วันนี้ Apple® เปิดตัว iPad Pro® รุ่นใหม่พร้อมดีไซน์แบบหน้าจอทั้งหมดและสมรรถนะเจเนอเรชั่นถัดไป ซึ่งนับเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ใหญ่ที่สุดของ iPad® เท่าที่เคยมีมา ดีไซน์แบบใหม่หมดขยายจอภาพ Liquid Retina™ 11 นิ้วและ 12.9 นิ้วไปจนถึงขอบของ iPad Pro อีกทั้งยังมี Face ID® สำหรับปลดล็อค iPad อย่างปลอดภัยและฉับไว1 ชิพ A12X Bionic กับ Neural Engine เจเนอเรชั่นถัดไปใน iPad Pro มีสมรรถนะดีกว่าแล็ปท็อปส่วนบุคคลส่วนใหญ่ อีกทั้งยังมีช่อง USB-C, LTE ระดับกิกะบิต และพื้นที่จัดเก็บข้อมูล 1TB เพื่อรองรับขั้นตอนการทำงานบนมือถือที่หลากหลายยิ่งขึ้น2 แอพหลายล้านตัวได้รับการออกแบบมาเพื่อใช้ประโยชน์จากจอภาพ Multi-Touch™ ขนาดใหญ่ รวมถึงแอพเจเนอเรชั่นถัดไปอย่างเช่น Photoshop CC บน iPad (พร้อมใช้ในปี 2019) iPad Pro รุ่นใหม่นี้จะขยายขอบเขตสิ่งที่ผู้ใช้สามารถทำได้บนคอมพิวเตอร์ให้กว้างขึ้นไปอีก
Apple Pencil® รุ่นที่สองจะยึดติดกับ iPad Pro ด้วยพลังแม่เหล็กและชาร์จแบบไร้สายในเวลาเดียวกัน เซ็นเซอร์ระบบสัมผัสแบบใหม่ที่ติดตั้งไว้บน Apple Pencil จะตรวจจับการแตะ เพื่อนำเสนอวิธีการใหม่ในการโต้ตอบภายในแอพ Smart Keyboard Folio™ รุ่นใหม่มาพร้อมกับดีไซน์ที่เฉียบกว่าเดิมและปรับได้เพื่อให้ใช้งานได้หลากหลายยิ่งขึ้น iPad Pro, Apple Pencil และ Smart Keyboard Folio™ รุ่นใหม่พร้อมให้สั่งซื้อตั้งแต่วันนี้และวางจำหน่ายในร้านค้าตั้งแต่วันพุธที่ 7 พฤศจิกายนเป็นต้นไป
Philip Schiller รองประธานอาวุโสฝ่าย Worldwide Marketing จาก Apple กล่าวว่า “iPad Pro รุ่นใหม่จะช่วยผลักดันการประมวลผลแบบพกพาอันทรงพลังและสร้างสรรค์ไปไกลยิ่งขึ้นด้วยดีไซน์ตัวเครื่องที่บางลง โปรเจ็กต์เสร็จไวขึ้นด้วยชิพ A12X Bionic และปลดล็อคอย่างฉับไวด้วย Face ID ไม่ว่าจะในแนวนอนหรือแนวตั้ง ขณะนั่งหรือยืน ขณะที่ iPad Pro อยู่บนโต๊ะหรือบนตัก ใช้งานร่วมกับ Smart Keyboard Folio และ Apple Pencil ใหม่” “ไม่เคยมีอุปกรณ์พกพาใดเหมือนกับ iPad Pro มาก่อน ซึ่งมีจอภาพ Liquid Retina แบบจรดขอบอันงดงามที่โค้งจนสุดมุม, สมรรถนะอันโดดเด่นที่สูงกว่าแล็ปท็อปส่วนใหญ่, Face ID, การรองรับ Smart Keyboard Folio และ Apple Pencil รุ่นใหม่, กล้องและเซ็นเซอร์ร์ล้ำสมัยแบบใหม่เพื่อประสบการณ์ AR ที่ดีที่สุดเท่าที่มีในอุปกรณ์ใดๆ, ช่องต่อ USB-C ความเร็วสูง, ลำโพงที่ดังขึ้น, ระบบไร้สายเร็วขึ้นและอีกมากมาย ทั้งหมดนี้อัดแน่นอยู่ในอุปกรณ์ที่บางลง มีอายุการใช้งานแบตเตอรี่ตลอดทั้งวัน และปริมาตรน้อยลง 25 เปอร์เซ็นต์”
ดีไซน์แบบหน้าจอทั้งหมดโฉมใหม่
iPad Pro มาพร้อมกับจอภาพที่ทันสมัยที่สุดในโลก ซึ่งก็คือจอภาพ Liquid Retina แบบจรดขอบอันงดงาม พร้อมทั้งมุมมนที่เข้ากับส่วนโค้งของตัวเครื่อง iPad Pro แบบ Unibody ด้วยแก้วขึ้นรูปความเที่ยงตรงสูง การมาส์กพิกเซลขั้นสูง การลดรอยหยักพิกเซลย่อย และดีไซน์ไฟแบ็คไลท์ใหม่ จอภาพ Liquid Retina แบบใหม่ใน iPad Pro จึงกลายเป็นจอภาพ iPad ที่สว่างที่สุดและมีสีสันถูกต้องแม่นยำที่สุดของ Apple พร้อมทั้งรองรับช่วงสีกว้าง, True Tone® และเคลือบสารกันแสงสะท้อนเพื่อให้ประสบการณ์การรับชมถูกต้องเป็นธรรมชาติทั้งในร่มและกลางแจ้ง เทคโนโลยี ProMotion™ ปรับอัตรารีเฟรชหน้าจอสูงสุด 120Hz อัตโนมัติเพื่อให้การเลื่อนไปมาลื่นไหลสุดๆ และการตอบสนองรวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อใน iPad Pro
iPad Pro 11 นิ้วรุ่นใหม่มีจอภาพขนาดใหญ่กว่าและมีพิกเซลมากกว่ารุ่น 10.5 นิ้วที่มีขนาดเดียวกัน แต่หนักเพียง 1 ปอนด์ iPad Pro 12.9 นิ้วรุ่นใหม่บรรจุจอภาพขนาดใหญ่ที่สุดในบรรดา iPad ทุกรุ่นไว้ในตัวเครื่องที่พกพาง่ายขึ้น เพราะปริมาตรลดลงถึง 25 เปอร์เซ็นต์3 ทั้งสองรุ่นมีความบางเพียง 5.9 มม. ซึ่งเป็นดีไซน์ iPad ที่บางที่สุดเท่าที่เคยมีมา จึงทำให้พกพา iPad Pro ไปไหนมาไหนได้สบายยิ่งขึ้น
ชิพ A12X Bionic และ Neural Engine เจเนอเรชั่นถัดไป
ชิพ A12X Bionic ได้รับการผลิตขึ้นมาเพื่อ iPad Pro โดยเฉพาะและเป็นชิปที่ชาญฉลาดและทรงพลังมากที่สุดในแท็บเล็ต ทำให้แม้กระทั่งงานประมวลผลที่หนักที่สุดอย่างเช่นการตัดต่อรูปภาพหรือการสร้างโมเดล 3 มิติรวดเร็วและตอบสนองไวขึ้น ผลิตขึ้นจากเทคโนโลยี 7 นาโนเมตรชั้นนำของอุตสาหกรรม ชิพ A12X Bionic แปดคอร์อันทรงพลังมีคอร์ประมวลผลการ 4 ตัวและคอร์ประหยัดพลังงาน 4 ตัว เพื่อให้สมรรถนะการทำงานแบบคอร์เดียวเร็วขึ้นถึง 35% และตัวควบคุมสมรรถนะแบบใหม่สำหรับการใช้งานพร้อมกันทั้ง 8 คอร์ เพื่อเพิ่มสมรรถนะสูงสุด 90 เปอร์เซ็นต์ในระหว่างการทำงานแบบมัลติเธรด3 GPU เจ็ดคอร์ที่ Apple ออกแบบเองมอบสมรรถนะด้านกราฟิกสูงขึ้นเป็นสองเท่า เพื่อประสบการณ์ AR ที่ยอดเยี่ยมและดื่มด่ำและคุณภาพกราฟิกระดับคอนโซล ผู้ใช้สามารถใช้ประโยชน์จากสมรรถนะอันโดดเด่นและความสามารถต่างๆ ของ iPad Pro ได้ตลอดทั้งวันด้วยอายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนานถึง 10 ชั่วโมง4
Neural Engine เจเนอเรชั่นถัดไปของ Apple ได้รับการสร้างขึ้นมาสำหรับการเรียนรู้ของเครื่องขั้นสูงทุกรูปแบบตั้งแต่การถ่ายภาพไปจนถึง AR เพราะมีความเร็วในการประมวล 5 ล้านล้านคำสั่งต่อวินาที Neural Engine ทำให้ Face ID เร็วขึ้น การตรวจจับระนาบสำหรับแอพ AR เร็วขึ้น และคุณลักษณะใหม่อื่นๆ ที่ใช้การเรียนรู้ด้วยเครื่องแบบเรียลไทม์เร็วขึ้น Neural Engine ได้รับการออกแบบมาเพื่อมอบสมรรถนะที่ดีขึ้นสำหรับงาน Core ML® ซึ่งช่วยเปิดทางให้นักพัฒนาสามารถสร้างแอพและขั้นตอนการทำงานใหม่ๆ ของ iPad ที่ใช้เอนจิ้นการเรียนรู้ของเครื่องอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
Face ID มาถึง iPad แล้ว
Face ID ซึ่งเป็นระบบการตรวจสอบใบหน้าที่ปลอดภัยที่สุดในแท็บเล็ตหรือคอมพิวเตอร์ มาถึง iPad เป็นครั้งแรกแล้ว Face ID ได้รับการออกแบบมาให้ใช้งานได้ในขณะถือ iPad Pro ในตำแหน่งใดก็ตามหรือในขณะนั่งโดยใช้ Smart Keyboard Folio ใหม่ นอกจากนี้ Face ID ยังใช้ประโยชน์จากระบบกล้อง TrueDepth® เพื่อเชื่อมโยงและจดจำใบหน้าอย่างแม่นยำเพื่อปลดล็อค iPad Pro อย่างปลอดภัย เปิดใช้งาน Apple Pay® ในแอพและทางออนไลน์ และช่วยให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงแอพที่ปลอดภัยได้อย่างง่ายดายเช่นกัน กล้อง TrueDepth บน iPad Pro ยังช่วยให้ใช้ Animoji® และ Memoji™ ได้เช่นกัน
อุปกรณ์ที่ดีที่สุดสำหรับ AR
กล้องและเซ็นเซอร์ขั้นสูงและลำโพงสี่ตัวที่ปรับปรุงใหม่ บวกกับพลังของชิพ A12X Bionic แปลง iPad Pro ที่มีช่องมองภาพขนาดใหญ่เป็นอุปกรณ์ที่ดีที่สุดสำหรับ AR ด้วยการรองรับแอพ AR เจเนอเรชั่นถัดไป การมองโลกใบใหม่ผ่านระบบ AR จึงเป็นไปได้บน iPad เช่นการวัดการสะท้อนแสงของวัตถุในโลกจริง การสำรวจอาคารในแบบ 3 มิติ และสำรวจทั้งจักรวาล Project Aero (พร้อมใช้ในปี 2019) ของ Adobe จะเปิดทางให้ผู้สร้างสามารถออกแบบประสบการณ์ที่ยกระดับ AR บน iPad ขึ้นไปอีกขั้น
Apple Pencil และ Smart Keyboard Folio รุ่นใหม่
Apple Pencil และ Smart Keyboard Folio รุ่นใหม่ที่จำหน่ายแยกต่างหากช่วยให้ผู้ใช้ iPad Pro ทำงานได้อย่างแม่นยำและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น Apple Pencil รุ่นที่สองจะยึดติดกับ iPad Pro ด้วยพลังแม่เหล็กสำหรับการจับคู่และการชาร์จแบบไร้สาย เพียงแค่แตะสองครั้งที่ Apple Pencil คุณก็สามารถเลือกใช้เครื่องมือหรือแปรงที่เหมาะกับงานได้อย่างง่ายดายภายในแอพอย่างเช่น โน้ต แอพอันทรงพลังจากนักพัฒนาชั้นนำเช่น Adobe, Autodesk และ Procreate ก็ช่วยยกระดับความคิดสร้างสรรค์ของผู้ใช้ให้มากขึ้นกว่าเดิมเช่นกัน
Smart Keyboard Folio รุ่นใหม่ปกป้องทั้งด้านหน้าและด้านหลังของ iPad Pro ด้วยดีไซน์บางเบาเรียบง่าย และมาในรูปของคีย์บอร์ดขนาดใหญ่ที่ไม่จำเป็นต้องชาร์จหรือ จับคู่ Smart Keyboard Folio รุ่นใหม่นั้นปรับได้ง่ายสำหรับการใช้บนตักหรือโต๊ะ จึงเหมาะที่สุดสำหรับการจดความคิดและการทำงานหลายอย่างในเวลาเดียวกัน
พลังและความเป็นไปได้ใหม่ๆ กับ USB-C
ช่องต่อ USB-C ใหม่มาแทนที่ช่องต่อ Lightning® เพื่อรองรับรูปแบบการใช้งาน iPad Pro ที่หลากหลายยิ่งขึ้น USB-C มีประโยชน์หลากหลายเหลือเชื่อ ทั้งจ่ายไฟฟ้าสำหรับการชาร์จ รองรับ USB 3.1 รุ่นที่ 2 สำหรับการถ่ายโอนข้อมูลแบนด์วิธสูงถึงสองเท่าจากกล้องและเครื่องดนตรี และทำหน้าที่เชื่อมต่อจอภาพภายนอกสูงสุด 5K แม้กระทั่งการชาร์จ iPhone® ด้วย iPad Pro ผ่าน USB-C ก็เป็นไปได้
iOS 12 ใน iPad Pro
iOS 12 นำคำสั่งนิ้วใหม่ๆ มาสู่ iPad ที่ผู้ใช้ iPhone X และ iPhone Xs คุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว ได้แก่การแตะเพื่อปลุกและการปัดนิ้วเพื่อไปหน้าจอโฮม เข้าถึงศูนย์ควบคุม และสำหรับการทำงานหลายอย่างในเวลาเดียวกัน แอพคำสั่งลัดใหม่ช่วยผู้ใช้ iPad เชื่อมโยงขั้นตอนการทำงานอัตโนมัติเข้าด้วยกันได้อย่างเรียบง่ายและมีประสิทธิภาพ ได้แก่ขั้นตอนการตัดต่อภาพ การตัดต่อวิดีโอ และการจัดการไฟล์และสินทรัพย์ การปรับปรุงการนำเข้ารูปภาพและการรองรับการตัดต่อภาพ RAW โดยตรง ช่วยให้ช่างภาพมีวิธีการทำงานที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นและทำงานหลายอย่างบน iPad Pro ในเวลาเดียวกันได้
FaceTime แบบกลุ่มทำให้การติดต่อกลุ่มเพื่อนหรือเพื่อนร่วมงานในเวลาเดียวกันเป็นเรื่องง่าย คุณสามารถเพิ่มผู้เข้าร่วมได้ทุกเมื่อ เข้าร่วมในภายหลังหากการสนทนายังคงดำเนินอยู่ และเลือกที่จะเข้าร่วมโดยใช้วิดีโอหรือเฉพาะเสียงจาก iPhone, iPad หรือ Mac® ผู้ใช้สามารถใช้ประโยชน์จากหน้าจอขนาดใหญ่ร่วมกับ Animoji ใหม่และ Memoji แบบปรับแต่งเองได้บน iPad เพื่อเพิ่มความเฉพาะตัวให้กับภาพถ่ายและวิดีโอในแอพข้อความและ FaceTime®
การจัดจำหน่าย
iPad Pro 11 นิ้วและ 12.9 นิ้วรุ่นใหม่จะวางจำหน่ายในสีเงินและสีสเปซเกรย์ และพื้นที่จัดเก็บข้อมูลขนาด 64GB, 256GB และ 512GB รวมทั้ง 1TB iPad Pro 11 นิ้วและ iPad Pro 12.9 นิ้วมีจำหน่ายผ่าน apple.com, ตัวแทนจำหน่ายที่ได้รับอนุญาตของ Apple และผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์บางราย (ราคาอาจแตกต่างกันไป)
iPad Pro รุ่นใหม่, Apple Pencil และ Smart Keyboard Folio พร้อมให้สั่งซื้อตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปจาก apple.com โดยจะวางจำหน่ายในร้านค้าตั้งแต่วันพุธที่ 7 พฤศจิกายน ในสหรัฐอเมริกา และอีกกว่า 40 ประเทศและภูมิภาคต่างๆ ได้แก่ออสเตรเลีย ออสเตรีย เบลเยียม บัลแกเรีย แคนาดา จีน โครเอเชีย สาธารณรัฐเช็ก เดนมาร์ก เอสโตเนีย ฟินแลนด์ ฝรั่งเศส เยอรมนี ฮ่องกง ฮังการี ไอซ์แลนด์ ไอร์แลนด์ ไอล์ออฟแมน อิตาลี ญี่ปุ่น เจอร์ซีย์ ลัตเวีย ลิธัวเนีย ลักเซมเบิร์ก มาเก๊า โมนาโก เนเธอร์แลนด์ นิวซีแลนด์ นอร์เวย์ โปแลนด์ โปรตุเกส เปอร์โตริโก โรมาเนีย สิงคโปร์ สโลวาเกีย สโลวีเนีย สเปน สวีเดน สวิตเซอร์แลนด์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และสหราชอาณาจักร iPad Pro รุ่นใหม่จะเริ่มวางจำหน่ายทีหลังในช่วงปลายปีในโคลอมเบีย กรีซ กรีนแลนด์ กัวเตมาลา อินเดีย อิสราเอล ลิกเตนสไตน์ มาเลเซีย มาซิโดเนีย เม็กซิโก โมร็อกโก เปรู กาตาร์ รัสเซีย ไทย ตุรกี ซาอุดีอาระเบีย และแอฟริกาใต้ ในส่วนประเทศและภูมิภาคอื่นๆ ที่ไม่ได้กล่าวถึงจะตามมาทีหลัง
อุปกรณ์เสริม USB-C ที่ออกแบบโดย Apple เช่น อะแดปเตอร์และสาย USB-C เป็นตัวอ่านการ์ด SD และอะแดปเตอร์ USB-C เป็นช่องต่อหูฟังขนาด 3.5 มม. นั้นมีให้เลือกซื้อมากมาย ซึ่งอุปกรณ์เสริมเหล่านี้ใช้ได้กับ iPad Pro เช่นกัน โดยจะวางจำหน่ายที่ apple.com และ Apple Store
1 จอภาพมีมุมมน เมื่อวัดเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า หน้าจอ iPad Pro รุ่น 12.9 นิ้วมีขนาด 12.9 นิ้วตามแนวทแยงมุม และหน้าจอ iPad Pro รุ่น 11 นิ้วมีขนาด 11 นิ้วตามแนวทแยงมุม และพื้นที่สำหรับการดูจริงมีขนาดน้อยกว่า
2 iPad Pro เร็วกว่า 92 เปอร์เซ็นต์ของพีซีแบบพกพาทั้งหมดที่ขายระหว่างเดือนมิถุนายน 2017 ถึงมิถุนายน 2018 (ข้อมูลจาก NPD US)
3 เมื่อเทียบกับ iPad Pro รุ่นก่อนหน้านี้
4 ระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่ขึ้นอยู่กับการตั้งค่าอุปกรณ์ การใช้งาน และปัจจัยอื่นๆ ผลลัพธ์ที่แท้จริงอาจแตกต่างกันออกไป