มาถึงไทยแล้วกับ MacBook Pro ปี 2018 ที่หลายคนรอคอยซึ่งถือการอัพเกรดครั้งใหญ่สุดตั้งแต่ปี 2011 เลยก็ว่าได้ ซึ่งถ้าย้อนกลับไปในเดือนตุลาคมปี 2016 เป็นครั้งแรกที่ Apple ได้เปิดตัว MacBook Pro ดีไซน์ใหม่ที่มาพร้อม Touch Bar และ Touch ID จากนั้นปีต่อมาก็ได้มีการอัพเดทโปรเซสเซอร์ให้เร็วขึ้นในเดือนมิถุนายน 2017 และล่าสุดเมื่อวันที่ 12 กรกฎาคมปี 2018 ที่ผ่านมา ก็ได้มีการอัพเดทประสิทธิภาพอีกครั้ง ส่วนจะมีอะไรใหม่บ้าง? มาติดตามอ่านกันได้เลย
ซึ่งตอนนี้ทีมงาน @flashfly ก็ได้มาทดสอบเป็นที่เรียบร้อยแล้วโดยเป็น MacBook Pro หน้าจอ 15 นิ้วสเปก Intel Core i9 รุ่นที่ 8 แบบ 6-Core ความเร็ว 2.9GHZ มี Turbo Boost สูงสุด 4.8GHz การ์ดจอ Redeon Pro 560x แรม GDDR5 ขนาด 4GB แรมตัวเครื่องจัดเต็ม 32GB ความจุ 2TB ราคา 176,900 บาท ถ้าเป็นรุ่นสูงสุดความจุจะเป็น 4TB ราคาจะไปถึง 256,900 บาทเลยทีเดียว ซึ่งเราก็จะมาเริ่มด้วยการแกะกล่องกันก่อนเช่นเคย
สำหรับหน้าตากล่องของ MacBook Pro 2018 นั้นยังคงไม่แตกต่างจากรุ่นปีก่อนหน้า ที่โชว์พอร์ต Thunderbolt 3 (USB-C) และ Touch Bar ตัวเครื่องยังคงมีให้เลือก 2 สีคือสีเทาสเปซเกรย์ และสีเงิน
ด้านหลังระบุสเปกที่สำคัญไว้ชัดเจน ตอนรับเครื่องมาต้องเช็คสเปกตรงนี้ดีๆว่าถูกต้องมั้ย
เปิดกล่องออกมาก็จะพบกับตัวเครื่อง MacBook Pro อยู่ในห่อพร้อมถูกดึงขึ้นมาใช้งาน
หยิบขึ้นมาน้ำหนักพอสมควรที่ 1.83 กิโลกรัม ถ้าเป็นรุ่น 13 นิ้วจะอยู่ที่ 1.37 กิโลกรัมเท่านั้น แน่นอนว่ารุ่น 15 นิ้วเหมาะสำหรับผู้ที่ใช้งานระดับมือโปรที่ต้องใช้พื้นที่หน้าจอกว้างและสเปกเครื่องที่แรงกว่าผู้ใช้งานทั่วไป
วางเครื่องลงไปก่อนมาดูกันต่อที่อุปกรณ์ภายในกล่องก็จะมีสาย USB-C ความยาว 2 เมตรสำหรับชาร์จแบตเตอรี่ให้กับตัวเครื่อง
ถัดมาจะเห็นซองสีขาวด้านบน เปิดออกมาดูก็จะพบคู่มือการใช้งานเบื้องต้นแบบภาษาไทย เอกสารการรับประกันสินค้าและสติกเกอร์โลโก้ Apple สีขาว
ด้านล่างก็จะพบกับอแดปเตอร์ชาร์จไฟแบบ USB-C ขนาด 87 วัตต์ มีขนาดใหญ่พอสมควร หัวปลั๊กสามารถพับได้เหมาะสำหรับการพกพา
แกะกล่องกันไปเรียบร้อยแล้วมาทำการเปิดเครื่องและตั้งค่าการใช้งานเบื้องต้นกัน ทันทีที่เปิดฝาหน้าจอขึ้นมาตัวเครื่องจะติดทันทีพร้อมให้ตั้งค่าเลือกภาษาในเครื่องทันที
ตามมาด้วยเสียงที่เราจะใช้พุดคุยกับ สิริ แน่นอนว่าภาษาไทยนั่นเอง เลือกแล้วก็ตั้งค่าให้ สิริ จดจำเสียงของเราได้ด้วยการพูดตามที่ปรากฎบนหน้าจอก็เป็นเรียบร้อย โดยในรุ่น MacBook Pro 2018 นี้จะมาพร้อมชิป Apple T2 ให้เรียกใช้งานสิริได้แค่พูด “หวัดดีสิริ” เท่านั้นสะดวกมากๆ
ถัดมาก็ตั้งค่า Touch ID เซ็นเซอร์สแกนนิ้วมือ ที่อยู่ตำแหน่งขวาบนของแผงคีย์บอร์ด สำหรับใช้ในการปลดล็อคหน้าจอ และใช้ยืนยันตนในการทำธุรกรรมออนไลน์อย่าง Apple pay หรือการซื้อสินค้าออนไลน์
ต่อมาจะเป็นแจ้งเปิดใช้งานหน้าจอ True Tone ที่มีมาเฉพาะในรุ่นนี้ สำหรับปรับสีบนหน้าจอให้เป็นธรรมชาติตามสภาพแสงที่อยู่รอบๆตัวเราขณะใช้งาน สามารถกดดูความแตกต่างระหว่างใช้กับไม่ใช้ True Tone ได้ ซึ่งจะเห็นแบบชัดเจนเวลาพิมพ์งาน หรืออ่านข้อความบนฉากหลังสีขาว
จากให้ทำการล็อกอิน iCloud ก็เป็นอันเรียบร้อย พร้อมใช้งานแล้วแต่ก่อนจะใช้งานแนะนำว่าใครที่ซื้อเครื่องมาใหม่ต้องอัพเดทเป็นเวอร์ชั่น macOS High Sierra 10.13.6 สำหรับ MacBook Pro 2018 ที่ Apple ปล่อยออกมาล่าสุดเพื่อแก้ไขบั้กก่อนหน้าเสียก่อนก็เป็นอันเรียบร้อย
จอแสดงผลของ MacBook Pro ได้รับคำชมตั้งแต่รุ่น 2016 เพราะใช้จอภาพ Retina ที่ให้สีสันคมชัด แต่ในรุ่นล่าสุดได้ปรับปรุงให้ดีขึ้นไปอีกด้วยเทคโนโลยี True Tone ทำให้การแสดงผลมีความเป็นธรรมชาติยิ่งขึ้น อีกทั้งยังรองรับขอบเขตสีกว้างระดับ P3 และให้ความสว่างสูงถึง 500 นิต มาพร้อมเทคโนโลยี IPS ที่ให้มุมมองกว้างคมชัด โดยใช้จอภาพแบ็คไลท์แบบ LED ความละเอียด 2880 x 1800 พิกเซล ขนาด 15.4 นิ้ว
เหนือจอแสดงผลมีกล้องดิจิตอลสำหรับ FaceTime ความละเอียด HD 720p และสกรีนชื่อ MacBook Pro ไว้ใต้จอแสดงผล
แผงคีย์บอร์ดดูเหมือนไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไร ยังคงมาพร้อม Touch Bar และ Touch ID แต่ความจริงแล้วมีการอัพเกรดปุ่มกดมาใช้กลไกแบบปีกผีเสื้อรุ่นที่ 3 เก็บเสียงได้ดีกว่าเดิม
เมื่อกดแล้วรู้ได้ทันทีว่าเสียงกดปุ่มเงียบลง ซึ่งอาจมาจากชั้นยางที่ Apple เพิ่มเข้ามา ช่วยป้องกันเศษฝุ่นละอองเข้าไปสร้างปัญหาให้กับปุ่มกด
พื้นที่แทร็คแพดยังคงมีขนาดใหญ่ใช้งานสะดวก มาพร้อมเทคโนโลยี Force Touch ช่วยในการรับรู้แรงกด และรองรับ Multi-Touch สามารถใช้งานได้ง่ายๆโดยไม่ต้องพึ่งพาเมาส์
MacBook Pro ติดตั้งลำโพงไว้ข้างแผงคียบอร์ดทั้งซ้ายและขวา จึงให้เสียงในระบบสเตอริโอ และขับเสียงออกมาในระดับที่ดีมากแบบไม่ต้องหาลำโพงต่อให้เสียเวลา
ขอบด้านข้างมีความบาง 15.5 มิลลิเมตร พอร์ตเชื่อมต่อยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงไปจากเวอร์ชั่นก่อน มาพร้อมพอร์ต Thunderbolt 3 (USB-C) จำนวน 4 ช่อง แบ่งเป็นข้างละ 2 ช่อง โดยมีช่องเสียบแจ็คหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร มาให้ 1 ช่อง
ส่วนบอดี้ของ MacBook Pro รุ่นใหม่ยังคงใช้วัสดุอลูมิเนียม มีน้ำหนักราว 1.83 กิโลกรัม สำหรับรุ่น 15 นิ้ว มาพร้อมแบตเตอรี่ลิเธียมพอลิเมอร์ 83.6 วัตต์ต่อชั่วโมง ใช้งานทั่วไป (ดูหนัง, ท่องเว็บไซต์) นานสูงสุด 10 ชั่วโมง
MacBook Pro 2018 รุ่น 15 นิ้ว เริ่มต้นด้วยโปรเซสเซอร์ Intel Core i7 เจนเนอเรชั่น 8 แบบ 6-core ความเร็ว 2.6GHz พร้อม Turbo Boost สูงสุด 4.3GHz แต่สามารถอัพเกรดมาใช้โปรเซสเซอร์ Intel Core i9 เจนเนอเรชั่น 8 แบบ 6-core ความเร็ว 2.9GHz พร้อมด้วย Turbo Boost สูงสุด 4.8GHz ซึ่งทำงานได้รวดเร็วกว่ารุ่นก่อนหน้าถึง 70%
ด้านความจำ RAM เป็นแบบ DDR4 ความเร็ว 2400MHz ขนาด 16GB หรืออัพเกรดเป็น 32GB ส่วนความจุหรือพื้นที่เก็บข้อมูลภายในเป็นแบบ SSD เริ่มต้นที่ 512GB และสามารถอัพเกรดได้สูงสุด 4TB ซึ่งทีมงานได้ทำการทดสอบประสิทธิภาพเครื่องด้วย Geekbench 4 พบว่าทำคะแนนได้สูงทั้งแบบ Single Core และ Multi-Core เป็นรองเพียงรุ่นใหญ่อย่าง iMac Pro และ Mac Pro เท่านั้น
ตอบสนองการใช้งานด้านกราฟิกด้วย Radeon Pro 560X พร้อมหน่วยความจำ GDDR5 ขนาด 4GB และใช้ GPU แบบแยก รองรับการใช้งานระดับมืออาชีพ ไม่ว่าจะเป็นการเรนเดอร์โมเดล 3 มิติ หรือ ตัดต่อวีดีโอความละเอียดสูงระดับ 4K รวมไปถึงการเล่นเกมที่ต้องอาศัยการประมวลกราฟิกอย่างหนัก
การออกแบบภายนอกของ MacBook Pro 2018 อาจไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากเวอร์ชั่น 2016 แต่ภายในมาพร้อมประสิทธิภาพที่แรงขึ้นกว่าเดิมอย่างชัดเจน เพราะใช้โปรเซสเซอร์รุ่นใหม่ล่าสุด ขยายความจำแรมได้มากขึ้น
อีกทั้งยังปลอดภัยมากขึ้นด้วยชิป Apple T2 ทำให้เราใช้คำสั่งเสียง “หวัดดีสิริ” ได้โดยไม่ต้องกดปุ่มเหมือนใช้บน iOS และสิริก็ทำอะไรได้มากขึ้น อย่างให้เปิดไฟล์ในเครื่อง หรือช่วยเตือนความจำ
ส่วนแผงคีย์บอร์ดที่เคยพบปัญหาใน 2 รุ่นก่อนที่ได้รับการแก้ไขแล้วในรุ่นนี้ สำหรับปัญหาเครื่องร้อนที่หลายคนกังวลหลังจากเปิดเครื่องและอัพเดทซอฟท์แวร์ล่าสุด เท่าที่ใช้งานมาไม่พบปัญหานี้แต่อย่างใด
ด้วยความแรงของ MacBook Pro 2018 นี้ช่วยให้การใช้งานทุกอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้นไม่ว่าจะเป็นการ รีทัชรูปภาพความละเอียดสูงใน Photoshop การ ตัดต่อคลิปด้วยไฟล์วิดีโอ Apple ProRes RAW ระดับ 4K ใน Final Cut Pro X ได้สูงสุดถึง 9 สตรีมบน MacBook Pro หน้าจอ 15 นิ้ว การเรนเดอร์โมเดล 3D ก็ทำได้อย่างลื่นไหลแบบเรียลไทม์ รวมไปถึงช่วยในการเขียน Code แล้วนำไปรันบนระบบทดสอบหลายระบบพร้อมกัน แน่นอนว่าเรื่องการเล่นเกมที่ต้องการกราฟิกสวยๆก็ทำได้ดีกว่าที่เคยมีมาแน่นอน
MacBook Pro 2018 ถูกสร้างมาเพื่อผู้ใช้งานระดับมืออาชีพ ที่ต้องการแล็ปท็อปสำหรับใช้งานด้านกราฟิกขั้นสูง สามารถพกพาไปทำงานได้ทุกสถานที่ ซึ่งต้องแลกมาด้วยราคาเริ่มต้น 65,900 บาท สำหรับรุ่น 13 นิ้ว หรือเริ่มต้น 85,900 บาท สำหรับรุ่น 15 นิ้ว สามารถสั่งซื้อผ่านทาง Apple Online Store ของประเทศไทยได้แล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปใช้เวลาจัดส่ง 1-3 วันทำการเท่านั้น
บทความโดย – www.flashfly.net