ในที่สุด Apple ก็ได้วางจำหน่าย iPhone รุ่นใหม่ในปี 2018 ในประเทศไทยพร้อมกันทั้ง 3 รุ่นอย่างเป็นทางการแล้วทั้ง iPhone XS,iPhone XS Max และ iPhone XR โดยมีราคาเริ่มต้นที่ 29,900 บาท ซึ่งตอนนี้ทีมงาน @flashfly ก็ได้ตัวเครื่อง iPhone XS และ iPhone XS Max สีทองความจุ 512GB ที่มีราคาสูงถึง 57,900 บาทเป็นรุ่นแพงที่สุดจาก Apple มารีวิวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว (iPhone XS ความจุ 512GB ราคา 53,900 บาท) ซึ่งเราก็จะมาทำการแกะกล่องให้ชมกันว่าจะเป็นอย่างไรบ้าง
มาเริ่มกันที่ตัวกล่องของ iPhone XS และ iPhone XS Max จะมีทั้งหมด 3 สีนั่นก็คือสีทองใหม่ล่าสุด และสีเงินกับสีเทาสเปซเกรย์ กล่องของ iPhone XS Max จะมีขนาดใหญ่กว่า iPhone XS รูปภาพบนกล่องจะมีขนาดเท่ากับเครื่องจริงเลย
ด้านข้างจะเขียนว่า iPhone ไม่ได้ระบุชื่อรุ่น ส่วนด้านบนและด้านล่างจะเป็นโลโก้รูป Apple
ด้านหลังบอกความจุชัดเจนว่า 512GB มีภาษาไทยชัดเจนบอกรายละเอียดของที่อยู่ในกล่องทั้งตัวเครื่อง iPhone XS หรือ iPhone XS Max หูฟัง EarPods แบบ Lightning ,สาย Lightning USB และอะแดปเตอร์แปลงไฟ
เปิดกล่องออกมาก็พบกับซองกระดาษวางอยู่ด้านบนสุดเช่นเคย พร้อมกับคำว่า Designed by Apple in California
ด้านในก็จะประกอบไปด้วยเอกสารคู่มือการใช้งานเบื้องต้นทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ เอกสารการรับประกันสินค้า เข็มจิ้มถาดใส่ซิม และขาดไม่ได้เลยกับสติ้กเกอร์โลโก้ Apple สีขาว ซึ่งทั้ง iPhone XS และ iPhone XS Max มีให้มาเหมือนกัน
ถัดมาเราจะเห็นตัวเครื่อง iPhone XS วางนอนอยู่ในกล่องในมุมคุ้นตามีพลาสติกใสแปะอยู่ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง
เมื่อลอกออกจะเห็นตัวเครื่องสวยงามแบบนี้ สำหรับ iPhone XS มีขนาดหน้าจอ 5.8 นิ้ว ส่วน iPhone XS Max มีขนาดใหญ่ 6.5 นิ้ว ถือได้ว่าเป็น iPhone ที่มีหน้าจอใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา
ตำแหน่งการวางปุ่มกดต่างๆเหมือนกับ iPhone X โดยทางซ้ายจะมีปุ่มปิดเปิดเสียง ปุ่มเพิ่มลดเสียง ฝั่งขวาจะเป็นด้านข้างสำหรับปิดเปิดหน้าจอและเรียกใช้งาน Siri ถัดลงมาจะเป็นช่องถาดใส่ซิม
ด้านล่างมีลำโพงสเตอริโอ ช่องเสียบสาย Lightning โดยทั้งบริเวณด้านบนและด้านล่างตัวเครื่องจะมีไมโครโฟนอยู่ 4 ตัวอัดเสียงได้รอบทิศทาง
ด้านหลังเป็นกล้องเลนส์คู่แนวตั้งเป็นเลนส์มุมกว้างและเลนส์ซูมความละเอียด 12 ล้านพิกเซล แบบเดียวกับ iPhone X ในปีที่แล้ว แต่ความแตกต่างด้านดีไซน์ในปีนี้คือทั้ง iPhone XS และ iPhone XS Max นั้นใช้กระจกที่ทนทานกว่าเดิม เปลี่ยนเซ็นเซอร์กล้องใหม่หมด และกันน้ำได้ดีกว่าเดิมอีกด้วย
วางเครื่องลงไปก่อนมาดูต่อกันกับอุปกรณ์เสริมภายในกล่อง ซึ่งถ้าสังเกตดีๆจะเห็นว่า Apple ได้จัดวางตำแหน่งอุปกรณ์ในกล่อง iPhone XS และ iPhone XS Max สลับกันตามรูป
สำหรับอุปกรณ์ที่พบอย่างแรกเลยก็คือ หูฟัง EarPods พร้อมหัวต่อแบบ Lightning พลิกไปพลิกมาหาหัวแปลงพอร์ต Lightning เป็นแจ็ก 3.5 มม.ไม่มีแถมมาให้แล้ว ใครจำเป็นต้องใช้งานต้องซื้อเพิ่มอีก 390 บาท
ต่อมากับสาย Lightning สำหรับชาร์จแบตเตอรี่และเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์
สุดท้ายกับ อะแดปเตอร์แปลงไฟขนาด 5 วัตต์ ที่ Apple ยังคงแถมมาให้แม้ว่าตัวเครื่อง iPhone นั้นจะรองรับการชาร์จแบบเร็วแล้วก็ตาม ใครอยากชาร์จ iPhone เร็วๆก็ต้องจ่ายอีก 2,390 บาทในการซื้อสาย USB-C เป็น Lightning ราคา 690 บาท และอแดปเตอร์แปลงไฟขนาด 30 วัตต์ราคา 1,700 บาท หรือจะเลือกเป็นที่ชาร์จไร้สายแบบเร็วแทนก็ได้
โดยทั้ง iPhone XS และ iPhone XS Max ที่วางจำหน่ายในประเทศไทยนั้นรองรับการใช้งาน 2 ซิมแบบ Nano ซิมและ eSIM หรือซิมที่ฝังลงในตัวเครื่องใช้งานได้โดยไม่ต้องเสียบซิมการ์ดนั่นเอง ซึ่งตอนนี้ทั้ง 3 ค่ายมือถือในไทยก็กำลังอยู่ในระหว่างดำเนินการให้บริการ สำหรับรีวิวฉบับเต็มของ iPhone XS และ iPhone XS Max สามารถติดตามได้เร็วๆนี้เช่นเคย ส่วนรีวิวแกะกล่อง iPhone XR เครื่องศูนย์ประเทศไทยอ่านต่อได้ที่นี่เลย