WD บรรลุข้อตกลงซื้อกิจการฮิตาชิ โกลบอล สตอเรจ เทคโนโลยีส์แล้วร่วมผลักดันศักยภาพด้านเทคโนโลยีในระดับลึกที่สุดของอุตสาหกรรม และขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ให้กว้างขวางที่สุด
เวส เทิร์น ดิจิตอล คอร์ป (WD) ผู้นำอุตสาหกรรมด้านโซลุชั่นการจัดเก็บข้อมูลดิจิตอล ประกาศวันนี้ว่า บริษัทได้เสร็จสิ้นการเข้าซื้อกิจการของวิวีติ เทคโนโลยีส์ จำกัด (Viviti Technologies Ltd) (ชื่อเดิมคือฮิตาชิ โกลบอล สตอเรจ เทคโนโลยีส์: Hitachi Global Storage Technologies หรือ HGST) อย่างสมบูรณ์แล้ว มีผลบังคับเมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2012 ที่ผ่านมานี้ โดยเป็นการซื้อด้วยเงินสดจำนวน 3.9 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ และในรูปของหุ้นสามัญของ WDC อีก 25 ล้านหุ้น คิดเป็นมูลค่าประมาณ 0.9 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ[1] ปัจจุบัน บริษัทฮิตาชิ จำกัดถือครองหุ้นของ WDC ที่ออกจำหน่ายแล้วคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 10% และมีสิทธิที่จะแต่งตั้งบุคคลสองท่านให้นั่งเก้าอี้คณะกรรมการของ WD
บริษัท แห่งใหม่ของ WD นี้จะบริหารงานร่วมกับดับเบิลยูดี เทคโนโลยีส์ (WD Technologies (WD)) และ HGST ในฐานะบริษัทสาขาที่บริษัทแม่เป็นเจ้าของเต็มตัว ทั้งนี้ ตัวเลขรายได้รวมของทั้งสองบริษัทในปี 2011 อยู่ที่ 15 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ทั้งนี้ จอห์น คอยน์ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) WD จะทำหน้าที่เป็นผู้กุมบังเหียนของสำนักงานแห่งใหม่นี้ในฐานะซีอีโอ ขณะที่สตีฟ มิลลิแกน จะดำรงตำแหน่งประธาน ทิม ลีย์เดน รั้งตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ และโวลฟ์กัง นิคเคิล จะนั่งเก้าอี้ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน
จอห์น คอยน์ ได้กล่าวแสดงความเห็นว่า ”ความสำเร็จในการเข้าซื้อกิจการครั้งนี้ถือเป็นเหตุการณ์ที่มีความหมายสำคัญ ยิ่งอย่างแท้จริงในประวัติศาสตร์ 42 ปีของบริษัทเรา ด้วยการเป็นเจ้าของในสองบริษัทที่ประสบความสำเร็จและมีความสามารถชั้นยอด ที่สุดในวงการ เราจึงคาดหวังที่จะบรรลุเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่เมื่อเราสร้าง WD แห่งใหม่เพื่อให้ผงาดขึ้นเป็นผู้ให้บริการระบบการจัดเก็บข้อมูลชั้นนำของโลก ด้วยความสามารถด้านเทคโนโลยีในระดับที่ลึกซึ้งที่สุดในอุตสาหกรรม การมีกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่กว้างขวางมากที่สุด และการปฏิบัติการที่เป็นเลิศที่สุด บริษัทสาขาทั้งสองแห่งนี้จะแข่งขันกันในตลาด โดยใช้แบรนด์และสายผลิตภัณฑ์ที่แยกต่างหาก ซึ่งคล้ายกับโมเดลแบบหลายแบรนด์ในอุตสาหกรรมอื่นๆ ที่ประสบความสำเร็จมาแล้ว ขณะเดียวกันก็จะแบ่งปันค่านิยมร่วมจากความรู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมาก การสร้างมูลค่า ความสามารถในการสร้างผลกำไรและการเติบโตอย่างมั่นคงของลูกค้า”
ข้อมูล ล่าสุดจาก IDC บริษัทสำรวจข้อมูลที่ได้คาดการณ์เกี่ยวกับตลาดฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ระบุว่า การเติบโตของรายได้ในอุตสาหกรรมฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ที่ระดับอัตราเติบโตเฉลี่ย สะสมต่อปีจะอยู่ที่ 8.6% ต่อปีตั้งแต่ปี 2011 ถึงปี 2016[2] “ความต้องการที่เพิ่มขึ้นในการจัดเก็บข้อมูลแบบดิจิตอลยังคงไม่ได้ลดน้อยถอย ลงแต่อย่างใด โดยได้รับแรงผลักดันจากการขยายคอนเทนต์แบบดิจิตอลในการใช้งานเชิงพาณิชย์ และการใช้งานในระดับผู้บริโภค” จอห์น ไรด์นิ่ง รองประธานฝ่ายการวิจัย ฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ และเซมิคอนดักเตอร์ของ IDC กล่าว พร้อมเสริมว่า “นวัตกรรมแห่งการเคลื่อนที่ โครงสร้างแบบคลาวด์ ธุรกิจเพื่อสังคม และการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่กำลังกระตุ้นความต้องการคอนเทนต์แบบดิจิตอลใน รูปแบบใหม่ และในภาคตลาดใหม่ ก่อให้เกิดความต้องการชุดผลิตภัณฑ์การจัดเก็บข้อมูลที่มีความหลากหลายและ ศักยภาพด้านเทคโนโลยีจากผู้ให้บริการระบบจัดเก็บข้อมูลมากยิ่งขึ้น”
“ด้วย ฐานลูกค้าที่ขยายวงกว้างมากยิ่งขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ รวมถึงทรัพยากรที่ขยายตัวออกไป บริษัท WD แห่งใหม่นี้จึงอยู่ในสถานะที่แข็งแกร่งที่จะฉกฉวยโอกาสเพื่อสร้างการเติบโต ในส่วนการจัดเก็บคอนเทนต์แบบดิจิตอล” คอยน์กล่าว และเสริมว่า “เราได้เข้าถือครองกิจการที่แข็งแกร่งในตลาดระดับองค์กรแบบดั้งเดิม จึงนับเป็นการเพิ่มการมีอยู่ของเราในภาคธุรกิจระบบคลาวด์และนวัตกรรมแห่งการ เคลื่อนที่ที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็วที่สุดในอุตสาหกรรม อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มศักยภาพของเราในการที่จะรับมือกับแนวคิดริเริ่มใหม่ๆ ในตลาด เช่น ฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ SSD ระดับองค์กร ระบบการจัดเก็บข้อมูลสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก ฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์แบบบาง และฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์แบบลูกผสมสำหรับ Ultrabooks™ ด้วยเหตุนี้เอง WD จึงอยู่ในสถานะที่ดีขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนในการที่จะประสบความ สำเร็จ”
ทั้งนี้ สัดส่วนเงินสดของราคาซื้อในครั้งนี้มาจากการจัดหาเงินทุนจำนวน 2.3 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งเป็นการกู้ยืมเงินในระยะยาวห้าปี การจัดหาเงินทุนระยะสั้นภายใต้ข้อตกลงเงินกู้ยืมแบบหมุนเวียน และบัญชีเงินสดแบบมีหลักประกันชำระราคาที่มีอยู่เดิมของบริษัทรวมจำนวนทั้ง สิ้น 500 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยบริษัทคาดว่าการทำธุรกรรมในครั้งนี้จะก่อให้เกิดการเพิ่มขึ้นของกำไรต่อ หุ้นในทันทีตามหลักการคำนวณบัญชีแบบ non-GAAP โดยทั้งนี้ไม่นับรวมค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการเข้าซื้อกิจการ ค่าใช้จ่ายในการปรับโครงสร้าง และการตัดจำหน่ายสินทรัพย์ที่ไม่มีตัวตน นอกจากนี้ WD ยังคาดการณ์ว่าจะรักษาสถานะเงินสดสุทธิเป็นตัวเลขบวกต่อไปได้