มาแล้วรีวิวฉบับเต็มของ OPPO F9 ผู้ที่จะมาสานต่อความสำเร็จของสมาร์ทโฟน F Series และตอนนี้ก็ได้ทำยอดจองฮิตถล่มทลายสูงเป็นประวัติการณ์ ซึ่งทางทีมงาน @flashfly ก็ได้ทำการแกะกล่อง รวมถึงพรีวิวตัวเครื่อง และแนะนำ 9 เหตุผลที่ต้องเจ้าของ OPPO F9 กันไปก่อนหน้าแล้ว ซึ่งถือเป็นสมาร์ทโฟนที่ให้ความคุ้มค่าอีกรุ่นหนึ่ง ที่ได้รับการออกแบบมาอย่างสวยงาม ด้วยรอยบากใหม่ บอดี้ไล่ระดับสีอย่างสวยงาม
จอแสดงผล 6.3 นิ้ว ให้พื้นที่กว้างถึง 90.8% รองรับ AI ทั้งกล้องคู่หลังและกล้องเซลฟี่ แถมมี VOOC Flash Charge ชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็มเร็วทันใจ คราวนี้ก็มาถึงการรีวิวการใช้งานตัวเครื่องแบบจัดเต็มกันแล้วจะมีอะไรที่น่าสนใจบ้างมาดูกันได้เลย
OPPO F9 โดดเด่นตั้งแต่การออกแบบ ด้วยสีสันที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากธรรมชาติ มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ สีแดง (Sunrise Red), สีน้ำเงิน (Twilight Blue) และสีม่วง (Starry Purple) ในช่วงต้นของการวางจำหน่าย จะมีให้เลือก 2 สี คือสีแดงและสีน้ำเงินซึ่งทั้ง 2 สี มีความพิเศษที่ลวดลายกลีบดอกไม้ จะมองเห็นได้เมื่อมีแสงมาตกกระทบ
ขณะที่สี Starry Purple จะเข้ามาทำตลาดในภายหลัง ไม่มีลวดลายกลีบดอกไม้ แต่จะเน้นไปที่ความหรูหรา ตกแต่งด้วยสีทอง
จอแสดงผลของ OPPO F9 มีความละเอียด 2340 x 1080 พิกเซล ขนาด 6.3 นิ้ว อัตราส่วนภาพ 19.5:9 ให้พื้นที่กว้างถึง 90.8% นั่นหมายถึงส่วนที่เหลืออีก 9.2% เป็นขอบจอแสดงผลที่บางเฉียบ ซึ่งเป็นผลมาจากการออกแบบรอยบากใหม่ให้มีขนาดเล็กลง เป็นรูปทรงหยดน้ำ เว้นพื้นที่ไว้เฉพาะกล้องเซลฟี่เท่านั้น
ภายใต้รอยบากรูปทรงหยดน้ำ ติดตั้งกล้องเซลฟี่ 25 ล้านพิกเซล เหนือขึ้นไปมีลำโพงหูฟังติดตั้งอยู่ชิดขอบบน
มุมมองด้านหลังจะเห็นว่ามีการไล่ระดับสีที่ชัดเจน และเมื่อพลิกตัวเครื่องให้สะท้อนแสงที่ตกลงมากระทบ จะมองเห็นลวดลายกลีบดอกไม้ที่ซ่อนไว้ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะสีแดง Sunrise Red กับน้ำเงิน Twilight Blue ส่วนสีม่วง Starry Purple จะเล่นกับละอองสีทองแทนดวงดาวนับล้านที่มองเห็นบนท้องฟ้ายามค่ำคืน
ด้านหลังมาพร้อมกล้องคู่ 16 + 2 ล้านพิกเซล ใกล้กันมีแฟลช LED ถัดลงมาตรงกึ่งกลางเป็นตำแหน่งของเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ ตามด้วยโลโก้ OPPO
สำหรับบอดี้สีแดง Sunrise Red กับสีน้ำเงิน Twilight Blue ขอบกันชนกล้องคู่หลัง เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ และโลโก้ OPPO จะเป็นสีเงิน แต่บอดี้สีม่วง Starry Purple จะเปลี่ยนเป็นสีทอง
ไม่เพียงแค่ด้านหลังเท่านั้น ที่มีการไล่ระดับสี แต่ยังครอบคลุมมาถึงขอบด้านข้าง ซึ่งมีความบางไม่ถึง 8 มิลลิเมตร โดยติดตั้งปุ่มเพาเวอร์ไว้ทางฝั่งขวามือ
อีกข้างหนึ่งมีถาดใส่การ์ดแบบ 3 ช่อง จึงรองรับ 2 ซิมการ์ด (Dual Nano SIM) และการ์ด MicroSD (รองรับความจุสูงสุด 256GB)
ส่วนบนใช้โทนสีที่ต่อเนื่องมาจากด้านหลัง และมีเพียงรูไมโครโฟนตัวที่สอง สำหรับลดสียงรบกวนรอบข้าง
ด้านล่างประกอบไปด้วยลำโพง, พอร์ตเชื่อมต่อ Micro USB, รูไมโครโฟน และช่องเสียบแจ็คหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร ส่วนสีสันก็จะต่อเนื่องมาจากแผงหลัง
จุดเด่นแรกที่ OPPO F9 ภูมิใจนำเสนอนั่นก็คือเทคโนโลยีชาร์จเร็ว VOOC Flash Charge เหมาะสำหรับชีวิตที่รีบเร่งในปัจจุบัน เพียงชาร์จแบตเตอรีในเวลา 5 นาที ก็สามารถนำไปใช้สนทนาได้นานถึง 2 ชั่วโมง โดยมีความจุแบตเตอรี่ 3,500mAh เพียงพอต่อการใช้งานตลอดทั้งวัน และแถมอุปกรณ์ชาร์จแบตเตอรี่ที่สนับสนุน VOOC มาให้ในกล่อง ทั้งสายชาร์จ และ Power Adapter ไม่ต้องซื้อเพิ่ม
OPPO ไม่ได้มุ่งเน้นแต่เพียงความเร็วในการชาร์จแบตเตอรี่ แต่ยังให้ความสำคัญในเรื่องความปลอดภัย โดยการชาร์จด้วยแรงดันไฟฟ้าต่ำ 5V/4A แต่รองรับกำลังไฟสูงถึง 20W ช่วยเพิ่มความเร็วในการชาร์จแบตเตอรี่ให้เร็วกว่าการชาร์จทั่วไปถึง 4 เท่า อีกทั้งยังมีมาตรการป้องกันไม่ให้เกิดความร้อนสูงเกินไปอีก 5 ขั้นตอน ตั้งแต่ Power Adapter หรืออุปกรณ์ชาร์จแบตเตอรี่ ไปจนถึงสมาร์ทโฟน สามารถตัดไฟได้ทันทีหากพบความผิดปกติหรือเครื่องร้อนจัด
จอแสดงผลดีไซน์ใหม่ มีรอยบากที่เล็กลง ขอบจอรอบด้านบางเฉียบ ขอบด้านข้างแคบเพียง 1.7 มิลลิเมตร ทำให้มีพื้นที่หน้าจอกว้างถึง 90.8% ส่วนขอบด้านล่างก็บางลงกว่าเดิมมาก จึงรองรับการควบคุม User Interface ด้วยเทคโนโลยี Gesture หรือการใช้ปลายนิ้วปัดหน้าจอ แทนใช้ปุ่มนำทางแบบเดิม
ด้วยขนาดจอแสดงผลที่กว้างถึง 6.3 นิ้ว จึงสามารถใช้ฟีเจอร์ Split Screen หรือแบ่ง 2 หน้าจอได้อย่างถนัด
และยังออกแบบมาให้ใช้งานในแนวนอนได้ดีขึ้น เมื่อมีการเล่นเกมหรือดูวีดีโอ จะมีไอคอนของแอพพลิเคชั่นโปรดโผล่ขึ้นมาที่ขอบจอด้านข้าง เพื่อสลับใช้งานได้อย่างรวดเร็ว
กล้องเซลฟี่ 25 ล้านพิกเซล รูรับแสง F2.0 มาพร้อม AI Beauty 2.1 นำเทคโนโลยี AI (Artificial intelligence) มาช่วยในการวิเคราะห์ใบหน้าถึง 296 จุด เพื่อปรับแต่งภาพเซลฟี่ให้สวยงามเป็นธรรมชาติ ไม่เพียงแค่ใบหน้าเดียว แต่รองรับถึง 4 ใบหน้า และยังเรียนรู้สไตล์การถ่ายภาพของเจ้าของของสมาร์ทโฟน เพื่อปรับการตั้งค่าให้เหมาะสมในการถ่ายภาพครั้งต่อๆ ไป
กล้องเซลฟี่ของ OPPO F9 ยังมากับ Sensor HDR ช่วยให้ภาพถ่ายออกมาชัดเจนไม่ว่าจะอยู่ในที่กลางแจ้งที่มีแสงแดดข้างหลัง หรือในร่มที่มีสภาพแสงน้อย ตกแต่งภาพให้สนุกยิ่งขึ้นด้วย AR Sticker มีโหมดเบลอฉากหลัง และเพิ่มสีสันของภาพถ่ายให้มีชีวิตชีวามากขึ้นกับโหมด Super Vivid
กล้องเซลฟี่ สามารถ่ายวีดีโอได้ในระดับสูงสุด Full HD รองรับโหมด Super Vivid และ Beauty แต่เมื่อเปิดใช้ ความละเอียดจะลดลงไปเหลือ HD 720p
นอกจากนี้กล้องเซลฟี่ของ OPPO F9 ยังช่วยสแกนใบหน้าเพื่อปลดล็อคสมาร์ทโฟนได้อีกด้วย หรือจะใช้วิธีสแกนลายนิ้วมือก็แล้วแต่ความชอบ
กล้องคู่หลัง 16 + 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง F1.8 + F2.4 รองรับเอฟเฟกต์ Bokeh ช่วยละลายฉากหลัง เหมาะสำหรับถ่ายภาพบุคคล ที่น่าสนใจก็คือมีการนำเทคโนโลยี AI มาใช้งานด้วยเช่นกัน เรียกว่า AI Scene Recognition ช่วยให้กล้องคู่หลังของ OPPO F9 รู้จักฉากหรือวัตถุที่กำลังจะถ่ายถึง 16 รูปแบบ
เพื่อปรับค่ากล้องให้เหมาะสมกับสิ่งที่กำลังจะถ่าย เพิ่มเติมด้วยโหมดพาโนราม่า โหมดโปร และมี AR Sticker ให้เล่นเหมือนกล้องเซลฟี่
กล้องคู่หลังยังมีฟีเจอร์ Artistic Portrait Mode ช่วยจัดแสงให้ภาพถ่ายบุคคลดูดีขึ้น เหมือนอยู่ในสตูดิโอ มีเอฟเฟกต์แสงให้เลือกทั้งหมด 5 แบบ ได้แก่ Natural light, Rim light, Tone light, Film light และ Bi-color light
กล้องด้านหลังสามารถบันทึกวีดีโอในระดับ Full HD และมีโหมด Slow Motion เป็นลูกเล่นเพิ่มเติม สำหรับถ่ายภาพเคลื่อนไหวช้าที่ระดับ 120 เฟรมต่อวินาที แต่ความละเอียดจะอยู่ที่ HD 720p
ไม่เพียงแค่นั้น เทคโนโลยี AI ที่อยู่เบื้องหลังการถ่ายภาพให้สวยงาม ยังถูกนำมาใช้ในการจัดการภาพถ่ายด้วยฟีเจอร์ AI Album โดยภาพถ่ายจะถูกจัดเรียงให้เป็นหมวดหมู่อัตโนมัติ จำแนกตามใบหน้าบุคคลในภาพถ่าย หรือสถานที่ และยังนำภาพถ่ายมาช่วยจัดเรียงเป็นวีดีโอให้ดูย้อนหลังได้อีกด้วย
ตัวอย่างภาพถ่ายด้วย OPPO F9
OPPO F9 ทำงานบนพื้นฐานระบบปฏิบัติการ Android 8.1 Oreo สวมทับด้วย ColorOS 5.2 ซึ่งมาพร้อมฟีเจอร์ที่น่าสนใจอย่าง Music inter-connects
เป็นการเล่นเพลงผ่านลำโพงจากสมาร์ทโฟนหลายๆ เครื่อง เพียงเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนของตัวเองกับเพื่อนๆ เข้าด้วยกันผ่านเครือข่าย Wi-Fi โดยรองรับกับสมาร์ทโฟน OPPO ที่ใช้ ColorOS 5.2 เช่นเดียวกัน และนั่นจะทำให้เจ้าของสมาร์ทโฟน OPPO จัดปาร์ตี้ได้ทันทีที่รวมตัวกับเพื่อนๆ
ColorOS 5.2 ยังช่วยให้ OPPO F9 ฟังเสียงจากไฟล์วีดีโอได้ แม้ปิดหน้าจอไปแล้ว เหมาะสำหรับการดูมิวสิควีดีโอหรือคอนเสิร์ต แต่ต้องการฟังแต่เสียงอย่างเดียว ก็ไม่จำเป็นต้องเปิดหน้าจอให้เปลืองแบตเตอรี่
หน้าจอโฮมยังเพิ่มผู้ช่วย AI ขึ้นมาอีกหนึ่งหน้า เพียงปัดนิ้วไปทางซ้ายมือ โดยผู้ช่วย AI จะเรียนรู้พฤติกรรมการใช้งาน เพื่อคอยนำเสนอการปรับตั้งค่าต่างๆ รวมถึงจดจำรายชื่อที่ติดต่อบ่อย
ColorOS 5.2 ในสมาร์ทโฟน OPPO F9 ยังมีฟีเจอร์ตัดต่อวีดีโอที่ออกแบบมาให้ใช้งานง่าย มีฟีเจอร์ Split Screen สำหรับเปิดใช้งาน 2 แอพพร้อมกันแบบแยกหน้าต่าง และยังติดตั้ง Google Lens มาให้ด้วย ช่วยให้ผู้ใช้งานค้นหาข้อมูลตางๆ ที่อยู่รอบตัวเพียงใช้กล้องส่องไป ไม่ว่าจะเป็นวัตถุหรือผลิตภัณฑ์ต่างๆ สถานที่ท่องเที่ยว ร้านอาหาร และสิ่งปลูกสร้างที่น่าสนใจ
OPPO F9 ใช้ชิปประมวลผล Mediatek Helio P60 Octa Core 2.0GHz พร้อมด้วยจีพียู ARM Mali-G72 MP3 800MHz ความจำ RAM 6GB จับคู่กับ ROM 64GB รองรับการ์ด MicroSD สูงสุด 256GB ตอบสนองการเล่นเกมได้อย่างสบาย ไม่ว่าจะเป็น ROV หรือ PUBG Mobile ที่กำลังได้รับความนิยมอย่างสูง ณ เวลานี้
เอาใจคอเกมด้วย OPPO Game Space ในการรีดพลังทั้งหมดในตัวเครื่องทั้งหน่วยประมวลผล หน่วยความจำ รวมถึงการเชื่อมต่อ 4G ให้มารวมอยู่ที่การเล่นเกมเพียงอย่างเดียว แถมยังปิดกั้นการแจ้งเตือนของแอพต่างๆ ไม่ให้มารบกวนสมาธิ
เท่านี้ยังไม่พอใน ColorOS 5.2 ยังได้เพิ่มฟีเจอร์ Game Space เข้ามาเพื่อเอาใจคอเกมแบบสุดๆ โดยเราสามารถเลือกเกมโปรดเข้ามาในการเลือกใช้โหมดประสิทธิภาพสูง โหมดเล่นเกมประหยัดพลังงานแบตเตอรี่ การซ่อนการแจ้งเตือนต่างๆ
รวมสายเรียกเข้าไม่ให้กวนใจการเล่นเกมสามารถรับสายได้ไปพร้อมๆกับการเล่นเกมได้อย่างไม่มีสะดุด รวมถึงยังสามารถล็อคความสว่างหน้าจอไม่ให้มืดไปตามที่ระบบปรับอัตโนมัติได้อีกด้วย แน่นอนว่าเหล่าเกมเมอร์ตัวจริงต้องชื่นกันเป็นพิเศษแน่นอน
โดยรวมแล้ว OPPO F9 เป็นสมาร์ทโฟนที่มีทั้งความสวยงาม และคุณสมบัติครบครัน เหมาะสำหรับคนที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟนที่มีเอกลักษณ์ จอแสดงผลขนาดใหญ่ไว้ดูทีวีออนไลน์ เล่นเกมก็ได้ ถ่ายรูปก็ดี แบตเตอรี่มีความจุไม่น้อย แถมยังรองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว เมื่อเทียบกับราคาเปิดตัว 10,990 บาท และของแถมในช่วงเปิดรับจอง ต้องถือว่าน่าสนใจมากทีเดียว
OPPO F9 เปิดรับจองไปจนถึงวันที่ 29 สิงหาคมนี้ ผ่านทาง OPPO Brand Shop และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ โดยมีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีแดง (Sunrise Red) กับ สีน้ำเงิน (Twilight Blue) ส่วนสีม่วง (Starry Purple) จะตามมาในเดือนกันยายน ผู้ที่สั่งจองในช่วงเวลาดังกล่าว จะได้รับของแถม กระเป๋าพรีเมียม OPPO Smart Bag, บัตร VIP Card และรับประกันจอแสดงผลแตกเป็นเวลา 1 ปี