ถึงแม้ Apple จะเปิดตัว iPhone พร้อมกัน 3 รุ่น เหมือนกับปีที่แล้ว แต่ในปีนี้ iPhone ทั้ง 3 รุ่น มีความคล้ายกันมากกว่า โดยเฉพาะแผงด้านหน้า ใช้ดีไซน์เดียวกันทั้งหมด แตกต่างจากปีที่แล้วที่ iPhone X ฉีกไปจาก iPhone 8 กับ iPhone 8 Plus อย่างชัดเจน แต่ iPhone XS, iPhone XS Max และ iPhone XR จะมีความเหมือนหรือแตกต่างอย่างไรบ้าง Apple ได้ทำหน้าเว็บไซต์เพื่อเปรียบเทียบให้ iPhone ให้ดูโดยเฉพาะ
iPhone XR (ซ้าย) vs iPhone XS (กลาง) vs iPhone XS Max (ขวา)
ในเรื่องของการออกแบบ คงจะเห็นการชัดเจนว่า iPhone XS, iPhone XS Max และ iPhone XR มีความคล้ายกันมาก เพราะใช้ดีไซน์ All Screen แบบ iPhone X ไร้ปุ่มโฮมแบบ Physical และมาพร้อมรอยบากสำหรับติดตั้งระบบกล้อง TrueDepth ทำให้ iPhone ทั้ง 3 รุ่นใหม่ รองรับ Face ID เหมือนกันทุกรุ่น
iPhone XS vs iPhone XS Max
ด้านหลังจะเห็นความแตกต่างอย่างชัดเจน เพราะ iPhone XS กับ iPhone XS Max มาพร้อมกล้องคู่หลัง ส่วน iPhone XR ยังใช้กล้องเลนส์เดียว โดยรวมแล้ว iPhone XS กับ iPhone XS Max มีความคล้ายกับ iPhone X ทั้งดีไซน์และวัสดุ ด้วยขอบสแตนเลสสตีลเกรดเดียวกับที่ใช้ทำเครื่องมือศัลยกรรม ผสานกระจกที่มีความแข็งแกร่ง ขณะที่ iPhone XR ใช้วัสดุแบบเดียวกับ iPhone 8 มากับขอบอะลูมิเนียมเกรดเดียวกับที่ใช้ในอุตสาหกรรมอวกาศ ผสานกระจกที่แข็งแกร่ง
iPhone XR
iPhone XS กับ iPhone XS Max ยังได้รับการออกแบบมาให้กันน้ำได้ในระดับ IP68 ซึ่งเป็นระดับที่สูงกว่า iPhone รุ่นก่อนๆ ต้านทานน้ำที่มีความลึกไม่เกิน 2 เมตร นานสูงสุด 30 นาที แต่ iPhone XR กันน้ำที่ระดับ IP67 แบบเดียวกับ iPhone 7 และ 8 ต้านทานน้ำที่มีความลึกไม่เกิน 1 เมตร นานสูงสุด 30 นาที
สำหรับสเปกโดยรวมของ iPhone XS, iPhone XS Max และ iPhone XR จะมีความเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร คำตอบมีรออยู่แล้วที่ด้านล่าง
หมายเหตุ
1. จอภาพมีมุมมนที่รับกับดีไซน์แบบโค้งอันงดงาม และมุมทั้งหมดนี้อยู่ในสี่เหลี่ยมมุมฉากมาตรฐาน และเมื่อวัดเป็นรูปสี่เหลี่ยมมุมฉากมาตรฐานแล้ว หน้าจอจะมีขนาด 5.85 นิ้ว (iPhone XS), 6.46 นิ้ว (iPhone XS Max), 6.06 นิ้ว (iPhone XR) หรือ 5.85 นิ้ว (iPhone X) ในแนวทแยง พื้นที่สำหรับการดูจริงมีขนาดน้อยกว่า
2. iPhone 7, iPhone 7 Plus, iPhone 8, iPhone 8 Plus, iPhone X, iPhone XS, iPhone XS Max และ iPhone XR มีความสามารถในการทนน้ำ น้ำที่กระเด็นใส่ และฝุ่น ซึ่งผ่านการทดสอบตามหลักเกณฑ์ของห้องปฏิบัติการที่ได้รับการควบคุม, iPhone XS และ iPhone XS Max มีการป้องกันอยู่ที่ระดับ IP68 ตามมาตรฐาน IEC 60529 (ความลึกไม่เกิน 2 เมตร ภายในระยะเวลาสูงสุด 30 นาที) และ iPhone 7, iPhone 7 Plus, iPhone 8, iPhone 8 Plus, iPhone X และ iPhone XR มีการป้องกันอยู่ที่ระดับ IP67 ตามมาตรฐาน IEC 60529 (ความลึกไม่เกิน 1 เมตร ภายในระยะเวลาสูงสุด 30 นาที) ความสามารถในการทนน้ำ น้ำที่กระเด็นใส่ และฝุ่นจะไม่คงอยู่ถาวร ซึ่งความสามารถดังกล่าวอาจลดลงจากการใช้งานตามปกติ ห้ามชาร์จ iPhone ในขณะที่เครื่องยังเปียกอยู่ โปรดดูคำแนะนำเกี่ยวกับการทำความสะอาดและการทำให้แห้งในคู่มือผู้ใช้ การรับประกันไม่ครอบคลุมความเสียหายที่เกิดจากของเหลว
3. เครื่องชาร์จแบบไร้สาย Qi จำหน่ายแยกต่างหาก
4. พื้นที่ว่างจะน้อยกว่าที่กำหนดและอาจแตกต่างกันไปอันเนื่องมาจากปัจจัยหลายประการ โดยการกำหนดค่าตามมาตรฐานที่ให้มานั้นจะใช้พื้นที่ประมาณ 10GB ถึง 12GB (รวม iOS และแอพที่ติดตั้งล่วงหน้า) ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับรุ่นและการตั้งค่า แอพที่ติดตั้งไว้ให้แล้วใช้พื้นที่ประมาณ 4GB และคุณสามารถลบแอพเหล่านี้และเรียกคืนกลับมาได้
5. ขนาดและน้ำหนักอาจแตกต่างกันตามการปรับแต่งและกระบวนการผลิต
6. จำเป็นต้องมีแผนบริการข้อมูล การโทรผ่าน LTE ระดับ Gigabit, 4G LTE Advanced, 4G LTE, VoLTE และ Wi-Fi มีให้บริการในบางประเทศผ่านผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์บางแห่งเท่านั้น โปรดตรวจสอบกับผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์ว่ามีบริการเหล่านี้ในพื้นที่ของคุณหรือไม่ ความเร็วขึ้นอยู่กับปริมาณงานตามหลักทฤษฎีและแตกต่างกันตามสภาวะของไซต์และผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์ สำหรับรายละเอียดในการรองรับ LTE โปรดติดต่อผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์ และดูที่ www.apple.com/th/iphone/LTE
7. การโทร FaceTime ต้องใช้อุปกรณ์ที่รองรับ FaceTime ได้ทั้งผู้โทรและผู้รับสาย และต้องมีการเชื่อมต่อ Wi-Fi การให้บริการผ่านเครือข่ายเซลลูลาร์ขึ้นอยู่กับนโยบายของผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์ และอาจมีค่าบริการข้อมูล
8. เฉพาะคอนเทนต์วิดีโอที่มีช่วงไดนามิกมาตรฐานเท่านั้น
9. Siri อาจไม่มีให้บริการในบางภาษาหรือในบางพื้นที่ และอาจมีคุณสมบัติแตกต่างกันไปตามพื้นที่ จำเป็นต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต อาจมีค่าบริการข้อมูลเซลลูลาร์
10. การใช้งาน “หวัดดี Siri” บน iPhone 6 และ iPhone 6 Plus จำเป็นต้องเสียบปลั๊กไว้
11. การใช้งานแบตเตอรี่ขึ้นอยู่กับการกำหนดค่าของเครือข่ายและปัจจัยอื่นๆ ซึ่งอาจส่งผลแตกต่างกันไป แบตเตอรี่มีจำนวนรอบการชาร์จจำกัดและอาจจำเป็นต้องได้รับการเปลี่ยนใหม่ในที่สุดโดยผู้ให้บริการของ Apple ระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่และจำนวนรอบการชาร์จอาจแตกต่างกันตามการใช้งานและการตั้งค่า ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.apple.com/th/batteries และ www.apple.com/th/iphone/battery.html
12. Apple ทำการทดสอบในเดือนสิงหาคม 2018 โดยใช้เครื่อง iPhone XS, iPhone XS Max และ iPhone XR รุ่นก่อนการผลิตจริง พร้อมซอฟต์แวร์ และอะแดปเตอร์แปลงไฟ Apple USB-C (ขนาด 30 วัตต์ รุ่น A1882 และขนาด 87 วัตต์ รุ่น A1719) ทดสอบการชาร์จแบบเร็วด้วยเครื่อง iPhone ที่แบตเตอรี่หมด เวลาในการชาร์จแตกต่างกันตามปัจจัยด้านสภาวะแวดล้อม และผลลัพธ์จริงจะแตกต่างออกไป
13. Apple ทำการทดสอบในเดือนสิงหาคม 2017 โดยใช้เครื่อง iPhone 8, iPhone 8 Plus และ iPhone X รุ่นก่อนการผลิตจริง พร้อมซอฟต์แวร์ และอะแดปเตอร์แปลงไฟ Apple USB-C (ขนาด 29 วัตต์ รุ่น A1540, ขนาด 61 วัตต์ รุ่น A1718 และขนาด 87 วัตต์ รุ่น A1719) ทดสอบการชาร์จแบบเร็วด้วยเครื่อง iPhone ที่แบตเตอรี่หมด เวลาในการชาร์จแตกต่างกันตามปัจจัยด้านสภาวะแวดล้อม และผลลัพธ์จริงจะแตกต่างออกไป
14. eSIM จะมีให้ใช้งานภายในปีนี้ผ่านการอัพเดทซอฟต์แวร์ จำเป็นต้องมีแผนบริการระบบไร้สายเพื่อใช้ eSIM (ซึ่งอาจมีข้อจำกัดเกี่ยวกับการเปลี่ยนผู้ให้บริการและการโรมมิ่ง แม้ว่าจะสิ้นสุดอายุสัญญาแล้วก็ตาม) ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์บางรายอาจไม่รองรับ eSIM, eSIM ใน iPhone อาจไม่สามารถใช้งานได้เมื่อซื้อจากผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์บางราย โปรดสอบถามรายละเอียดจากผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์ หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไปที่ support.apple.com/th-th/HT209044
ที่มา – Apple
http://www.flashfly.net/wp/?p=229196