เมื่อเดือนที่แล้ว Apple เปิดตัว iPhone รุ่นใหม่พร้อมกัน 3 รุ่น โดยเริ่มวางจำหน่าย iPhone XS กับ iPhone XS Max ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และในเดือนตุลาคมนี้ กำลังจะวางจำหน่ายอีกหนึ่งรุ่นที่เหลือ นั่นก็คือ iPhone XR
Apple จะเปิดให้จับจอง iPhone XR ในวันที่ 19 ก่อนจะเริ่มจัดส่งและวางจำหน่ายอย่างทางการตั้งแต่วันที่ 26 ตุลาคม 2018 เป็นต้นไป แต่ถ้าใครยังลังเลใจว่าจะเลือกซื้อรุ่นไหนดีระหว่าง iPhone XR กับ iPhone XS หรือ iPhone XS Max เรามี 9 เหตุผลดีๆ มาบอกว่า iPhone XR ดีกว่าอย่างไร
1. iPhone XR มีราคาถูกกว่า
ราคาเป็นปัจจัยหลักสำหรับคนส่วนใหญ่ที่จะตัดสินใจซื้อสมาร์ทโฟน และ iPhone XR มีราคาถูกกว่า iPhone XS กับ iPhone XS Max
ราคา iPhone XR
- 64GB ราคา 749 ดอลล่าร์สหรัฐ ราคาไทย 29,900 บาท
- 128GB ราคา 799 ดอลล่าร์สหรัฐ ราคาไทย 31,900 บาท
- 256GB ราคา 899 ดอลล่าร์สหรัฐ ราคาไทย ราคา 35,900 บาท
ราคา iPhone XS
- 64GB ราคา 999 ดอลล่าร์สหรัฐ ราคาไทย 39,900 บาท
- 256GB ราคา 1,149 ดอลล่าร์สหรัฐ ราคาไทย 45,900 บาท
- 512GB ราคา 1,349 ดอลล่าร์สหรัฐ ราคาไทย 53,900 บาท
ราคา iPhone XS Max
- 64GB ราคา 1,099 ดอลล่าร์สหรัฐ ราคาไทย 43,900 บาท
- 256GB ราคา 1,249 ดอลล่าร์สหรัฐ ราคาไทย 49,900 บาท
- 512GB ราคา 1,449 ดอลล่าร์สหรัฐ หรือราว 57,900 บาท
จะเห็นว่า iPhone XR รุ่น 256GB ก็ยังมีราคาถูกกว่า iPhone XS ถามว่า 256GB เพียงพอหรือไม่ ทีมงานของ BusinessInsider บอกว่าตัวเขาเองนั้นใช้ iPhone X รุ่น 256GB ตอนนี้ติดตั้งแอพพลิเคชั่นมากกว่า 200 แอพ รวมถึงมีรูปภาพและข้อความจำนวนมาก แต่ก็ยังใช้พื้นที่ไป 64GB เท่านั้น
2. iPhone XR มีสีสันให้เหลือเยอะกว่า
iPhone XR ผลิตออกมาถึง 6 เฉดสี ได้แก่ สีขาว, สีดำ, สีฟ้า, สีเหลือง, สีส้มคอรัล และ สีแดง (PRODUCT)RED ขณะที่ iPhone XS กับ iPhone XS Max มีให้เลือก 3 สี คือ สีเทาสเปซเกรย์, สีเงิน และ สีทอง
3. iPhone XR หน้าจอใหญ่กว่า iPhone XS
iPhone XS มากับจอแสดงผล OLED ขนาด 5.8 นิ้ว แต่ iPhone XR ใช้จอแสดงผล LCD ขนาด 6.1 นิ้ว และยังพกพาสะดวกกว่า iPhone XS Max เพราะมีขนาดบอดี้เล็กกว่า น้ำหนักเบากว่า
4. iPhone XR มีกล้องหน้าเหมือนกับ iPhone XS
iPhone XR ได้รับคุณสมบัติกล้องเซลฟี่ แบบเดียวกับ iPhone XS และ iPhone XS Max รวมถึงรองรับ Face ID, Animoji และ Memoji เพราะมีระบบกล้อง TrueDepth เช่นเดียวกัน และยังสนับสนุน Smart HDR สามารถบันทึกวีดีโอด้วยกล้องด้านหน้าในระดับ Full HD 1080p สูงสุด 60 เฟรมต่อวินาที ได้เช่นเดียวกัน
5. กล้องหลังของ iPhone XR ใช้สเปกเดียวกับ iPhone XS
กล้องด้านหลังของ iPhone XR ใช้สเปกเดียวกับ iPhone XS และ iPhone XS Max เพียงแต่ขาดเลนส์เทเลโฟโต้ ที่ช่วยให้ซูมออปติคอลได้ 2 เท่า แต่ถ้าดูเฉพาะเลนส์หลัก iPhone ทั้ง 3 รุ่น ไม่ได้มีความแตกต่างกัน อีกทั้ง iPhone XR ยังสามารถถ่ายภาพ Portrait พร้อมความคุมระยะชัดลึกได้เช่นกัน รวมถึงมีระบบป้องกันภาพสั่นไหว OIS และฟีเจอร์ Smart HDR
6. ชิปประมวลผลรุ่นเดียวกัน
iPhone XR ยังได้รับชิปประมวลผล Apple A12 Bionic เหมือนกับ iPhone XS และ iPhone XS Max ที่มาพร้อมแกนประมวลผล 2 แกน สำหรับรับมือการทำงานอย่างหนัก และยังมีอีก 4 แกนแบบประหยัดพลังงาน สำหรับประมวลผลการใช้งานทั่วไป ด้านจีพียูยังให้ประสิทธิภาพกราฟิกเร็วขึ้นสูงสุด 50% เมื่อเทียบกับชิป A11 Bionic อีกทั้งยังมี Neural Engine ที่สามารถดำเนินการได้ 5 ล้านล้านรายการต่อวินาที
7. แบตเตอรี่ของ iPhone XR ดีกว่า iPhone XS
แบตเตอรี่ของ iPhone X ให้พลังงานยาวนานประมาณ 12 – 13 ชั่วโมง ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง Apple บอกว่า iPhone XS ใช้งานได้ยาวนานกว่า iPhone X สูงสุด 30 นาที นั่นหมายถึง iPhone XS จะให้พลังงานยาวนานประมาณ 12.5 – 13.5 ชั่วโมง สำหรับ iPhone XS Max ใช้งานได้ยาวนานกว่า iPhone X สูงสุด 90 นาที นั่นหมายถึง iPhone XS Max จะให้พลังงานยาวนานประมาณ 13.5 – 14.5 ชั่วโมง
Apple บอกว่า iPhone XR ใช้งานได้ยาวนานกว่า iPhone 8 Plus สูงสุด 90 นาที แหล่งข่าวบอกว่า iPhone 8 Plus ให้พลังงานยาวนานประมาณ 14 – 15 ชั่วโมง ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง และนั่นหมายถึง iPhone XR จะให้พลังงานยาวนานประมาณ 15.5 – 16.5 ชั่วโมง ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ใช้งานได้ยาวนานกว่า iPhone XS และ iPhone XS Max
8. รองรับ 2 ซิมการ์ดเหมือนกัน
ในปี 2018 เป็นครั้งแรกของ iPhone ที่สนับสนุนการใช้งาน Dual SIM และ iPhone XR ก็รองรับเช่นเดียวกับ iPhone XS และ iPhone XS Max แต่ฟีเจอร์ Dual SIM ของ iPhone ทั้ง 3 รุ่น จะรองรับซิมการ์ดปกติแบบ Nano-SIM เพียงช่องเดียว ส่วนอีกซิมนั้นจะเป็นแบบ eSIM (ยกเว้น iPhone ที่วางจำหน่ายในประเทศจีน จะรองรับ 2 ซิมการ์ดแบบ Nano-SIM ไม่มี eSIM)
9. iPhone XR, iPhone XS และ iPhone XS Max ใช้ระบบนิเวศเดียวกัน
เจ้าของ iPhone XR จะได้รับประสบการณ์การใช้งานเหมือนกับ iPhone XS และ iPhone XS Max เพราะทำงานบน iOS 12 เช่นเดียวกัน และด้วยชิปประมวลผลยังเป็นรุ่นเดียวกัน นั่นหมายถึงเวอร์ชั่นถัดไปในอนาคต iPhone XR ก็จะรองรับเหมือนกับ iPhone XS นั่นหมายถึงเจ้าของ iPhone XR จะสามารถใช้งานบริการและแอพพลิเคชั่นต่างๆ จาก App Store ได้เหมือนกับ iPhone XS ตลอดจนระบบรักษาความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว
ที่มา – BusinessInsider
http://www.flashfly.net/wp/?p=230843