Apple เริ่มเปิดรับจอง Apple Watch Series 4 อย่างทางการแล้ว เมื่อวันที่ 14 กันยายนที่ผ่านมา ก่อนจะเริ่มวางจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 21 กันยายน 2018 เป็นต้นไป ข่าวร้ายก็คือ ประเทศไทย ไม่ได้ถูกรวมอยู่ในกลุ่มแรกที่ Apple เปิดให้จับจอง แต่จะมองว่าเป็นข่าวดีก็ได้ เพราะอย่างน้อยเราจะได้มีเวลาศึกษารายละเอียดและเปรียบเทียบดูว่า Apple Watch Series 4 กับ Series 3 มีความเหมือน หรือแตกต่างกันอย่างไร?
จอแสดงผล และ ขนาดตัวเรือน
Apple Watch Series 4 ได้รับการออกแบบใหม่ให้จอแสดงผลใหญ่ขึ้นกว่าเดิม จากขนาด 38 มม. ของ Series 3 ซึ่งมีพื้นที่จอแสดงผล 563 ตารางมิลลิเมตร Series 4 ขยายเป็น 40 มม. มีพื้นที่จอแสดงผล 759 ตารางมิลลิเมตร ใหญ่ขึ้น 35%
Series 3 ขนาด 42 มม. ซึ่งมีพื้นที่จอแสดงผล 740 ตารางมิลลิเมตร ใน Series 4 ขยายเป็น 44 มม. มีพื้นที่จอแสดงผล 977 ตารางมิลลิเมตร ใหญ่ขึ้น 32%
จอแสดงผลของ Series 4 ก็มีความละเอียดสูงขึ้นด้วย ขนาด 40 มม. ความละเอียด 324 x 394 พิกเซล Series 3 ขนาด 38 มม. ความละเอียด 272 x 340 พิกเซล
Apple Watch Series 4 ขนาด 44 มม. มีความละเอียด 368 x 448 พิกเซล Series 3 ขนาด 42 มม. ความละเอียด 312 x 390 พิกเซล
ถึงแม้ Apple Watch Series 4 จะมีขนาดใหญ่ขึ้น แต่ตัวเรือนกลับบางลงกว่าเดิม โดยรุ่นใหม่มีความบาง 10.7 มิลลิเมตร ขณะที่ Series 3 มีความบาง 11.4 มิลลิเมตร
ชิปประมวลผล
Apple Watch Series 4 มากับโปรเซสเซอร์ S4 แบบ Dual-core 64 บิต ส่วน Series 3 ใช้ โปรเซสเซอร์ S3 แบบ Dual-core โดยโปรเซสเซอร์ S4 เร็วกว่า S3 ถึง 2 เท่า
หน้าปัด Watch Face
Apple Watch Series 4 ใช้ประโยชน์จากจอแสดงผลที่ใหญ่ขึ้น สามารถแสดงฟีเจอร์ของ Complications ได้ 8 รายการ และยังให้รายละเอียดได้มากขึ้น แม่นยำมากกว่าเดิม อีกทั้งยังมีหน้าปัดหรือ Watch Face แบบเคลื่อนไหวได้ ซึ่งมีเฉพาะใน Apple Watch Series 4 อย่าง ไอระเหย, โลหะเหลว, ไฟ และ น้ำ
สุขภาพ
Apple Watch Series 4 สามารถอ่านค่าคลื่นไฟฟ้าหัวใจได้ด้วยแอพ ECG ที่อาศัยประโยชน์จากการเพิ่มขั้วไฟฟ้าลงในปุ่ม Digital Crown และเซ็นเซอร์วัดหัวใจแบบไฟฟ้าตัวใหม่ที่ใส่ไว้ในฝาครอบแซฟไฟร์ด้านหลัง เพียงสัมผัสปุ่ม Digital Crown แค่ 30 วินาที แอพก็จะแสดงผลวิเคราะห์การเต้นของหัวใจได้
แอพ ECG สามารถวิเคราะห์ได้ว่าการเต้นของหัวใจของผู้ใช้อยู่ในภาวะปกติ หรือมีสัญญาณผิดปกติเกี่ยวกับภาวะหัวใจห้องบนสั่นพลิ้ว (AFib) ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาด้านสุขภาพที่ซับซ้อนได้ การตรวจบันทึก การวินิจฉัย และข้อมูลทั้งหมดที่เกี่ยวกับอาการจะถูกเก็บรวบรวมไว้ในแอพสุขภาพในรูปแบบ PDF ซึ่งสามารถแชร์กับแพทย์ได้
อย่างไรก็ตาม แอพ ECG จะถูกอัพเดทให้กับ Apple Watch Series 4 ในช่วงปลายปี 2018 และในช่วงแรกจะใช้ได้เฉพาะในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น
มีอะไรใหม่
ด้านหลังของ Apple Watch Series 4 ทำมาจากเซรามิกสีดำสุดหรูและผลึกแซฟไฟร์ทั้งหมด ช่วยให้การส่งผ่านคลื่นวิทยุระหว่างด้านหน้าและหลังดีขึ้นกว่าเดิม
ปุ่ม Digital Crown ตอบสนองแบบสั่นได้แล้ว จึงให้ความรู้สึกที่มีความเป็นกลไกมากขึ้นและรวดเร็วฉับไวยิ่งขึ้นโดยการทำให้คุณรู้สึกถึงการหมุนทุกครั้งที่เลื่อน
Apple Watch Series 4 มีเซ็นเซอร์วัดหัวใจแบบไฟฟ้า
Apple Watch Series 4 มีเซ็นเซอร์การตรวจจับการล้ม สามารถตรวจจับการล้มอย่างรุนแรงได้ และหากจำเป็นก็จะโทรหาบริการฉุกเฉินทันที แต่ไม่มีใน Series 3
การตรวจจับการล้มใช้ประโยชน์จากอุปกรณ์ตรวจจับการเคลื่อนไหวและไจโรสโคปเจเนอเรชั่นใหม่ ซึ่งสามารถวัดการล้มได้สูงสุด 32 แรงจี พร้อมกับระบุการล้มที่มีความรุนแรงด้วยอัลกอริธึ่มแบบปรับแต่งได้ Apple Watch สามารถวิเคราะห์วิถีการเคลื่อนที่จากบนข้อมือและความเร่งที่ทำให้เกิดแรงกระแทก จึงสามารถส่งการแจ้งเตือนหาผู้ใช้หลังการล้มได้ ซึ่งผู้ใช้สามารถปิดทิ้งหรือเลือกโทรหาบริการช่วยเหลือฉุกเฉินได้ทันที หาก Apple Watch ตรวจพบว่าไม่มีการเคลื่อนไหวเป็นเวลา 60 วินาทีหลังมีการแจ้งเตือน Apple Watch จะโทรหาบริการฉุกเฉินโดยอัตโนมัติและส่งข้อความพร้อมระบุตำแหน่งไปยังผู้ติดต่อฉุกเฉินของคุณ
Apple Watch Series 4 รุ่น GPS มีความจุ 16GB เท่ากับรุ่น Cellular ขณะที่ Series 3 รุ่น GPS มีความจุ 8GB
ฟีเจอร์ที่ Apple Watch Series 4 และ Series 3 มีเหมือนกัน
เซ็นเซอร์วัดหัวใจแบบออปติคอล (แต่ Series 4 ใช้เทคโนโลยีใหม่กว่า)
อุปกรณ์ตรวจจับการเคลื่อนไหว (แต่ Series 4 ใช้เทคโนโลยีใหม่กว่า ตรวจจับแรง G สูงสุด 32 G จากเดิมสูงสุด 16G)
เซ็นเซอร์ไจโรสโคป
เซ็นเซอร์ตรวจวัดแสงโดยรอบ
ระบบ GPS, GLONASS, Galileo และ QZSS
มาตรวัดความสูงแบบวัดความดันบรรยากาศ
กันน้ำ 50 เมตร
จอแสดงผล ให้ความสว่าง 1,000 นิต รองรับ Force Touch
แบตเตอรี่ให้พลังงานนานสูงสุด 18 ชั่วโมง รองรับสายชาร์จแบบแม่เหล็ก
การเชื่อมต่อ LTE, UMTS, Wi-Fi 802.11b/g/n 2.4GHz และ Bluetooth 5.0 (Series 3 ใช้Bluetooth 4.2)
ราคาและกำหนดการวางจำหน่าย
ผู้บริโภคที่อยู่ในกลุ่มประเทศแรก สามารถจับจอง Apple Watch Series 4 ได้แล้วตั้งแต่วันนี้ ซึ่งจะได้รับสินค้าตั้งแต่วันที่ 21 กันยายน 2018 เป็นต้นไป ราคา 399 ดอลล่าร์สหรัฐ หรือราว 13,000 บาท สำหรับรุ่น GPS และ จ่ายเพิ่มอีก 100 ดอลล่าร์สหรัฐ หรือราว 3,265 บาท หากต้องการซื้อสำหรับรุ่น Cellular
Apple Watch Series 4 รุ่น Cellular พร้อมรับจองแล้วในออสเตรเลีย, แคนาดา, จีน, เดนมาร์ก, ฝรั่งเศส, เยอรมนี, ฮ่องกง, อิตาลี, ญี่ปุ่น, สิงคโปร์, สเปน, , สวิตเซอร์แลนด์, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา
Apple Watch Series 4 รุ่น GPS พร้อมรับจองแล้วในออสเตรเลีย, ออสเตรีย, เบลเยียม, แคนาดา, จีน, เดนมาร์ก, ฟินแลนด์, ฝรั่งเศส, เยอรมนี, เกิร์นซีย์, ฮ่องกง, ไอร์แลนด์, อิตาลี, ญี่ปุ่น, เจนีวา, ลักเซมเบิร์ก, เนเธอร์, นิวซีแลนด์, นอร์เวย์, โปรตุเกส, เปอร์โตริโก, ซาอุดีอาระเบีย, สเปน, สวีเดน, สวิตเซอร์แลนด์, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, สหราชอาณาจักร, สหรัฐอเมริกา และหมู่เกาะเวอร์จินของสหรัฐอเมริกา
ปัจจุบัน Apple Watch Series 3 ยังมีวางจำหน่ายในประเทศไทย ราคาเริ่มต้น 9,900 สำหรับรุ่น GPS และ 13,400 สำหรับรุ่น Cellular