Samsung Galaxy Watch เปิดตัวพร้อมกับสมาร์ทโฟน Samsung Galaxy Note 9 และตอนนี้ทั้ง 2 ผลิตภัณฑ์ก็พร้อมทำตลาดในประเทศไทยแล้ว โดยเราเคยรีวิว Galaxy Note 9 ไปแล้วก่อนหน้านี้ และก็มาถึงคิวของสมาร์ทวอทช์รุ่นใหม่ล่าสุด ที่เข้ามาทำตลาดแทนที่ Gear S3 แต่ Samsung เรียกว่า Galaxy Watch แทนใช้ชื่อ Gear S4
Samsung Galaxy Watch มีด้วยกัน 2 รุ่น เริ่มต้นที่รหัส R810 มีขนาด 42 มิลลิเมตร สายนาฬิกายาว 20 มิลลิเมตร มีให้เลือก 2 สี คือ Midnight Black กับ Rose Gold นั่นหมายถึง ออกแบบมาสำหรับผู้หญิง แต่ผู้ชายที่มีขนาดข้อมือเล็กก็สามารถสวมใส่ได้เช่นกัน ส่วนอีกรุ่นใช้รหัส R800 มีขนาด 46 มิลลิเมตร สายนาฬิกายาว 22 มิลลิเมตร มีให้เลือกเฉพาะสี Silver
ตัวเรือนของ Galaxy Watch ผลิตด้วยวัสดุสแตนเลสสตีล ขนาด 46 มิลลิเมตร มีน้ำหนัก 63 กรัม และ ขนาด 42 มิลลิเมตร มีน้ำหนัก 42 กรัม ทั้ง 2 ขนาด ได้รับการออกแบบมาให้กันน้ำได้ในระดับ 5 ATM หรือ 50 เมตร และยังได้รับมาตรฐาน MIL-STD-810G ซึ่งเป็นมาตรฐานความทนทานของกองทัพสหรัฐอเมริกา
Samsung Galaxy Watch มากับจอแสดงผล Super AMOLED หน้าปัดวงกลม (360 x 360 พิกเซล) ระบบสัมผัส รองรับฟีเจอร์ Full Color Always On Display (แสดงผลตลอดเวลาและเป็นแบบสี) ป้องกันรอยด้วยกระจก Corning Gorilla Glass DX+ ในรุ่น 46 มิลลิเมตร จอแสดงผลมีขนาด 1.3 นิ้ว และในรุ่น 42 มิลลิเมตร จอแสดงผลมีขนาด 1.2 นิ้ว
ขอบหน้าปัดนาฬิกาสามารถหมุนได้ (Rotating Bezel) ใช้ในการนำทาง User Interface สำหรับใครที่เคยใช้สมาร์ทวอทช์ของ Samsung รุ่นก่อนหน้านี้คงจะคุ้นเคยกันดี
ขอบตัวเรือนด้านข้างมีปุ่มกด 2 ปุ่ม ปุ่มบนสำหรับย้อนกลับ และปุ่มล่างสำหรับกลับสู่หน้าจอโฮม (ปุ่มล่างใช้เป็นปุ่มเปิด-ปิดเครื่องด้วย เมื่อกดค้างไว้) ทั้ง 2 ปุ่มมีผิวสัมผัสที่ดีช่วยกันลื่นในขณะกด
ด้านหลังมีเซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจ ภายในฝังแบตเตอรี่ 472 mAh สำหรับรุ่น 46 มิลลิเมตร และ 270 mAh สำหรับรุ่น 42 มิลลิเมตร ชาร์จแบตเตอรี่ผ่านแท่นชาร์จไร้สาย (แถมมาให้ในกล่อง) หรือชาร์จผ่านสายกับ Power Adapter ก็ได้เช่นกัน
Samsung Galaxy Watch ทำงานบนระบบปฏิบัติการ Tizen สำหรับอุปกรณ์สวมใส่ เวอร์ชั่น 4.0 สามารถจับคู่กับสมาร์ทโฟนได้ทั้ง Android (เวอร์ชั่น 5.0 ขึ้นไป) และ iOS (เวอร์ชั่น 9.0 ขึ้นไป) ใช้ชิปประมวลผล Exynos 9110 Dual Core 1.15GHz ความจำ RAM 768MB จับคู่กับ ROM 4GB สนับสนุนการเชื่อมต่อ Wi-Fi 802.11 b/g/n, Bluetooth 4.2, NFC และ A-GPS/Glonass
Samsung Galaxy Watch ที่เข้ามาทำตลาดในประเทศไทย ยังไม่มีเวอร์ชั่น Cellular ที่รองรับเครือข่าย 3G หรือ 4G แต่สามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน แล้วใช้ฟีเจอร์การโทรได้เช่นกัน สามารถสนทนาผ่าน Galaxy Watch ได้โดยตรง แต่สมาร์ทโฟนก็ต้องอยู่ไม่เกินรัศมีของ Bluetooth และเมื่อจับคู่กับสมาร์ทโฟนก็จะสามารถรับการแจ้งเตือนต่างๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นสายเรียกเข้า ข้อความ รวมถึงแจ้งเตือนจากแอพพลิเคชั่นต่างๆ
วิธีใช้งานหรือไปยังฟีเจอร์ต่างๆ สามารถปัดนิ้วบนจอแสดงผลไปทางซ้ายหรือขวาได้ทันที หรือจะใช้วิธีการหมุนที่ส่วนขอบของหน้าปัดก็ได้ อีกทั้งยังสามารถใช้เสียงพูดขอให้เปิดฟีเจอร์ต่างๆ ได้ ผ่าน Bixby ส่วนการเปลี่ยนดีไซน์ของหน้าปัด ก็ทำได้ง่ายๆ เพียงแตะนิ้วบนจอแสดงผลค้างไว้ แล้วเลือกหน้าปัดใหม่ที่ต้องการ
Samsung Galaxy Watch สามารถติดตามการออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการเดิน, วิ่ง, วิ่งบนเครื่องออกกำลังกาย, ปั่นจักรยาน, ว่ายน้ำ, ซิทอัพ และอื่นๆ รวม 39 รูปแบบ แต่ละแบบจะมีคำแนะนำวิธีการเคลื่อนไหวร่างกาย เหมือนมีโค้ชส่วนตัว สำหรับการสวมใส่ในระหว่างว่ายน้ำ จะมีฟีเจอร์ล็อคหน้าจอ เพื่อป้องกันไม่ให้ Galaxy Watch ไปยังฟีเจอร์อื่นๆ โดยไม่ได้ตั้งใจ จากแรงดันน้ำที่มาสัมผัสถูกจอแสดงผล
Samsung Galaxy Watch ขนาด 46 มิลลิเมตร สามารถใช้งานทั่วไปได้ยาวนาน 80 ชั่วโมง ใช้ออกกำลังกายกลางแจ้งสูงสุด 23 ชั่วโมง (ใช้ GPS) หรือ ออกกำลังกายในร่ม สูงสุด 72 ชั่วโมง
ส่วนขนาด 42 มิลลิเมตร สามารถใช้งานทั่วไปได้ยาวนาน 45 ชั่วโมง ใช้ออกกำลังกายกลางแจ้งสูงสุด 14 ชั่วโมง (ใช้ GPS) หรือ ออกกำลังกายในร่ม สูงสุด 44 ชั่วโมง
ความน่าสนใจของ Samsung Galaxy Watch อยู่ที่การออกแบบตัวเรือนให้มีความพรีเมี่ยม เลือกใช้หน้าปัดวงกลม พร้อมจอแสดงผลที่คมชัดจนดูเหมือนนาฬิกาข้อมือทั่วไป นั่นหมายถึง สามารถสวมใส่ได้ตลอดทั้งวัน ไม่จำเป็นว่าใช้งานเพื่อออกกำลังกายเพียงอย่างเดียว และถ้าใช้ติดตามการออกกำลังกายก็มีเซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจมาให้ รวมถึง GPS ที่ช่วยติดตามเส้นทางการวิ่ง อีกทั้งยังใช้ติดตามสุขภาพการนอนหลับได้อีกด้วย
Samsung Galaxy Watch พร้อมวางจำหน่ายแล้วในราคา 11,900 บาท สำหรับขนาด 42 มิลลิเมตร มีให้เลือก 2 สี คือ Midnight Black กับ Rose Gold และราคา 12,900 บาท สำหรับขนาด 46 มิลลิเมตร มาในสี Silver