เว้นระยะห่างจากรุ่นก่อนเกือบ 17 เดือน สำหรับ iPad Pro รุ่นใหม่ การกลับมาในครั้งนี้ มีความเปลี่ยนแปลงไปแบบพลิกโฉม ปุ่มโฮมได้หายไปแล้ว แทนที่ด้วย Face ID ใช้งานได้เหมือนกับ iPhone X series มาพร้อม Apple Pencil รุ่นใหม่ ที่แนบติดกับ iPad Pro ด้วยแม่เหล็ก เรียกได้ว่า นี่คือการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของ iPad นับตั้งแต่ Steve Jobs แนะนำให้พวกเราได้รู้จักเป็นครั้งแรก แต่จะมีอะไรน่าสนใจบ้าง? เว็บไซต์ iPhoneHacks ได้รวบรวมมาให้แล้ว
การออกแบบใหม่หมด
iPad Pro รุ่นใหม่ ได้รับการออกแบบใหม่หมด ด้วยดีไซน์ Edge-to-Edge ขยายพื้นที่ไปให้ชิดขอบจอมากที่สุด แต่ไม่ถึงกับมีขอบจอบางเฉียบเหมือนกับ iPhone รุ่นใหม่ เพื่อให้ผู้ใช้งานจับถือได้อย่างถนัด และด้วยการออกแบบใหม่ ก็ทำให้ iPad Pro ในปีนี้ บางและเบาลงกว่าเดิม และมีขนาดเล็กลงจากเดิมมาก
เมื่อเทียบกับ iPad Pro รุ่นเก่า จะเห็นว่าในรุ่น 11 นิ้ว (2018) มีขนาดเล็กและบางกว่ารุ่น 10.5 นิ้ว (2017) และรุ่น 12.9 นิ้ว (2018) ก็มีขนาดเล็กและบางกว่ารุ่น 12.9 นิ้ว (2017) อย่างชัดเจน Apple บอกว่า iPad Pro รุ่นใหม่ มีขนาดโดยรวมเล็กกว่ารุ่นเก่า 25%
จอแสดงผล Liquid Retina
iPad Pro รุ่นใหม่ ยังใช้จอแสดงผล LCD แต่ใช้จอภาพ Liquid Retina แบบเดียวกับที่เคยนำมาใช้ใน iPhone XR ให้ขอบเขตสีกว้างแบบ P3 รองรับแสดงผลแบบ True Tone และเทคโนโลยี ProMotion ทั้งหมดนี้ช่วยทำให้จอแสดงผลของ iPad Pro รุ่นใหม่ ให้สีสันที่สวยงาม เป็นธรรมชาติ และสบายตา
iPad Pro รุ่นใหม่ ทั้งรุ่น 11 นิ้ว และ 12.9 นิ้ว มีความหนาแน่นพิกเซลเท่ากัน 264 พิกเซลต่อนิ้ว และให้ความสว่าง 600 นิต เท่ากัน
Face ID
เป็นครั้งแรกที่ Apple นำ Face ID มาใช้กับอุปกรณ์ iPad โดยอาศัยระบบกล้อง TrueDepth แบบเดียวกับที่พบใน iPhone X series ช่วยปลดล็อค iPad Pro รุ่นใหม่ แทนการสแกนลายนิ้วมือบน Touch ID แบบเดิม รองรับฟีเจอร์ Animoji และ Memoji รวมทั้งใช้ยืนยันตัวตนเมื่อชำระเงินผ่าน Apple Pay
ไร้ปุ่มโฮม
iPad Pro รุ่นใหม่ ไม่มีปุ่มโฮมแบบ Physical อีกต่อไปแล้ว ทำให้พื้นที่ขอบจอบางงกว่าเดิม แต่ในแง่ของการใช้งาน ก็ทำให้ iPad Pro มีความคล้ายกับ iPhone X series ด้วยวิธีการควบคุม User Interface ด้วย Gesture หรือใช้ปลายนิ้วปัดบนหน้าจอเป็นส่วนใหญ่ เช่น แตะหน้าจอเพื่อปลุก iPad Pro, ปัดขึ้นจากด้านล่างเพื่อเปิด Dock ในแอพไหนก็ได้, ปัดขึ้นและหยุดค้างไว้ครู่หนึ่งเพื่อแสดงแถบสลับแอพ หรือเพียงปัดขึ้นจากด้านล่างแบบเร็วๆ ก็กลับไปหน้าจอโฮมได้ทันที ไม่ว่าจะอยู่ตรงส่วนไหน
ชิปประมวลผล
iPad Pro รุ่นใหม่ มากับชิป Apple A12X Bionic ที่มี 8 แกนประมวลผล ประกอบด้วย 4 แกนประสิทธิภาพสูง กับอีก 4 แกน ประหยัดพลังงาน มาพร้อมจีพียู 7 แกน ให้ประสิทธิภาพกราฟิกที่เร็วขึ้นถึง 2 เท่า เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า และยังมี Neural Engine ที่สามารถดำเนินการต่างๆ ได้ถึง 5 ล้านล้านรายการต่อวินาที
Apple Pencil รุ่นที่ 2
iPad Pro รุ่นใหม่ เปิดตัวพร้อมกับ Apple Pencil รุ่นที่ 2 ซึ่งได้รับการออกแบบใหม่เช่นเดียวกัน ตัวด้ามมีพื้นผิวด้าน ช่วยให้จับได้ถนัดมือ มีสันขอบที่แบนราบ ไม่ได้กลมกลึงเหมือนรุ่นก่อน จึงช่วยป้องกันการกลิ้งหล่น ที่น่าสนใจก็คือ Apple Pencil รุ่นหใม่ รองรับการแตะ 2 ครั้ง เพื่อสลับใช้เครื่องมือได้อย่างรวดเร็ว อย่างเช่นในแอพ Notes สามารถแตะนิ้วที่ปากกา 2 ครั้ง เพื่อเปลี่ยนเครื่องมือจากดินสอเป็นยางลบ และสนับสนุนการทำงานร่วมกับแอพพลิเคชั่นบุคคลที่สาม อย่างแอพ Photoshop จะสามารถแตะเพื่อซูมเข้าซูมออกได้ด้วย
ทั้งนี้ Apple Pencil รุ่นที่ 2 ไม่รองรับการทำงานร่วมกับ iPad รุ่นที่ 6 หรือ iPad Pro รุ่นเก่า และวางจำหน่ายแยกต่างหากในราคา 4,490 บาท
Smart Keyboard Folio
iPad Pro รุ่นใหม่ มาพร้อมกับเคสที่ออกแบบใหม่ เรียกว่า Smart Keyboard Folio ซึ่งมีแผงคีย์บอร์ดในตัว สามารถปรับองศาการวาง iPad Pro ในรูปแบบแล็ปท็อปได้ 2 ระดับ ส่วนแผงคีย์บอร์ดก็มีปุ่มทางลัดใหม่ อย่างการเคาะบนปุ่ม Spacebar สองครั้ง จะเป็นการสแกน Face ID เพื่อปลดล็อค iPad Pro
Smart Keyboard Folio เป็นอุปกรณ์เสริมที่ต้องซื้อเพิ่มต่างหาก โดยรุ่น 11 นิ้ว มีราคา 6,490 บาท รุ่น 12.9 นิ้ว ราคา 7,290 บาท แต่ถ้าไม่ต้องการแผงคีย์บอร์ด สามารถเลืออกซื้อ Smart Folio ในราคา 3,790 บาท สำหรับรุ่น 11 นิ้ว และราคา 3,990 บาท สำหรับรุ่น 12.9 นิ้ว
USB-C
iPad Pro รุ่นใหม่ ได้เปลี่ยนพอร์ตเชื่อมต่อจาก Lightning มาใช้ USB-C ที่รองรับการโอนถ่ายข้อมูล 10 gigabit และสามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่นๆ ได้ อย่างเช่นกล้องดิจิตอล หรือ แฟลชไดรฟ์ อีกทั้งยังสามารถเชื่อมต่อกับจอภาพภายนอกได้
ความจุ 1TB
iPad Pro รุ่นใหม่ เริ่มต้นด้วยความจุ 64GB แต่รุ่นสูงสุดให้ความจุถึง 1TB ซึ่งอาจเกินความจำเป็นสำหรับผู้ใช้งานทั่วไป แต่ก็มีความสำคัญสำหรับคนที่ใช้ iPad ทำงานอย่างจริงจัง ไม่ว่าจะใช้ Photoshop หรือ ตัดต่อวีดีโอ นอกจากนี้ iPad Pro รุ่นใหม่ ยังมีอีก 2 ตัวเลือก 256GB กับ 512GB โดยมีราคาแตกต่างกันดังนี้…
ไม่มีช่องเสียบแจ็คเสียง 3.5 มม.
iPad Pro รุ่นใหม่ ไม่มีช่องเสียบหูฟัง ขนาด 3.5 มิลลิเมตร และไม่มีพอร์ต Lightning สำหรับใช้งานร่วมกับหูฟังของ iPhone รุ่นใหม่ แต่ Apple มีทางออกให้เสมอ ด้วย USB-C to 3.5 mm Headphone Jack Adapter ช่วยให้เจ้าของ iPad Pro รุ่นใหม่ นำชุดหูฟังมาตรฐานเดิม 3.5 มิลลิเมตร มาใช้งานได้ ซึ่งต้องจ่ายเงินเพิ่มอีก 390 บาท
18W Charger
เพื่อให้ iPad Pro รุ่นใหม่ ฟังเพลงผ่านชุดหูฟังอันเดิมได้ จะต้องจ่ายเงินเพิ่ม 390 บาท แต่เจ้าของ iPad Pro รุ่นใหม่ จะไม่ต้องจ่ายเงินเพิ่มเพื่อให้ชาร์จแบตเตอรี่ได้เร็วขึ้น เพราะ Apple แถมอะแดปเตอร์แปลงไฟ USB-C ขนาด 18 วัตต์ มาให้ในกล่อง ซึ่งรุ่นก่อนหน้านี้ใช้ขนาด 12 วัตต์
ที่มา – iPhoneHacks
http://www.flashfly.net/wp/?p=233090