แหล่งข่าวจากซัพพลายเชน เชื่อกันว่าปีนี้ จะเป็นปีที่ยิ่งใหญ่อีกครั้งของ iPhone นับตั้งแต่ iPhone 6 ที่ออกมาในเดือนกันยายน 2014 โดยนักวิเคราะห์เชื่อว่า ขนาดของจอแสดงผล เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยผลักดันทั้งปริมาณและราคาให้สูงขึ้น
Barron นักวิเคราะห์จาก KeyBanc Capital Market อธิบายว่า ในช่วง 6 ปีที่ผ่านมา ขนาดจอแสดงผลมีส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดแรงผลักดันทั้งราคาและปริมาณ เห็นได้ชัดจาก iPhone 6 ที่มียอดจัดส่งเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะ iPhone 6 Plus ที่มากับขนาดหน้าจอ 5.5 นิ้ว ขณะที่ iPhone X ก็เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่มีจอแสดงผลขนาดใหญ่ และส่งผลให้ราคาขายเฉลี่ยของ iPhone เพิ่มสูงขึ้นอย่างที่ไม่เคยทำได้มาก่อน
นักวิเคราะห์จาก KeyBanc Capital Market ยังคาดว่า iPhone รุ่นล่างสุดในปีนี้ ที่คาดว่าจะใช้จอแสดงผล LCD ขนาด 6.1 นิ้ว จะช่วยให้ราคาขายเฉลี่ยของ iPhone ขยับขึ้นไปได้อีก ซึ่งนั่นหมายถึงราคาขายปลีกของ iPhone รุ่น LCD 6.1 นิ้ว จะต้องสูงกว่าราคากลางระหว่าง iPhone 8 กับ iPhone 8 Plus และ iPhone รุ่น OLED ขนาด 6.5 นิ้ว จะต้องมีราคาสูงกว่า iPhone X ในปัจจุบัน
นักวิเคราะห์จาก KeyBanc Capital Market ไม่ได้คาดหวังว่า iPhone รุ่นใหม่จะมีตัวเลขของยอดจัดส่งเท่าไร แต่คาดว่า iPhone รุ่นใหม่ จะทำให้ราคาขายเฉลี่ยของ iPhone เพิ่มสูงขึ้นอย่างแน่นอน เนื่องจากมองเห็นว่าตลาดสมาร์ทโฟนระดับไฮเอนด์เริ่มอิ่มตัว
ก่อนหน้านี้มีรายงานว่า iPhone รุ่น LCD 6.1 นิ้ว จะมีราคาเริ่มต้น 699 ดอลล่าร์สหรัฐ, iPhone Xs เริ่มต้นที่ 799 ดอลล่าร์สหรัฐ และ iPhone Xs Plus เริ่มต้นที่ 999 ดอลล่าร์สหรัฐ ซึ่งนั่นทำให้ข้อสันนิษฐานของ Barron เป็นไปได้ยาก นอกจากผู้บริโภคจะซื้อรุ่นความจุ 256GB ขึ้นไป
ที่มา – 9to5mac
http://www.flashfly.net/wp/?p=228583