เปิดตัวกันอย่างเป็นทางการไปเรียบร้อยแล้วกับ Samsung Galaxy S10 Series ที่คราวเปิดตัวออกมาพร้อมกันถึง 4 รุ่นทีเดียวนั่นก็คือ Galaxy S10e,Galaxy S10 ,Galaxy S10+ และ Galaxy S105G รวมไปสมาร์ทโฟนพับได้ Galaxy Fold ที่เรียกเสียงฮือฮาเป็นอย่างมากในงานเปิดตัว
ซึ่งตอนนี้รุ่นที่พร้อมเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยมี 3 รุ่นก่อนนั่นก็คือ Galaxy S10e,Galaxy S10 และ Galaxy S10+ ที่ชูจุดเด่นด้านการออกแบบใหม่หมด หลังจากที่บรรดาสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ทั่วไปตามท้องตลาดได้วางจำหน่ายออกมาอย่างไม่ขาดสายซึ่งก็มีหน้าตาคล้ายกันไปหมด โดยคราวนี้ Samsung จึงเปลี่ยนแนวคืดใหม่หาความแตกต่างด้วยการไม่อยู่ในกรอบแบบเดิมด้วยการหันไปดูสินค้าจากแวดวงอื่นๆบ้างอาทิจอภาพ TV หรือเลนส์กล้องถ่ายภาพของมือโปร เป็นต้นจึงทำให้เป็นที่มาของการออกแบบ Galaxy S10 Series ในครั้งนี้ซึ่งเป็นการฉลองครอบ 10 ปีของซีรีย์ S แฟลกชิปจากทาง Samsung อีกด้วย
หน้าจอ Infinity O Display เป็นการเจาะรูบนหน้าจอ Super AMOLED รุ่นแรกในโลก
สำหรับหน้าจอแบบใหม่ของ Galaxy S10 Series ทั้ง 3 รุ่นนี้มีชื่อว่า Infinity O Display เป็นการเจาะรูบนหน้าจอ Super AMOLED รุ่นแรกในโลก ซึ่งเป็นสิทธิบัตรเฉพาะของทาง Samsung เท่านั้น ซึ่งหน้าจอของ Galaxy S10e นั้นมีขนาด 5.8 นิ้ว Galaxy S10 มีขนาด 6.1 นิ้ว ที่มุมขวาด้านบนจะมีรูกล้องเซลฟี่ 1 ตัว ส่วน Galaxy S10+ นั้นมีขนาดหน้าจอ 6.4 นิ้ว ด้านบนขวาจะมีกล้องเซลฟี่ 2 ตัวรุ่นแรกของโลก
ด้านหน้าใช้กระจก Gorilla Glass 6 ที่ทนทานกว่าแบบเดิม (รุ่น Galaxy S10e ใช้กระจก Gorilla Glass 5) ด้านหลังใช้กระจก Gorilla Glass 5
ส่วนเฟรมด้านข้างตัวเครื่องเป็นอลูมิเนียมซีรีย์ 7000 ที่แข็งแกร่งอย่างมาก นอกจากนี้ในรุ่น Galaxy S10+ ยังมีรุ่นพิเศษฝาหลังเป็นเซรามิคที่สวยงามและทดทานอีกด้วย ทุกรุ่นยังคงมีช่องหูฟัง 3.5 มม. ให้ใช้งาน กันน้ำมาตราฐาน IP68 ทั้ง 3 รุ่น
ความสุดยอดของหน้าจอ Infinity O Display นั้นยังมาพร้อมเทคโนโลยีระดับโลก Cinematic Display ที่มาพร้อมหน้าจอ Dynamic AMOLED ในการแสดงสีและภาพได้ต่อเนื่อง รองรับเทคโนโลยี HDR10+ บนหน้าจอสมาร์ทโฟนรุ่นแรกของโลก มีค่า JNCD เพียง 0.4 เท่านั้นซึ่งค่านี้ยิ่งตัวเลขน้อยยิ่งมีความแม่นยำที่สุด นอกจากหน้าจอยังมีค่า Contrast ถึง 1:1,000,000 สามารถแสดงเฉดสีได้ครบถ้วนกว่ารุ่นก่อนหน้า
สแกนนิ้วบนหน้าจอระบบ Ultrasonic รุ่นแรกของโลก
สแกนนิ้วบนหน้าจอด้วยเทคโนโลยีระบบ Ultrasonic รุ่นแรกของโลก ซึ่งจะเป็นการใช้คลื่นเสียงสแกนลายนิ้วมือแบบ 3 มิติทำให้เห็นเส้นบนรายนิ้วทั้งหมด ซึ่งมีความแม่นยำสูง แม้แต่นิ้วมือที่เปียกน้ำก็สามารถสแกนได้ ด้วยเทคโนโลยีนี้ใช้คลื่นเสียงในการสแกนทำให้เกิดมีข้อแม้ในการติดตั้งกระจกกันรอยจะทำให้ไม่สามารถใช้งานได้ เนื่องจากตัวกระจกจะมากั้นรบกวนคลื่นนั่นเอง แต่ Samsung ก็ได้ติดแผ่นกันรอยมาให้จากโรงงานแล้ว
และด้วยเป็นหน้าจอแบบใหม่ทำให้ Samsung ได้ถอดฟีเจอร์ Iris Scanner หรือการสแกนม่านออกไปจากในรุ่น Galaxy S10 Series เรียบร้อยแล้วเนื่องมีคนใช้งานน้อยกว่าการสแกนนิ้วและมีปัญหากับบางแอพพลิเคชั่นที่ไม่รองรับการใช้งานอย่างแอพพลิเคชั่นเกี่ยวกับทางด้านการเงินเป็นต้น แต่การใช้งานฟีเจอร์ปลดล็อคด้วยใบหน้าได้อยู่
กล้องดิจิตอลเทียบชั้นกล้อง DSLR
สำหรับกล้องดิจิตอลของ Galaxy S10 Series นั้นก็ได้รับการอัพเกรดครั้งใหญ่เช่นเดียวกันโดยทาง Samsung ได้ทำการสำรวจการใช้งานกล้องถ่ายภาพทั่วได้ 3 ลักษณะที่นิยมถ่ายอยู่บ่อยๆนั่นก็คือการถ่ายภาพทั่วไป ถ่ายภาพบุคคล และภาพวิว ซึ่ง Samsung ก็ใส่มาในกล้องของ Galaxy S10 Series ทั้งหมดนี้แล้วในเครื่องเดียว โดยทั้ง Galaxy S10 และ Galaxy S10+ ก็มาพร้อมกล้องดิจิตอลด้านหลัง 3 ตัว ดังนี้
- กล้องเทเลโฟโต้ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล F2.4 มุมกว้าง 45 องศา ซูมได้ 2 เท่ามี OIS
- กล้องหลักความละเอียด 12 ล้านพิกเซลแบบ Auto Focus F1.5/F2.4 มุมกว้าง 77 องศา มี OIS
- กล้องเลนส์มุมกว้าง Ultra Wide ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล F2.2 มุมกว้าง 123 องศา
ส่วนกล้องหลังของ Galaxy S10e จะมี 2 ตัวคือ กล้องหลักความละเอียด 12 ล้านพิกเซล และกล้องเลนส์มุมกว้าง Ultra Wide มีการอัพเกรดเพิ่มซีน AI จากเดิม 20 แบบเป็น 30 แบบ ซึ่งที่เพิ่มเข้ามานั้นอาทิ เสื้อผ้า ,หมา ,แมว ,เด็ก หรือเครื่องดื่ม เป็นต้น
นอกจากนี้ยังมีโหมดถ่ายภาพกลางคืน Bright Night ที่เป็นการรวมภาพถ่าย 7 ภาพเข้ามาเป็นภาพเดียวในเวลาเพียงไม่กี่วินาที ทำให้ได้ภาพที่สว่างคมชัดทั้งภาพ มีโหมด Shot Suggestion ช่วยนำกล้องไปยังตำแหน่งที่ดีที่สุดในการเลือกมุมมองถ่ายภาพ ซึ่งใช้ AI ที่เรียนรู้มากว่าหลายล้านภาพว่าฉากหลังที่เราจะถ่ายนั้นเป็นภาพอะไรและควรขยับไปมุมไหนถึงจะถ่ายออกมาได้องค์ประกอบภาพที่สวยงามที่สุด
การถ่ายวิดีโอก็มาแบบ Pro-Level กันสั่นได้แบบกล้อง Action Camera
ในรุ่น Galaxy S10 Series นี้ทาง Samsung ได้เน้นฟีเจอร์ด้านการถ่ายวิดิโอมาเป็นพิเศษเพราะกำลังเทรนนิยมในปัจจุบัน ซึ่งมาพร้อมเทคโนโลยีกันสั่นได้ไม่แพ้กับกล้อง Action Camera ถือได้ว่าเป็นระบบกันสั่นดีที่สุดบนสมาร์ทโฟนในตลาดตอนนี้
นอกจากนี้ยังรองรับการถ่ายวิดีโอความละเอียด 4K ที่ 60fps แบบ HDR10+ รุ่นแรกของโลกอีกด้วย การถ่าย Super Slomo ก็สามารถถ่ายได้นานกว่าเดิมถึง 2 เท่า และสามารถแก้ไฟล์ได้เลย
กล้องหน้าแบบ Dual Pixel ความละเอียด 10 ล้านพิกเซลรุ่นแรกของโลก
Galaxy S10+ มาพร้อมกล้องหน้าแบบ Dual Pixel ความละเอียด 10 ล้านพิกเซล F1.9 แบบ Auto Focus รุ่นแรกของโลก รองรับการถ่ายวิดีโอ 4K ด้วย ส่วนกล้องอีกตัวเป็นกล้องโบเก้ RGB ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล F2.2 ขณะที่ Galaxy S10e และ Galaxy S10 มีกล้องหน้าตัวเดียวความละเอียด 10 ล้านพิกเซล ใช้ซอฟท์แวร์ในการถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอ นอกจากนี้ AR Emoji ยังถูกอัพเกรดเป็น Motion AR Emoji รองรับการเคลื่อนไหวทุกส่วนของได้แล้ว
สเปกแรงที่สุดในโลกแรมสูง 12GB หน่วยความจำ 1TB
เพื่อเป็นการฉลองครบรอบ 10 ปีของ Galaxy S Series ทาง Samsung จัดเต็มอย่างมากกับสเปกของ Galaxy S10 Series โดยทั้ง 3 รุ่นใช้ชิปเซ็ต Exynos9 9820 รุ่นใหม่ล่าสุด CPU เร็วขึ้น 19% GPU 37% ประหยัดพลังงานกว่าเดิม 15% เท่านี้ยังไม่พอยังเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกของโลก ที่มาพร้อมแรม 12GB หน่วยความจำภายในถึง 1TB และยังรองรับ Micro SD สูงสุด 2TB แถมยังเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกที่รองรับ WiFi 6
ฟีเจอร์ใหม่ Power Share ให้ Galaxy S10 เป็นที่ชาร์จไร้สายให้กับอุปกรณ์อื่นได้ไม่ใช่แค่สมาร์ทโฟน แต่รองรับทั้งสมาร์ทวอช หรือหูฟังไร้สายก็รองรับทั้งมหดรวมถึง iPhone รุ่นใหม่ๆ นอกจากนี้ยังสามารถใช้ชาร์จแบบ 2 ทางได้โดยถ้าวางอุปกรณ์ซ้อนไว้พร้อมเสียบสายชาร์จแบตเตอรี่ตัวเครื่องไปด้วย แบตเตอรี่ก็จะเต็มทั้ง 2 อุปกรณ์
โดยแบตเตอรี่ของ Galaxy S10e ความจุ 3100mAh ,Galaxy S10 ความจุ 3400mAh และ Galaxy S10+ ความจุ 4100mAh ทั้ง 3 รุ่นรองรับการชาร์จแบบไร้ Wireless charging 2.0 รวมถึงสามารถใช้งาน Dex ต่อออกจอคอมพิวเตอร์ใช้งานแทน PC ได้ แถม
Bixby ผู้ช่วยอัจฉริยะก็มาพร้อมฟีเจอร์ใหม่
Bixby ผู้ช่วยอัจฉริยะก็มาพร้อมฟีเจอร์ใหม่ Bixby Routine สามารถสั่งให้ Bixby ทำอะไรได้เช่น เมื่อมาถึงออฟฟิส เปิด Wi-Fi ,ให้ปิดเสียงมือถือ และเปิดเเพลงเป็นต้น รวมถึงใช้ AI ที่ได้ทำการเรียนรู้พฤติกรรมการใช้งานตัวเครื่องบ่อยๆมาช่วยตั้งค่า Bixby Routine ให้เราก็ได้ นอกจากนี้ Bixby Vision ก็ได้เพิ่ม Apps Mode เข้ามาซึ่งจะเป็นการนำ AR มาใช้ในการเลือกดูสินค้า อย่างทดลองใส่แว่น หรือเฟอนิเจอร์เป็นต้น
เล่นเกมขั้นเทพพร้อมระบบระบายความร้อน Vapor Chamber
สเปก Galaxy S10 Series จัดมาแรงขนาดนี้ด้านการเล่นเกมก็หายห่วง เล่นสะใจด้วยระบบรอบทิศทาง Dorby Atmos ตัวเครื่องรองรับเกมที่พัฒนาโดย Unity หากนำมาเล่นบน Galaxy S10 จะลื่นไหลกว่าเดิมถึง 10% แต่ถ้าเกมไหนพัฒนาด้วย Unreal Engine ก็เล่นได้ดีไม่แพ้กัน นอกจากนี้ Galaxy S10 Series ยังมีระบบระบายความร้อนด้วย Vapor Chamber แบบเกมมิ่งโฟนอีกด้วย ทำให้ตัวเครื่องไม่ร้อนเวลาเล่นไปนานๆ ถูกใจคอเกมตัวจริงอย่างแน่นอน
สุดท้ายสรุปราคาสีความจุและรุ่นทั้งหมดของ Samsung Galaxy S10 ที่วางจำหน่ายในประเทศไทยมีดังต่อไปนี้
- Galaxy S10e แรม 6GB รอม 128GB ราคา 26,900 บาท
- Galaxy S10 แรม 8GB รอม 128GB ราคา 31,900 บาท
- Galaxy S10+ แรม 8GB รอม 128GB ราคา 35,900 บาท
- Galaxy S10+ แรม 8GB รอม 512GB ราคา 44,900 บาท
- Galaxy S10+ แรม 12GB รอม 1TB ราคา 55,900 บาท
สีขาว Prism White
- Galaxy S10e แรม 6GB รอม 128GB
- Galaxy S10 แรม 8GB รอม 128GB
- Galaxy S10+ แรม 8GB รอม 128GB
สีดำ Prism Black
- Galaxy S10 แรม 8GB รอม 128GB
- Galaxy S10+ แรม 8GB รอม 128GB
สีเขียว Prism Green
- Galaxy S10e แรม 6GB รอม 128GB
- Galaxy S10 แรม 8GB รอม 128GB
- Galaxy S10+ แรม 8GB รอม 128GB
สีขาวเซรามิค Ceramic White
- Galaxy S10+ แรม 8GB รอม 512GB
- Galaxy S10+ แรม 12GB รอม 1TB
สีดำเซรามิค Ceramic Black
- Galaxy S10+ แรม 8GB รอม 512GB
- Galaxy S10+ แรม 12GB รอม 1TB
สำหรับที่สนใจจับจองเป็นเจ้าของตอนนี้ Samsung ก็ได้เปิดจองอย่างเป็นทางการแล้ว พร้อมกับโปรโมชั่นแรงๆจากทั้ง 3 ค่ายมือถือในประเทศไทยทั้ง AIS,dtac และ Truemove H ก็มีออกมาเรียบร้อยแล้วเช่นเดียวกันกับลดราคาสูงสุด 50% พร้อมประกันจอแตกนาน 1 ปีใครอยู่ค่ายไหนก็ไปจับจองกันได้ หรือจะเป็นโปรโมชั่นจอง Galaxy S10+ ความจุ 128GB อัพเกรดเป็นความจุ 512GB ฟรี หรือเลือกรับเป็น Galaxy Watch มูลค่า 12,900 บาทฟรีแทนได้ เรียกว่าโปรโมชั่นเล้าใจมากๆ ส่วนใครที่รอรีวิวตัวเต็มของ Galaxy S10 และ Galaxy S10+ ติดตามได้เร็วๆนี้เช่นเคย ส่วน Galaxy S105G และ Galaxy Fold จะเข้าไทยหรือไม่ ราคาเท่าไรทีมงาน @flashfly จะรีบอัพเดทให้ทราบก่อนใครอย่างแน่นอน
บทความโดย – www.flashfly.net