เปิดตัวและวางจำหน่ายในประเทศไทยไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับ Samsung Galaxy Note 9 สมาร์ทโฟนระดับไฮเอนด์ ซึ่งครั้งนี้จัดเต็มด้วยคุณสมบัติที่ครบครัน เต็มเปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพมากที่สุดรุ่นหนึ่งของ Samsung และการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญครั้งนี้อยู่ที่ปากกา S Pen ที่นอกจากจะขีดเขียนได้ลื่นไหล ยังมี Bluetooth ในตัว สำหรับใช้เป็นรีโมทควบคุมและสั่งงาน Galaxy Note 9 ได้
และแน่นอนว่าทีมงาน @flashfly ก็ได้ตัวเครื่องมาทำการรีวิวเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งเราก็จะมาทำการแกะกล่องพร้อมกับทดสอบใช้งานจริงมาฝากกันอีกเช่นเคย
ตัวกล่องของ Galaxy Note 9 นั้นโดดเด่นมาด้วยรูปของปากกา S Pen พร้อมอุปกรณ์ต่างๆ ที่ให้มาอย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็นเข็มจิ้มถาดใส่ซิม คู่มือการใช้งานเบื้องต้น เคสใส สาย USB Type-C อะแดปเตอร์ หูฟังจาก AKG รวมไปถึง USB Connector
Samsung Galaxy Note 9 มากับจอแสดงผลดีไซน์ Infinity Display ที่ใหญ่ขึ้นกว่ารุ่นก่อนเล็กน้อย แต่ขนาดบอดี้นั้นมีความใกล้เคียงกันมาก โดยใช้จอแสดงผล Super AMOLED ขอบโค้ง ความละเอียด 2960 x 1440 พิกเซล ขนาด 6.4 นิ้ว อัตราส่วนภาพ 18.5:9
แน่นอนว่ามาพร้อมฟีเจอร์ที่ออกแบบมาเพื่อทำงานร่วมกับปากกา S Pen ได้อย่างรวดเร็ว รวมถึงฟีเจอร์ Always On Display ก็ทำงานร่วมกับปากกา S Pen ด้วย
จอแสดงผลของ Galaxy Note 9 ได้รับคำชมจาก DisplayMate ว่าเป็นจอแสดงผลที่ดีที่สุด และได้รับการแนะนำจาก YouTube ว่าเป็นอุปกรณ์ที่เหมาะสำหรับการรับชมวีดีโอบน YouTube ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
เหนือจอแสดงผลจะพบกับลำโพงที่ใช้ทั้งสนทนา และทำงานร่วมกับลำโพงด้านล่างเพื่อให้เสียงในระบบสเตอริโอ ใกล้กันมีกล้องเซลฟี่ 8 ล้านพิกเซล และติดตั้งเซ็นเซอร์ต่างๆ มาให้ครบถ้วน ไม่ว่าจะตรวจจับแสงหรือวัดระยะห่าง รวมทั้ง Iris Sensor สำหรับสแกนดวงตา
ขอบจอด้านล่างบางเฉียบ และบางกว่า Galaxy Note 8 อยู่เล็กน้อย
ด้านหลังจะมองเห็นความแตกต่างระหว่าง Galaxy Note 9 กับรุ่นก่อนได้อย่างชัดเจน โดยรุ่นใหม่มีการย้ายเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือมาไว้ใต้กล้องคู่หลัง ส่วนแฟลช LED กับเซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจ อยู่ภายใต้กรอบเดียวกับกล้องคู่หลัง
ขอบด้านข้างมีความบาง 8.8 มิลลิเมตร มองจากสายตาแยกไม่ออกแน่นอนว่ามีความหนากว่ารุ่นเดิมอยู่เล็กน้อย (Galaxy Note 8 บาง 8.6 มิลลิเมตร) เพราะภายในใส่แบตเตอรี่มาให้เยอะกว่าเดิมนั่นเอง
ตำแหน่งการวางปุ่มต่างๆ ที่ส่วนขอบด้านข้างยังคงเหมือนเดิม ฝั่งซ้ายมือจะมีปุ่มปรับระดับเสียง กับปุ่ม Bixby อีกฝั่งมีเพียงปุ่มเพาเวอร์
ด้านบนจะพบกับถาดใส่การ์ด รองรับ 2 ซิมการ์ดแบบไฮบริด หมายถึงช่อง SIM2 ต้องเลือกใส่ระหว่างซิมการ์ด หรือการ์ด MicroSD โดยรองรับความจุสูงสุด 512GB ขณะที่ความจุ ROM ก็มีให้เลือกระหว่าง 128GB กับ 512GB ส่วนอีกมุมหนึ่งมีรูไมโครโฟนสำหรับลดเสียงรบกวนรอบข้าง
ด้านล่างประกอบไปด้วยช่องเสียบแจ็คหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร, พอร์ตเชื่อมต่อ USB Type-C, ไมโครโฟน, ลำโพงที่ได้รับการปรับแต่งเสียงโดย AKG ให้เสียงในระบบสเตอริโอ (ขับเสียงพร้อมลำโพงด้านบน) และมุมสุดเป็นช่องเก็บปากกา S Pen ที่พร้อมใช้งานทันทีที่ดึงออกมา
Samsung Galaxy Note 9 ที่เข้ามาวางจำหน่าายในประเทศไทย จะมีให้เลือก 3 สี คือ สีดำ มาพร้อมปากกา S Pen สีดำทั้งด้าม, สีน้ำตาลหรือสีทองแดง มาพร้อมปากกา S Pen ในโทนสีเดียวกัน และสีน้ำเงิน มีความพิเศษกว่าที่ปากกา S Pen เป็นสีเหลือง
ปากกา S Pen ของ Galaxy Note 9 มีความพิเศษกว่าทุกรุ่นที่เคยมีมา เพราะรองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth แบบ Low-Energy นั่นหมายถึง นอกจากจะใช้วาด เขียน หรือจดโน้ตเหมือนแต่ก่อน ยังสามารถใช้เป็นรีโมทควบคุมการทำงานบางอย่างของสมาร์ทโฟนได้อีกด้วย และสามารถควบคุมสมาร์ทโฟนได้จากระยะไกลในรัศมีไม่เกิน 10 เมตร ชาร์จผ่านช่องเสียบปากกาเพียง 40 วินาที ก็ใช้งานได้แบบต่อเนื่องนานถึง 30 นาที
S Pen สามารถใช้เป็นรีโมทกดถ่ายภาพได้ ช่วยให้ถ่ายภาพเซลฟี่ได้ไกลกว่าที่เคย ไม่ต้องเหยียดแขนให้สุดอีกต่อไป เพียงหาที่วางสมาร์ทโฟน แล้วดึงปากกาออกมาเพื่อใช้กดชัตเตอร์ที่ปุ่มบน S Pen สามารถสลับไปใช้กล้องหน้ากับกล้องหลังได้ง่ายๆ เพียงกดปุ่มบนปากกาติดกัน 2 ครั้ง โดยไม่ต้องกดปุ่มที่หน้าจอให้ยุ่งยาก แน่นอนว่าวิธีการนี้จะทำให้การถ่ายภาพเซลฟี่กับเพื่อนๆ มีความสะดวกมากขึ้น นอกจากนี้ยังสามารถกดค้างปุ่มที่ปากกาเพื่อใช้เป็นทางลัดเปิดแอพกล้องได้อย่างรวดเร็ว
นำเสนองานได้อย่างโดดเด่นไม่เหมือนใคร Samsung Galaxy Note 9 สามารถใช้งานโหมด Samsung DeX ได้สะดวกยิ่งขึ้น ใช้เพียง HDMI adapter ชิ้นเดียวก็สามารถต่อจอภาพภายนอกได้ทันที และนำเสนองานผ่านแอพ Microsoft PowerPoint เมื่อต้องการเปลี่ยนสไลด์หรือแผ่นงาน ก็สามารถกดปุ่มที่ S Pen ได้ทันที
ปากกา S Pen ยังสามารถกำหนดได้ว่าเมื่อกดปุ่มค้างจะให้เรียกแอพพลิเคชั่นใดใน Galaxy Note 9 ขึ้นมา ซึ่งสามารถใช้ได้กับทุกแอพพลิเคชั่น นอกจากนี้ปากกา S pen สามารถใช้กดเพื่อเล่นหรือหยุดเล่นวีดีโอใน YouTube หรือจะกดข้ามไปเล่นคลิปวีดีโอถัดไปก็ได้ สามารถใช้ควบคุมการเล่นเพลงได้เช่นกัน รวมไปถึงการดูรูปภาพใน Gallery
S Pen กับ Galaxy Note 9 ออกแบบมาให้ใช้งานได้อย่างรวดเร็ว เหมือนปากกาและกระดาษทั่วไป ตราบใดที่สมาร์ทโฟนอยู่ในโหมดสแตนด์บาย (ไม่ได้ปิดเครื่อง) สามารถดึง S Pen ออกมาก็จดโน้ตบนหน้าจอได้ทันที จากนั้นสามารถปักหมุดให้แสดงผลในโหมด Always On Display หรือเก็บไว้ใน Samsung Notes ดังนั้น เมื่อคิดว่าจะต้องทำอะไรก็สามารถจดไอเดียได้ทันที
แบตเตอรี่มีความจุ 4,000mAh เพิ่มจากรุ่นก่อนที่ให้มา 3,300mAh จึงให้พลังงานเพียงพอตลอดทั้งวัน หรือถ้าใช้งานอย่างหนัก ก็สามารถชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็มได้อย่างรวดเร็ว เพราะรองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว ไม่ว่าจะชาร์จผ่าน Power Adapter ที่แถมมาให้ในกล่อง หรือชาร์จกับอุปกรณ์ชาร์จไร้สาย แต่อย่างหลังต้องซื้อเพิ่ม
ชิปประมวลผลของ Samsung Galaxy Note 9 ถูกผลิตออกมา 2 เวอร์ชั่น สำหรับเวอร์ชั่นที่เข้ามาทำตลาดในประเทศไทย จะใช้ชิป Exynos 9810 รุ่นเดียวกับที่ใช้ในรุ่น Galaxy S9 หรือ S9+ แต่เหนือกว่าด้วยความจำ RAM 8GB จับคู่กับ ROM 512GB พร้อมรองรับการ์ด MicroSD สูงสุด 512GB ทำให้ Galaxy Note 9 เป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกในตลาดที่ให้พื้นที่เก็บข้อมูลสูงถึง 1TB อย่างไรก็ตาม เวอร์ชั่นที่เราได้นำมาทดสอบนั้นเป็นรุ่น RAM 6GB จับคู่กับ ROM 128GB
ผลทดสอบคะแนนประสิทธิภาพเครื่องจากแอพพลิชั่นยอดนิยมทำได้สูง ใครที่เล่นเกมต้องชอบแน่นอนเพราะลื่นไหลหายห่วง
ถึงแม้ Galaxy Note 9 จะใช้ชิปรุ่นเดียวกับ Galaxy S9 series แต่ก็ยังมีความพิเศษกว่า เพราะ Samsung ติดตั้งระบบระบายความร้อนมาให้ เรียกว่าระบบ Water Carbon Cooling ส่งผลให้ Galaxy Note 9 ให้ประสบการณ์ในการเล่นเกมที่ดีกว่า
Samsung Galaxy Note 9 มาพร้อมกล้องคู่หลัง 12 + 12 ล้านพิกเซล ตัวเลขอาจจะเท่าเดิม แต่เพิ่มเติมเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ช่วยให้ภาพถ่ายออกมาสมบูรณ์แบบมากขึ้น โดยเลนส์ Wide-angle มีกลไกในการปรับความกว้างของรูรับแสงแบบอัตโนมัติ ระหว่าง F1.5 กับ F2.4 เมื่อถ่ายภาพในสภาพแสงปกติ จะใช้ F2.4 แต่เมื่อถ่ายภาพในที่แสงน้อยจะปรับเป็น F1.5 ส่วนเลนส์ Telephoto มีขนาดรูรับแสง F2.4 รองรับการซูมออฟติคอล 2 เท่า ลดภาพเบลอด้วยระบบชดเชยการสั่นไหว OIS แบบคู่ และมี Super Speed Dual Pixel ช่วยให้จับโฟกัสได้อย่างรวดเร็ว
โหมดถ่ายภาพต่างๆ จากเรือธงรุ่นก่อนยังคงมีมาให้เหมือนเดิม ทั้ง Live focus, HDR, Pro, Panorama, Super Slow Motion แต่กล้องของ Galaxy Note 9 มีความฉลาดเพิ่มขึ้น สามารถปรับค่ากล้องตามฉากหรือวัตถุที่ตรวจจับได้ ระบุได้ถึง 20 โหมด เข่น อาหาร, ภาพบุคคล, ดอกไม้, สัตว์, ทิวทัศน์, ทุ่งหญ้า, ต้นไม้, ท้องฟ้า, ภูเขา, ชายหาด, พระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตก, ถนน, ริมน้ำ, ฉากกลางคืน, น้ำตก, แสงไฟ, ข้อความ เป็นต้น
ไม่เพียงเท่านั้น กล้องของ Galaxy Note 9 ยังสามารถตรวจจับข้อบกพร่องที่อาจทำให้ภาพถ่ายออกมาไม่สวยเท่าที่ควร อย่างการตรวจจับการกระพริบตา หรือ ภาพเบลอ ทำให้ผู้ใช้งานสามารถถ่ายภาพใหม่ได้ทันที ลองคิดดูว่าถ้าไปถ่ายภาพกับสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ แล้วพอกลับมาเช็คภาพถ่ายที่บ้าน พบว่าคนในภาพหลับตาอยู่หรือภาพเบลอก็คงจะเสียดาย จะเดินทางกลับไปถ่ายใหม่ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ดังนั้น การแจ้งเตือนจะช่วยให้ผู้ใช้งานถ่ายภาพใหม่ได้ทันที อีกทั้งยังสามารถแจ้งเตือนเมื่อพบว่าเลนส์กล้องมัว หรือถ่ายย้อนแสง
สำหรับการบันทึกวีดีโอ รองรับความละเอียดสูงสุด 4K UHD (3840 x 2160 พิกเซล) 60 เฟรมต่อวินาที พร้อมโหมด Super Slow-mo ถ่ายภาพเคลื่อนไหวช้า 960 เฟรมต่อวินาที
กล้องเซลฟี่ 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง F1.7 สามารถถ่ายเซลฟี่ได้ถนัดขึ้น เพราะสามารถกดชัตเตอร์ได้จากปากกา S Pen ไม่ต้องง้อเพื่อนหรือขอให้ใครช่วยถ่ายภาพอีกต่อไป เพียงหาที่วาง Galaxy Note 9 แล้วถอยห่างได้ไกลถึง 10 เมตร จากนั้นก็กดถ่ายภาพด้วยปุ่มบน S Pen นอกจากนี้ ยังรองรับ AR Sticker และ AR Emoji เหมือนกับที่เคยนำมาใช้กับ Galaxy S9 series แต่สามารถใช้ S Pen ตกแต่งเพิ่มเติมได้ และสามารถถ่ายวีดีโอด้วยกล้องเซลฟี่ในความละเอียดสูงสุด QHD (2560 x 1440 พิกเซล)
อย่างที่กล่าวไปแล้วในตอนต้น Galaxy Note 9 คือสมาร์ทโฟนที่ดีที่สุดของ Samsung ตั้งแต่ผลิตสมาร์ทโฟนออกมา ดีไซน์พรีเมี่ยมด้วยวัสดุโลหะผสานกระจก กันน้ำได้ตามมาตราฐาน IP68 อยู่รอดในน้ำสะอาดที่มีความน้ำลึกไม่เกิน 1.5 เมตร นานสูงสุด 30 นาที ประสิทธิภาพภายในถึงแม้จะใช้ชิปประมวลผลรุ่นเดียวกับ Galaxy S9 series แต่มากับนวัตกรรมใหม่หลายอย่าง โดยเฉพาะระบบระบายความร้อนที่ช่วยให้เล่นเกมได้ยาวนานขึ้น
การปลดล็อคใบหน้าที่ทำได้รวดเร็วและฉลาดกว่าเดิมมาก ซอฟต์แวร์กล้องก็ฉลาดขึ้นกว่าเดิม และที่ขาดไม่ได้ก็คือปากกา S Pen ที่มีความสามารถหลากหลาย ไม่ได้มีไว้แค่วาดเขียนหรือจดโน้ตอีกต่อไป นี่คือสมาร์ทโฟนระดับเรือธงที่ตอบสนองการใช้งานได้ทุกรูปแบบให้ได้ทั้งความบันเทิง และช่วยให้การทำงานคล่องตัวมากขึ้น
Samsung Galaxy Note 9 วางจำหน่ายแล้วในราคา 33,900 บาท โดยเป็นรุ่นความจุ 128GB ส่วนรุ่นความจุ 512GB ราคา 39,900 บาท ปิดท้ายด้วยตัวอย่างภาพถ่ายจาก Samsung Galaxy Note 9 แบบไม่ปรับแต่งใดๆ เพียงแค่ย่อขนาดลงมาเท่านั้น
//To track Impressions use the following URL: