมื่อสะท้อนแสงแล้ว ทำให้เห็นเงาวิบวับสวยงามในหลากหลายมิติ เรียกได้ว่าเทคโนโลยีสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ ถือเป็นการเติมเต็มนวัตกรรมแห่งอนาคตของ V15Pro ให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้นไปอีก
การทำงานของนวัตกรรม AI ก่อให้เกิดประสบการณ์ที่ราบรื่นยิ่งขึ้น
เทคโนโลยี AI ของ Vivo ได้ก้าวขึ้นไปอีกระดับจากผู้ช่วยอันชาญฉลาดอย่าง Jovi ที่เข้าใจความต้องการและความปรารถนาของผู้ใช้งานได้ดียิ่งกว่าเดิม
ผู้จดจำรูปภาพ Jovi โฉมใหม่ล่าสุด ซึ่งขับเคลื่อนการทำงานโดยเทคโนโลยี AI สามารถเข้าถึงแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซเมนสตรีมได้กว่า 100 แพลตฟอร์ม อย่าง Shopee และ Zalora โดย Jovi สามารถค้นหาสินค้าต่างๆผ่านระบบข้อมูลได้ถึงกว่า 500 ล้านชิ้น โดยผู้ใช้งาน สามารถใช้งานได้ง่ายๆผ่านการสแกน แค่นี้ Jovi ก็สามารถระบุสถานที่ที่จำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่คุณกำลังค้นหาได้อย่างง่ายดาย นับเป็นการอำนวยความสะดวกและยกระดับการช้อปปิ้งให้ก้าวขึ้นไปอีกขั้นด้วยนวัตกรรม AI แห่งอนาคต
การใช้งาน Jovi นั้นง่ายและรวดเร็วเพียงปลายนิ้ว เพียงแค่ผู้ใช้งานกดปุ่ม Smart Button ที่อยู่ด้านข้างของ V15Pro โดยเริ่มจากการเปิดใช้งาน Google Assistant และเรียก Jovi Image Recognizer ให้เริ่มทำงาน เพียงเท่านี้ Jovi ผู้แสนชาญฉลาดก็จะถูกปลุกขึ้นมาช่วยเหลือผู้ใช้งาน และที่พิเศษสุดๆคือทาง Vivo ยังได้พัฒนานวัตกรรมจดจำรูปภาพร่วมกับพาร์ทเนอร์อย่าง Google ทำให้ V15Pro มีเสียงสั่งการที่ปรับเปลี่ยนได้เพื่ออำนวยความสะดวกสบายให้กับผู้ใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นคำสั่งใช้งาน AI Face Beauty สั่งเคลียร์เมมโทรศัพท์ หรือสั่งค้นหารูปภาพอาหารในโทรศัพท์ของคุณ เพียงแค่มอบคำสั่ง V15Pro ก็จะตอบรับคำสั่งอย่างรวดเร็วทันใจ
V15Pro ยังเอาใจเกมเมอร์ด้วยการอัพเกรดเกมโหมด 5.0 ที่มาพร้อมกับ Competition Mode โฉมใหม่ที่จัดสรรปันส่วนทรัพยากรณ์ระบบเพื่อจัดลำดับความสำคัญของเพอร์ฟอร์แมนซ์เกมและทวินเทอร์โบที่ช่วยลดปัญหาภาพกระตุก* ได้มากถึง 300% และทำให้เกมไหลลื่นแบบสุดๆ
V15Pro ทำงานโดยหน่วยประมวลผล Snapdragon 675AIE Octa-core* มาพร้อม RAM 6GB และหน่วยความจำ ROM 128GB และ V15 ทำงานโดยหน่วยประมวลผล MTK P70 มาพร้อม RAM 6GB และหน่วยความจำ ROM 128GB เพื่อการทำงานของมือถือที่รวดเร็วลื่นไหลขั้นสุด เรียกได้ว่า V15 Series นั้น พร้อมทั้งในแง่ของนวัตกรรมสุดไฮเทค สเปคแน่น ทั้งยังชาร์ตแบตเต็มได้รวดเร็วจากเทคโนโลยี Dual-Engine Fast Charging ที่สามารถชาร์ตแบตได้ 1/4 ภายในเวลาเพียงแค่ 15 นาทีเท่านั้น
Vivo V15Pro เปิดให้ Pre-Order ตั้งแต่วันที่ 1-8 มีนาคม 2562 และจะเริ่มวางจำหน่ายอย่างเป็น ทางการในวันที่ 9 มีนาคม 2562 โดยจะมีให้เลือกทั้งหมด 2 สี ได้แก่ Topaz Blue ( น้ำเงิน-ฟ้า ) , Coral Red ( แดง-ส้ม ) และ Vivo V15 เปิดให้ Pre-order ตั้งแต่วันที่ 16 – 27 มีนาคม 2562 จะวางจำหน่ายในวันที่ 28 มีนาคม 2562 เป็นต้นไป โดยจะมีให้เลือกทั้งหมด 2 สี ได้แก่ Topaz Blue ( น้ำเงิน-ฟ้า ) , Glamour Red ( แดง ) ท่านใดที่สนใจสามารถจับจองเป็นเจ้าของได้ที่ตัวแทนจัดจำหน่ายสมาร์ทโฟนชั้นนำ ทั่วประเทศ ผู้ที่สนใจสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ ทาง www.vivo.com