หลังจากที่ OPPO ได้จัดงาน OPPO 10th year anniversary ฉลองครบรอบ 10 ปีในประเทศไทยอย่างยิ่งใหญ่เมื่อกลางเดือนที่ผ่านมา พร้อมด้วยการเปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นเรือธงที่รอคอยมานานถึง 4 ปีเต็มกับ OPPO Find X ซึ่งทีมงาน @flashfly ได้ไปสัมผัสตัวเป็นๆกันถึงออฟฟิส OPPO ในเมืองเสินเจิ้นและได้ทำการพรีวิวมาให้ชมกันไปแล้ว โดยคราวก็ได้เครื่องที่วางจำหน่ายในประเทศไทยมาทำการทดสอบเป็นที่เรียบร้อย บอกได้คำเดียวว่า สวยและสเปกแรงมาก ส่วนจะมีอะไรที่น่าสนใจนั้นมาติดตามกันได้เลย
ถ้ามองไปที่สมาร์ทโฟนระดับพรีเมี่ยมในปีนี้ ต้องยอมรับว่า OPPO Find X มีการออกแบบที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร โดยเฉพาะการออกแบบที่มุ่งเน้นพื้นที่จอแสดงผล ดีไซน์ไร้รอยบาก ขอบจอบางเฉียบ ทำให้มีพื้นที่จอแสดงผลสูงเกือบ 94% เรียกได้ว่าเป็นสมาร์ทโฟน(เกือบจะ)ไร้กรอบอย่างแท้จริง
นอกเหนือจากการออกแบบ นวัตกรมภายในก็ใส่มาให้เต็มที่ ทั้งเทคโนโลยีซ่อนกล้อง ประสิทธิภาพของฮาร์ดแวร์ และถือเป็นสมาร์ทโฟน Android รุ่นแรกที่มีเทคโนโลยี 3D Structured Light สามารถตรวจจับโครงสร้างใบหน้าแบบ 3 มิติ ช่วยในการจดจำใบหน้าแบบ 3D Face Recognition ที่ดีที่สุดในเวลานี้
มาเริ่มกันที่ตัวกล่องใส่อุปกรณ์ต่างๆของ OPPO Find X ที่วางจำหน่ายในประเทศไทยกับตัวกล่องสีน้ำเงินเข็มพร้อมถาดใส่ตัวเครื่องแบบลิ้นชักสีส้มตัดกันสวยงาม
สิ่งแรกที่เห็นคือตัวเครื่อง OPPO Find X สวยงามอย่างมาก
ที่ถาดรองตัวเครื่องจะมีกล่องใส่เอกสารคู่มือการใช้งานเบื้องต้น ใบรับประกัน เคสใส รวมถึงเข็มจิ้มถาดใส่ซิม
มาดูกันต่อที่อุปกรณ์ต่างๆที่อยู่ในกล่อง
ที่ชาร์จแบบพกพารองรับ VOOC Flash Charge รองรับกระแสไฟ 5V/4A
ด้วยการที่ OPPO ได้ตัดช่องหูฟัง 3.5 มม.ออกไปแบบเงียบๆทำให้ไม่สามารถใช้งานกับหูฟังแบบเก่าได้ ทาง OPPO จึงได้แถมตัวอแดปเตอร์แปลงจาก USB-C เป็นแจ็ก 3.5 มม.มาให้ด้วยโดยมีชื่อว่า Type-C to 3.5mm Audio Adapter
ถัดมาจะเห็นกล่องใส่หูฟัง เปิดออกมาก็จะพบกับสาย USB ที่รองรับ VOOC Flash Charge แบบ Type-C อยู่ในกล่องนี้ด้วย
สำหรับชุดหูฟังที่แถมมาในกล่องของ OPPO Find X นั้นจะเป็นแบบ USB Type-C
แกะกล่องกันไปเรียบร้อยแล้วมาต่อกันที่ความสวยงามของ OPPO Find X โดยจอแสดงผลของ OPPO Find X ใช้ดีไซน์ที่เรียกว่า Panoramic Arc Screen โดยมากับจอแสดงผลแบบ OLED ความละเอียด 2340 x 1080 พิกเซล ขนาด 6.4 นิ้ว อัตราส่วนภาพ 19.5:9
ป้องกันรอยด้วยกระจก Corning Gorilla Glass 5 ขอบโค้ง 2.5D ด้วยพื้นที่จอแสดงผลที่มากถึง 93.8% ทำให้การรับชมภาพยนตร์หรือเล่นเกมมีความสมบูรณ์แบบและให้ความรู้สึกที่ดี ไม่เสียพื้นที่เหมือนกับสมาร์ทโฟนที่มีรอยบากจำนวนมากในตลาดตอนนี้
แผงด้านหน้าเต็มไปด้วยพื้นที่จอแสดงผล ไม่มีรอยบากสำหรับวางกล้องเซลฟี่ เพราะถูกซ่อนไว้ด้านบน จะมีเพียงรูเล็กๆ ที่ขอบบนสุด สำหรับให้เสียงจากลำโพงหูฟังรอดผ่านออกมา แต่ตัวลำโพงจริงถูกติดตั้งไว้กับระบบกล้อง
มุมมองด้านหลังใช้เทคนิคการไล่ระดับสีแบบ 3 มิติ ยิ่งมีแสงมาตกกระทบก็ยิ่งสะท้อนความสวยงามออกมาคล้ายกับมีแสงไฟนีออน และป้องกันรอยด้วยกระจก Corning Gorilla Glass 5 ขอบโค้ง 2.5D โดยมีให้เลือก 2 สี คือ สีแดง (Bordeaux Red) และสีน้ำเงิน (Glacier Blue)
ขอบด้านข้างจะเห็นได้ชัดเจนว่ามีความโค้งมน โดยมีความบาง 9.6 มิลลิเมตร ติดตั้งปุ่มเพาเวอร์ไว้ด้านขวามือ ส่วนข้างซ้ายมีปุ่มเพิ่มและลดเสียง
ส่วนด้านบนเมื่อยังไม่ได้เลื่อนกล้องขึ้นมา จะมีเพียงไมโครโฟนตัวที่สอง สำหรับลดเสียงรบกวนรอบข้าง
ด้านล่างจะพบกับลำโพง, ไมโครโฟนตัวหลัก, พอร์ต USB Type-C และถาดใส่ซิมการ์ด รองรับ 2 ซิมการ์ดแบบประกบหน้าหลังรองรับ 4G ทั้ง 2 ซิม
จุดเด่นในการออกแบบอยู่ที่เทคนิคการซ่อนกล้อง ซึ่ง OPPO เรียกว่า Stealth 3D Cameras ด้วยการติดตั้งกล้องด้านหน้าและด้านหลังไว้ในชุดเดียวกัน เมื่อเลื่อนกล้องขึ้นมาก็สามารถใช้งานกล้องได้ทั้งสองด้าน กล้องจะถูกเลื่อนขึ้นมาอัตโนมัติเมื่อถูกเรียกใช้งาน โดยมีความเร็วในการเลื่อนขึ้นเพียง 0.6 วินาที นั่นหมายถึงพอเปิดแอพพลิเคชั่นกล้องขึ้นมา ก็พร้อมถ่ายภาพได้ทันที
ระบบเลื่อนกล้องได้รับการออกแบบมาเป็นอย่างดี โดยมองไปที่การใช้งานจริง มีระบบป้องกันตัวเองจากความเสียหาย เมื่อเผลอทำหล่นในระหว่างใช้งานกล้อง สมาร์ทโฟนก็จะเลื่อนกล้องเก็บทันที
ด้านความทนทานของระบบเลื่อนกล้อง OPPO ยืนยันว่าผ่านการทดสอบมาแล้วมากกว่า 300,000 ครั้ง รับประกันว่ามีอายุการใช้งานนานเกิน 5 ปีอย่างแน่นอน เรายังลองทดสอบด้วยการดึงกล้องขึ้นมาด้วยมือเปล่าโดยไม่ได้เปิดแอพกล้อง ก็พบว่ามีกลไกดึงกล้องกลับลงไปเอง
เมื่อเลื่อนกล้องขึ้นมา เราจะเห็นเฉพาะตำแหน่งของลำโพงหูฟัง กับกล้องเซลฟี่ แต่ส่วนที่มองไม่เห็นคือเซ็นเซอร์ต่างๆ มากมาย อย่างเช่น Dot Projector, Flood Illuminator, Infrared Camera ซึ่งช่วยให้ OPPO Find X สามารถตรวจจับใบหน้าหรือสแกนใบหน้าผู้ใช้งานในแบบ 3 มิติ (3D Face Recognition)
ด้วยเซ็นเซอร์ต่างๆ ที่ใช้ในการสแกนใบหน้า ทำให้ OPPO Find X สามารถตรวจจับโครงสร้างใบหน้าได้ 15,000 จุด จนสามารถทำแผนที่ใบหน้าขึ้นรูปเป็นโมเดล 3 มิติได้ จึงมีความปลอดภัยกว่าการสแกนลายนิ้วมือถึง 20 เท่า โดยมีโอกาสเกิดความผิดพลาดเพียง 1 ใน 1,000,000 ขณะที่การสแกนลายนิ้วมือ สามารถเกิดความผิดพลาดได้ 1 ใน 50,000 ด้วยเหตุนี้ ฟีเจอร์ปลดล็อคสมาร์ทโฟนด้วยการสแกนใบหน้าของ OPPO Find X จึงมีความปลอดภัยกว่าสมาร์ทโฟน Android ที่มีอยู่ในตลาดปัจจุบันนี้ ปลอดภัยจนสามารถใช้เป็นระบบยืนยันตัวตนในการชำระสินค้าได้ แทนการยืนยันด้วยวิธีสแกนลายนิ้วมือ
สำหรับวิธีการปลดล็อคด้วยการสแกนใบหน้า ทำได้ง่ายๆ เพียงกดปุ่มเพาเวอร์ กล้องจะเลื่อนขึ้นมาสแกนใบหน้า แล้วเลื่อนกลับลงไปอย่างรวดเร็ว อีกวิธีก็คือ กดปุ่มเพาเวอร์แล้วปัดหน้าจอขึ้น ก่อนที่กล้องจะเลื่อนขึ้นมาสแกน ซึ่งทั้ง 2 วิธี สามารถตั้งค่าได้ที่ Face & Passcode ที่สำคัญก็คือ สามารถสแกนใบหน้าได้แม้อยู่ในที่มืด
กล้องเซลฟี่ให้ความละเอียดถึง 25 ล้านพิกเซล ใช้เซ็นเซอร์ Sony IMX576 มาพร้อมฟีเจอร์ 3D AI Beauty ที่ช่วยปรับโครงสร้างใบหน้าได้ให้ดูดีขึ้นอย่างธรรมชาติ เพราะกล้องจะสแกนใบหน้าเก็บไว้และเลือกรูปแบบโครงสร้างใบหน้าที่ต้องการได้ ส่วนโหมด Beauty ปกติที่สามารถปรับระดับได้เองก็ยังมีมาให้เหมือนเดิม
กล้องด้านหน้ายังมีโหมดถ่ายภาพ Portrait ที่ช่วยละลายฉากหลัง พร้อมด้วยเทคโนโลยีจัดแสง 3D Lighting เพิ่มความสนุกด้วย Sticker ที่มี AR Sticker สำหรับตกแต่งหน้า และที่พิเศษก็คือใน Sticker ได้เพิ่ม 3D Omoji เป็นอิโมจิรูปสัตว์น่ารักๆ มากกว่า 10 แบบ โดยอีโมจิเหล่านี้จะตรวจจับใบหน้าแล้วเลียนแบบท่าทางของผู้ใช้งาน ทั้งการขยับปากและศีรษะ
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหน้าของ OPPO Find X
กล้องด้านหลังติดตั้งมาให้ 2 เลนส์ คั่นกลางด้วยแฟลช LED ใช้เซ็นเซอร์ Sony IMX519 ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล อีกเลนส์ใช้เซ็นเซอร์ Sony IMX376k ความละเอียด 20 ล้านพิกเซล
มาพร้อมเทคโนโลยีลดภาพสั่นไหว OIS (Optical Image Stabilization) ช่วยให้ภาพที่ถ่ายออกมาได้รวดเร็วและลดการสั่นไหว แถมยังช่วยให้การถ่ายภาพในที่แสงน้อยสวยงามยื่งขึ้น
กล้องคู่หลังมาพร้อมโหมดถ่ายภาพ AI Portrait นอกจากจะช่วยเบลอฉากหลังแล้ว ยังมีเทคโนโลยีจัดแสง 3D Lighting ในโหมด Protrait หน้าชัดหลังเบลอพร้อมโหมดจัดแสงถึง 10 แบบ แต่จะมีตัวเลือกหรือเอฟเฟ็กต์ที่แตกต่างจากกล้องเซลฟี่ที่มีให้เลือกใช้ 6 แบบ
เพิ่มความฉลาดให้กับกล้องคู่หลังด้วยเทคโนโลยี AI Scene Recognition 2.0 สามารถระบุหรือจดจำวัตถุและฉากต่างๆ ได้มากถึงกว่า 800 รูปแบบ ช่วยปรับค่ากล้องให้อัตโนมัติตามฉากหรือสิ่งที่กำลังจะถ่าย หรือจะตั้งค่ากล้องด้วยตัวเองก็มีโหมด Expert มาให้ใช้งาน
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องดิจิตอลด้านหลังของ OPPO Find X
OPPO Find X ทำงานบนพื้นฐาน Android 8.1 Oreo สวมทับด้วย ColorOS 5.1 ที่มีความสามารถในการจัดการพลังงานมากขึ้นสามารถจัดเก็บแอพพลิเคชั่นที่ไม่ได้ใช้งานเพื่อช่วยประหยัดแบตเตอรี่และลดการใช้ทรัพยากรเครื่อง
ขณะที่ใช้หน้าจอแนวนอนในการดูหนังหรือเปิด Youtube ให้เลื่อนนิ้วจากขอบจอทางซ้ายก็จะปรากฎช็อตคัท แอพด่วนต่างๆที่รองรับอาทิ ข้อความ ,Facebook Messenger ,LINE เมื่อกดขึ้นก็จะเป็นหน้าต่างแบบป็อปอัพ หรือแบ่ง 2 หน้าจอทั้งแชตและชมคลิปไปพร้อมกันได้
ทำให้ไม่พลาดในทุกการติดต่อ ส่วนด้านล่างจะเป็นฟังก์ชั่นด่วน ที่ใช้ในการบันทึกหน้าจอเป็นวิดีโอ การจับภาพหน้าจอ และปิดการแจ้งเตือนต่างๆที่กวนใจ
การเปิดการใช้งานแบ่งหน้าจอก็ทำได้โดยง่ายเพียงใช้ 3 นิ้วเลือนขึ้นจากขอบจอด้านล่างเท่านั้น (ถ้าใช้ 3 นิ้วปาดลงมาจากด้านบนจะเป็นจับภาพหน้าจอ) หรือกดปุ่มมัลติทาสก์(สี่เหลี่ยม)ค้างไว้สำหรับแอแพที่รองรับก็จะใช้ได้
หรือจะกดปุ่มมัลติทาสก์เพื่อเข้าหน้าจอสลับหน้าต่างการใช้งาน แล้วดึงหน้าต่างแอพที่ต้องการใช้งานแบ่งหน้าจอก็ได้ ถ้าปัดขึ้นจะเป็นการปิดแอพ
ในเมื่อ OPPO Find X มีหน้าจอมาเต็มสะใจขนาดนี้แล้ว แต่ด้านล่างยังมี 3 ปุ่มหลักที่อาจจะดุเกะกะสายตาอยู่บ้าง เรายังสามารถเลือกให้ใช้งานแบบในโหมดเต็มหน้าจอได้อีกด้วย โดยการปัดนิ้วขึ้นโดยมีให้เลือก 4 รูปแบบ แนะนำให้เลือกแบบแรกจะใช้งานง่ายสุดคือให้มีการย้อนกลับอยู่ทั้ง 2 ด้านเมื่อปัดขึ้นที่ขอบจอทั้งซ้ายหรือขวา ถ้าปัดขึ้นตรงกลางจะเป็นการกลับหน้าจอโฮม ถ้าปัดขึ้นค้างไว้จะเข้าสู่การสลับแอพหรือโหมดมัลติทากส์
ที่ขอบจอโค้งของ OPPO Find X ยังสามาถเปิดใช้งานได้ด้วยไม่ว่าจะเป็นการเลือนนิ้วที่ขอบจอโค้งจะแนวตั้งหรือแนวนอนก็ได้ 2 ครั้งเพื่อกลับไปยังแอพก่อนหน้าหรือการลากนิ้วจากขอบด้านข้างจากทิศทางที่ตรงข้ามกันเพื่อเปิดการใช้งานแบ่งหน้าจอทำซ้ำอีกครั้งเพื่อเลิกการใช้งานแบ่งหน้าจอ
แน่นอนว่าใน OPPO Find X ยังคงมีโหมด Game Acceleration ที่ช่วยรีดประสิทธิภาพในการเล่นเกมโดยเฉพาะรวมถึงการปิดการแจ้งเตือนต่างๆไม่ให้มากวนใจขณะเล่นเกมแถมเมื่อมีสายเรียกเข้ามายังสามารถรับสายไปพร้อมๆกับการเล่นเกมได้โดยที่ไม่ต้องออกจากเกมไปให้เสียอารมณ์
เท่านี้ยังไม่พอใน ColorOS 5.1 ยังได้เพิ่มฟีเจอร์ Game Space เข้ามาเพื่อเอาใจคอเกมแบบสุดๆ โดยเราสามารถเลือกเกมโปรดเข้ามาในการเลือกใช้โหมดประสิทธิภาพสูง โหมดเล่นเกมประหยัดพลังงานแบตเตอรี่ การซ่อนการแจ้งเตือนต่างๆรวมสายเรียกเข้าไม่ให้กวนใจการเล่นเกมแบบเต็มร้อย รวมถึงยังสามารถล็อคความสว่างหน้าจอไม่ให้มืดไปตามที่ระบบปรับอัตโนมัติได้อีกด้วย แน่นอนว่าเหล่าเกมเมอร์ตัวจริงต้องชื่นกันเป็นพิเศษแน่นอน
ยังไม่หมด OPPO AppStore ก็เปิดให้บริการแล้วใน ColorOS 5.1 กับการรวบรวมแอพดีเกมดังใหม่ๆเอาไว้ในที่ที่เดียวแบบไม่ต้องง้อ Play Store นอกจากนี้ยังมี Hot apps รวมแอพและเกมที่ยอดนิยมมาให้พร้อมติดตั้งทันทีแค่กด Install เท่านั้นไม่ต้องเข้า OPPO AppStore ก็ติดตั้งแอพได้ทันที
OPPO Find X มาพร้อมผู้ช่วย Google Assistant รุ่นใหม่ล่าสุดรองรับการสั่งงานด้วยเสียงภาษาไทยอีกด้วยเพียงพูดว่า “สวัสดีกูเกิล” ต้องไปค่าภาษาไทยในแอพ Google ก่อน โดย OPPO Find X ยังมีไมโครโฟนพิเศษตัดเสียงรบกวนรอบข้าง ช่วยการเรียกใช้งาน Google Assistant ได้สะดวกอย่างมาก
อีกลูกเล่นของ OPPO Find X คือลูกเล่นไฟพาโนรามาแบบโค้ง โดยขณะล็อกหน้าจออยู่เมื่อมีสายเรียกเข้าหรือมีการแจ้งเตือนๆเข้ามาที่ขอบจอจะมีไฟสองสีวิ่งรอบๆสวยงาม โดยเรายังสามารถเข้าไปเลือกสีที่ต้องการได้อีกด้วย นอกจากนี้ยังสามารถเลือกแสดงนาฬิกาบนหน้าจอขณะล็อกหน้าจออยู่ได้แล้วเช่นเดียวกัน
ด้านประสิทธิภาพ OPPO Find X เลือกใช้ชิปประมวลผล Snapdragon 845 AIE ซึ่งเป็นชิปที่ดีที่สุดในปี 2018 จาก Qualcomm มาพร้อมจีพียู Adreno 630 ความจำ RAM 8GB จับคู่กับ ROM 256GB แบบ UFS 2.1 ลืมการ์ด MicroSD ไปได้เลยด้วยสเปกระดับนี้ใครที่จะซื้อไปเล่นเกมก็ไม่ต้องกังวล สามารถเล่นเกมยอดนิยมต่างๆ ได้อย่างลื่นไหลด้วยเฟรมเรทสูงสุด 60fps ขณะที่รุ่น Automobili Lamborghini Edition จะมาพร้อม ROM ถึง 512GB
ด้วยสเปกแรงขนาดนี้เมื่อทำการทดสอบประสิทธิภาพเครื่องผ่านแอพพลิเคชั่นชื่อดังอย่าง AnTuTu Benchmark ได้คะแนนสูงระดับสองแสนปลายๆคะแนนเลยทีเดียว ขณะที่แอพ Geekbench 4 ได้คะแนนแบบ Single-Core ได้ 2291 คะแนน แบบ Multi-Core ได้ 8067 คะแนนซึ่งถือว่าสูงมากๆในบรรดาสมาร์ทโฟนรุ่นระดับเรือธงในเวลานี้
ส่วนแบตเตอรี่มากับความจุ 3,730 mAh พร้อมเทคโนโลยี VOOC Flash Charge ชาร์จเร็วกว่าสมาร์ทโฟนทั่วไปถึง 4 เท่า ชาร์จเพียง 5 นาที ก็สามารถนำไปใช้สนทนาได้นานถึง 2 ชั่วโมง แถมยังมาพร้อม 5 มาตราฐานความปลอดภัยตัวเครื่องไม่ร้อนขณะชาร์จไฟอีกด้วย ขณะที่รุ่น OPPO Find X Automobili Lamborghini Edition มาพร้อมเทคโนโลยี Super VOOC Flash Charge ชาร์จแบตเตอรี่เต็มภายใน 35 นาทีเท่านั้น
ขณะที่ทำการชาร์จแบตเตอรี่ตัวเครื่องก็จะทำการสำรองข้อมูลขึ้นผ่านทาง Wi-Fi ไปยัง OPPO Cloud พื้นที่บนคลาวด์ที่ทาง OPPO ได้มอบพื้นที่ใช้งานฟรีถึง 5GB ในการสำรองข้อมูลสำคัญต่างๆในเครื่องไม่ว่าจะเป็นรายชื่อผู้ติดต่อ บุ๊คมาร์คของเว็บไซต์ พาสเวิร์ด Wi-Fi ไฟล์ รูปภาพความละเอียดสูงเป็นต้น ทำให้สบายใจได้ว่าข้อมูลสำคัญไม่สูญหายอย่างแน่นอน แถมยังเพิ่มความสะดวกสบายเวลาเปลี่ยนไปใช้สมาร์ทโฟน OPPO รุ่นใหม่ๆในอนาคตอีกด้วย
OPPO Find X ไม่ได้มีดีแค่การออกแบบ แต่ยังอัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย โดยเฉพาะระบบจดจำใบหน้าแบบ 3 มิติ ที่มีความแม่นยำและปลอดภัยกว่าสมาร์ทโฟน Android รุ่นอื่นๆ ในตลาดปัจจุบัน เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบสมาร์ทโฟนดีไซน์ไร้กรอบ ไร้รอยบาก ถ่ายภาพสวย เล่นเกมได้อย่างลื่นไหล
และให้ความหรูหราเมื่อหยิบขึ้นมาใช้งาน เทียบกับราคาเปิดตัว 29,990 บาท ถือเป็นตัวเลขที่มีเหมาะสมสำหรับสมาร์ทโฟนระดับพรีเมี่ยมที่แฟนๆรอคอยกันมานานกว่า 4 ปีเลยทีเดียว แถมยังถือเป็นฉลองครอบรอบ 10 ปีของ OPPO ในประเทศไทยได้อย่างยอดเยี่ยม
OPPO Find X วางจำหน่ายแล้ววันนี้ที่ร้านค้า OPPO Brand Shop และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ โดยจะได้รับของแถมเป็นชุดขาตั้งกล้อง (มูลค่า 1,700 บาท ) และที่ชาร์จแบบไวสำหรับรถยนต์ (มูลค่า 1,500 บาท )
สำหรับ OPPO Find X Automobili Lamborghini Edition สนนราคาอยู่ที่ 49,990 บาท โดยเริ่มวางจำหน่ายในช่วงเดือนกันยายนที่จะถึงนี้
บทความโดย – www.flashfly.net