OPPO พร้อมส่งสมาร์ทโฟน F7 เข้ามาทำตลาดในประเทศไทยแล้ว แทนที่รุ่น F5 ที่ออกมาเมื่อปี 2017 และในรุ่นใหม่มีพัฒนาการที่ดีขึ้นหลายอย่าง ทั้งดีไซน์ ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ โดยมีจุดเด่นที่กล้องเซลฟี่ ความละเอียด 25 ล้านพิกเซล มาพร้อมเทคโนโลยี AI (Artificial intelligence) บิ้วตี้เวอร์ชั่น 2.0 ใหม่ล่าสุด ที่ช่วยให้ถ่ายภาพใบหน้าได้สวยงามอย่างธรรมชาติมากยิ่งขึ้น
OPPO F7 มีขอบจอแสดงผลที่บางลงกว่าเดิม เมื่อเทียบกับ F5 ด้วยดีไซน์ Super Full Screen ทำให้มีพื้นที่จอแสดงผลสูง 88% เมื่อเทียบกับขนาดบอดี้ และมีขนาดหน้าจอกว้างกว่ารุ่นก่อนเล็กน้อย โดยที่ขนาดบอดี้เกือบจะใกล้เคียงกัน
สาเหตุที่ OPPO F7 มีจอแสดงผลใหญ่ขึ้นเนื่องจากมีการขยายขอบจอขึ้นไปจนเกือบชิดขอบด้านบนจึงมีความจำเป็นต้องรวมกล้องเซลฟี่เซ็นเซอร์ลำโพงหูฟังไว้ในรอยบากตรงกึ่งกลาง
ส่วนจอแสดงผลมีความละเอียด 2280 x 1080 พิกเซล ขนาด 6.23 นิ้ว อัตราส่วนภาพ 19:9 และติดฟิล์มกันรอยมาให้แล้วจากโรงงาน
ดีไซน์ด้านหลังมีพื้นผิวสะท้อนเงาของกระจก (มีให้เลือก 2 สี คือ สีเงิน Moonlight Silver กับ สีแดง Solar Red ส่วนสีพิเศษ Diamond Black ที่มีรูปทรงเหลี่ยมเพชรจะเป็นรุ่นความจุ 128GB ติดตั้งกล้องดิจิตอลไว้ที่มุมบนซ้ายพร้อมกับแฟลช ตรงกึ่งกลางมีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ ติดตั้งอยู่เหนือโลโก้ OPPO
ด้านข้างจะเห็นดีไซน์ที่ถูกแบ่งเป็นชั้นอย่างชัดเจน โดยมีความบาง 7.8 มิลลิเมตร (F5 บาง 7.5 มิลลิเมตร) ด้านซ้ายมือมีปุ่มปรับรับดับเสียง
ฝั่งขวามือมีถาดใส่การ์ด 3 ช่อง นั่นหมายถึง รองรับ 2 ซิมการ์ด และใส่การ์ดความจำ microSD เพิ่มเติมได้ ไม่ต้องไปแย่งใช้กับซิมที่ 2 แถมยังรองรับ 4G ทั้ง 2 ซิมและรองรับการใช้งาน voLTE และ voWiFi หรือ Wi-Fi Calling อีกด้วย ถัดลงมาเป็นปุ่มเพาเวอร์
มุมมองด้านบนไม่มีพอร์ตเชื่อมต่ออะไร แต่จะเห็นรูไมโครโฟนตัวที่ 2 สำหรับลดเสียงรบกวน
ช่องเสียบแจ็คหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร อยู่ที่ด้านล่าง ใกล้กันมีไมโครโฟนตัวหลัก ตรงกลางเป็นพอร์ต Micro USB และลำโพงซ่อนอยู่ภายใต้ตะแกรงที่เจาะเป็นรูเล็กๆ
สิ่งที่หลายคนสะดุดตาในเรื่องของดีไซน์คงหนีไม่พ้นรอยบากที่ขอบจอแสดงผลด้านบน ซึ่งเกิดจากการออกแบบจอแสดงผล Super Full Screen หมายถึงใช้แผงหน้าจอให้เต็มพื้นที่มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ก็ยังมีปัญหาการติดตั้งฮาร์ดแวร์ที่จำเป็นอย่างกล้องเซลฟี่ เซ็นเซอร์ ลำโพงหูฟัง จึงต้องรวมไว้ในรอยบาก แต่สิ่งที่ได้มาก็คือ พื้นที่จอแสดงผลที่กว้างขึ้นกว่าเดิม 16% และไม่ต้องกลัวว่ารอยบากจะบดบังคอนเท้นต์ต่างๆ หรือไม่ เพราะ OPPO พัฒนาซอฟร์แวร์ออกมารองรับ ให้สามารถซ่อนรอยบากได้ ด้วยการเพิ่มแถบสีดำขึ้นมา
ด้วยหน้าจอขนาดใหญ่แบบ Super Full Screen ขนาด 6.23 นิ้วทำให้ OPPO F7 สามารถใช้งานท่องโลกโซเชียลมีเดียได้อย่างเต็มตาอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนเห็นตัวหนังสือแบบชัดเจนอ่านง่ายไม่ต้องมาซูมหน้าจอเข้าเพื่อเข้าไปอ่านอีกต่อไป
หรือจะแบ่งใช้งานพร้อมกัน 2 หน้าจอ 2 แอพได้อย่างสบาย อย่างการใช้งาน Youtube หรือดูซีรีย์โปรดไปพร้อมกับการแชตคุยกับเพื่อน ก็ใช้งานได้แบบเพลินๆไม่ต้องสลับแอพไปมา แถมยังสามารถเลื่อนปรับสัดส่วนขนาดหน้าต่างได้ตามใจอีกด้วย
สำหรับวิธีเปิดใช้งานโหมดแยกใช้งาน 2 หน้า 2 แอพพร้อมกันนี้สามารถทำได้ง่ายๆ 3 วิธีดังนี้ ซึ่งวิธีที่ใช้งานง่ายที่และรวดเร็วสุดคือใช้ 3 นิ้วเลื่อนขึ้นเพื่อแบ่งหน้าจอแล้วเลือกแอพที่รองรับด้านล่างได้เลย ถ้าใครไม่ถนัดก็ให้กดปุ่มสี่เหลี่ยมหรือปุ่มมัลติทาสก์ค้างไว้ก็ได้
หรือขณะที่กดสลับแอพไปมาให้ใช้ดึงตัวแอพที่จะใช้งานลงก็จะมีปุ่มแบ่งหน้าจอให้เลือก นอกจากนี้หากกำลังใช้งานหน้าจอแนวนอนแล้วมีข้อความจาก LINE หรือแอพแชนอื่นๆดึงเข้ามาเมื่อกดตอบก็เข้าสู่โหมดแบ่งหน้าจอทันที
ที่สำคัญคือ OPPO F7 ยังคงมีฟีเจอร์แอพโคลนสามารถใช้งาน LINE หรือ Facebook Messenger ได้พร้อมกัน 2 บัญชี 2 หน้าจอในเครื่องเดียวกันอีกด้วย ไม่ต้องพกมือถือหลายๆเครื่องอีกต่อไป
OPPO F7 มาพร้อมระบบปฏิบัติการ ColorOS 5.0 บนพื้นฐาน Android 8.1 Oreo ซึ่งเป็นเวอร์ชั่นล่าสุดในตอนนี้
และยังนำเทคโนโลยี AI มาใช้ในฟีเจอร์ Face Unlock หรือปลดล็อคด้วยการสแกนใบหน้า โดย AI สามารถจดจำใบหน้าได้มากกว่า 296 จุด เพื่อระบุเอกลักษณ์ของใบหน้า จึงสามารถปลดล็อคสมาร์ทโฟนได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย แต่ก็ยังติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือมาให้ด้วย
OPPO F7 ใช้ชิปประมวลผล MediaTek Helio P60 2GHz Octa Core (4xCortex-A73 2GHz + 4xCortex-A53 2GHz ) มาพร้อมจีพียู Mali-G72 MP3 800MHz ความจำ RAM 4GB จับคู่กับ ROM 64GB สนับสนุนการ์ด microSD สูงสุด 256GB ตอบสนองการเล่นเกมได้ในระดับที่น่าพอใจ และเล่นเกมที่กำลังได้รับความนิยมอย่าง ROV หรือ PUBG Mobile ได้ ส่วนแบตเตอรี่ก็ให้มาไม่น้อย 3400 mAh
นอกจากความแรงของเครื่องที่มากกว่าเดิมถึง 5 เท่า บวกกับสเป็คหน้าจอที่มีขนาดใหญ่สะใจเต็มพื้นที่การใช้งาน แสดงผลได้คมชัด และแน่นอนว่ายังมีโหมดเร่งความเร็วเกมมาให้เช่นเคย
ทันทีที่เปิดเกมขึ้นมาตัวระบบก็จะจัดการปิดแอพที่ไม่ได้ใช้งานทิ้ง เพื่อให้ได้สปีดสูงสุดทำให้สามารถเล่นเกมได้แบบไม่สะดุด รวมถึงการเชื่อมต่อ 4G แอพไหนที่เปิดใช้งานอยู่ก็จะถูกปิดทันที ทำให้การเล่นเกมออนไลน์พร้อมกันกับเพื่อนไม่มีหลุดแน่นอน รวมถึงการแจ้งเตือนของแอพต่างๆก็จะถูกปิดไม่ให้แสดงขึ้นมาขณะเล่นเกมอีกด้วย ทำให้อรรถรสในการเล่นเกมนั้นจัดมาเต็ม ไม่ว่าจะเป็นเกมฮิตอย่าง ROV หรือ PUBG ก็เล่นได้สนุก มันส์ อย่างลื่นไหล ไม่มีสะดุด
ถึงแม้ว่าจะระหว่างที่เล่นเกมจะมีสายเข้า ก็ไม่ต้องห่วงเลย เพราะ OPPO F7 มาพร้อมฟีเจอร์ App-in-app ซึ่งทำให้สามารถรับสาย คุยโทรศัพท์ได้ในระหว่างที่เล่นเกม โดยที่เกมไม่ตัด ใครที่กังวลว่าระหว่างเล่นเกมจะมีโทรศัพท์สำคัญเข้ามาแล้วจะทำให้พลาดการติดต่อบ้าง ทำให้เกมที่กำลังเล่นอยู่มันส์ๆ ตัดหายไปบ้างนั้น บอกได้เลยว่าหมดกังวลกันไปเลย เพราะ OPPO F7 จะทำให้สามารถเล่นเกมได้อย่างต่อเนื่องไม่มีสะดุด ไม่ขาดอรรถรสกันอย่างแน่นอน
โดยระหว่างที่กำลังดูคลิปหรือเล่นเกมบนหน้าจอแนวนอนอยู่เรายังสามารถใช้งานแอพด่วนได้ 3 แอพได้แก่ SMS, LINE และ FaceBook Messenger ได้ในเวลาเดียวกันด้วยฟีเจอร์ Full Screen Multitasking ซึ่งการเรียกใช้งานง่ายๆด้วยการปัดนิ้วจากขอบจอฝั่งซ้ายเข้ามา ก็จะเห็นไอค่อนแอพด่วนที่รองรับการใช้งานแบบ Pop Up ส่วนด้านล่างเป็นฟั่งชั่นด่วนได้แก่ อัดวิดีโอบนหน้าจอ จับภาพหน้าจอ และปิดการแจ้งเตือน ซึ่งด้วยฟีเจอร์นี้ทำให้สามารถดูซีรีย์เรื่องโปรดได้อย่างต่อเนื่อง ไม่ต้องมาสะดุดกับการเปิด หรือเปลี่ยนสลับแอพพลิเคชั่นไปมานั่นเอง ใครอยากดูคลิปไปด้วยคุยแชทเม้าท์กับเพื่อนด้วยเรื่องคลิป ก็ทำได้สบายไปเลย
แต่ถ้าใครที่รู้สึกว่าไม่ค่อยชอบส่วนเว้าหรือที่เรียกกันว่ารอยบากด้านบนหน้าจอสักเท่าไหร่เพราะในบางเกมจะมาทับปุ่มกดหรือหน้าจอบางส่วนทำให้เล่นเกมได้ไม่เต็มอรรถรส ก็ไม่เป็นปัญหาเพราะสามารถตั้งค่าให้กลายเป็นพื้นที่สีดำได้ ทำให้มีมีรอยเว้า รอยบากมากวนใจเวลาจะดูคลิป หรือเล่นเกมนั่นเอง โดยเข้าไปที่ การตั้งค่า > จอแสดงผลและความสว่าง > แอพแสดงแบบเต็มหน้าจอ > ตัวควบคุมการแสดงผลในบริเวณที่เว้า จากนั้นเลือกปิดแอพหรือเกมโปรดไม่ให้โดนรอยเว้ามาบังหน้าจอได้ตามใจ
เล่น PUBG ได้แบบไม่ต้องมีอะไรมาบังหน้าจอและปุ่มยิงทางซ้ายอีกต่อไป
จบฟีเจอร์เรื่องหน้าจอแบบใหม่กับการเล่นเกมกันไปแล้ว มาถึงไฮไลท์กล้องเซลฟี่ เป็นจุดเด่นที่ OPPO F7 ภูมิใจนำเสนอเป็นอย่างยิ่ง โดยใช้เซ็นเซอร์รุ่น IMX576 จาก Sony ความละเอียด 25 ล้านพิกเซล f/2.0 มาพร้อมเทคโนโลยี HDR (High Dynamic Range) ที่ฮาร์ดแวร์เลย ผนวกกับระบบ AI จะได้ภาพที่งดงามและสวยจริงเป็นธรรมชาติในแบบที่ตาเรามองเห็นเก็บรายนละเอียดฉากหลังได้หมดแถมหน้าเราก็ไม่ดำอีกด้วยหรือแม้ว่าจะถ่ายในที่แสงน้อยก็ยังคงให้รายละเอียดภาพครบถ้วน
ลองโหมด HDR ด้วยกล้องหน้าของ OPPO F7 กันไปแล้วมาทำความรู้จักกันต่อกับเทคโนโลยี AI Beauty 2.0 เวอร์ชั่นใหม่ล่าสุดที่มีความชาญฉลาดกว่าเดิมโดยตัว AI จะสามารถเรียนรู้และปรับแต่งใบหน้าของเราด้วยการใบหน้าออกเป็นพื้นที่ 25 โซนและวิเคราะห์บนใบหน้าได้ถึง 296 จุดเพื่อให้ได้ภาพเซลฟี่ในแบบที่เป็นตัวเองสมบูรณ์แบบที่สุดออกมา
ประโยชน์ของ AI Beauty ก็คือช่วยให้กล้องหน้าระบุใบหน้าของบุคคลที่จะถ่ายได้ว่าเป็นเพศอะไรสีผิวประมาณไหนอายุเท่าไรเพื่อจะได้ปรับค่ากล้องให้เหมาะสมนั่นหมายถึงถ้าคุณถ่ายเซลฟี่กับเพื่อนที่ไม่ได้เป็นเพศเดียวกัน
ใบหน้าก็จะออกมาดูดีทั้งคู่ AI ยังเรียนรู้พฤติกรรมการถ่ายภาพเซลฟี่ของผู้ใช้งานด้วย โดยจดจำจากการปรับตั้งค่ากล้อง และเมื่อใช้งานไปนานๆ การถ่ายเซลฟี่ก็จะง่ายสำหรับผู้ใช้งานมากขึ้น
เซลฟี่สวยคมชัดแล้วเท่านี้ยังไม่พอกล้องหน้าของ OPPO F7 ยังมีโหมดใหม่เพิ่มเข้ามาด้วยนั่นก็คือ Vivid Mode โหมดสีจัดและ Bokeh effect โหมดหน้าชัดหลังละลายมาให้อีกด้วยทำให้ทุกภาพเซลฟี่มีสีสันที่สดใสมีชีวิตชีว่ามากยิ่งขึ้น
และด้วย AI Beauty 2.0 ทำให้ใบหน้าของผู้ใช้งานสวยงามสมจริงอย่างเป็นธรรมชาติบวกกับสีสันของเสื้อผ้าและฉากหลังทำให้ภาพถ่ายที่ได้ไม่แพ้ภาพถ่ายแฟชั่นตามนิตยสารเลยทีเดียว
ยังไม่หมดเท่านี้ OPPO F7 ยังมีลูกเล่นสุดเก๋ที่เชื่อว่าสาวๆหลายคนต้องชื่นชอบเป็นพิเศษนั่นก็คือ AR Stickers ที่จะมาเพิ่มความสนุกในการถ่ายภาพเซลฟี่สามารถใช้งานทั้งการถ่ายกลุ่มเพื่อนหลายคนรวมถึงถ่ายเป็นไฟล์วิดีโอก็ยังได้
โดยในกล้องมีสติกเกอร์ให้เลือกมากมาย อาทิ หูกระต่าย, ปีกนางฟ้า, ซุปเปอร์ฮีโร่ เป็นต้น รับรองว่าถ้าได้โพสต์รูปถ่ายลงไปอวดเพื่อนบนสังคมออนไลน์ยอดนิยมต้องเรียกไลค์ได้เพียบอย่างแน่นอน
กล้องตัวหลักของ OPPO F7 มีความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ถึงแม้จะมีความละเอียดน้อยกว่ากล้องเซลฟี่ แต่ก็มีรูรับแสงที่กว้างกว่า (f/1.8) โหมดการถ่ายภาพมาครบไม่ว่าจะเป็น Timelaps,VDO,Photo,AR Stickers ,Panorama และ โหมดผู้เชี่ยวชาญหรือโหมดโปรในการปรับแต่งค่าต่างๆในการถ่ายภาพได้แบบกล้องมืออาชีพนั่นเอง แน่นอนว่าโหมด HDR เอ็ฟเฟ็คละลายฉากหลัง และสีสด ก็สามารถใช้ได้กับกล้องด้านหลังเช่นเดียวกับกล้องหน้า ที่เด็ดกว่าคือซูมได้ 2 เท่าแบบภาพไม่แตก
และยังนำ AI มาใช้งานด้วย ช่วยให้กล้องระบุวัตถุหรือฉากได้ 16 แบบ เพื่อปรับค่ากล้องให้เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นพระอาทิตย์ตก, อาหาร, ท้องฟ้า, เวลากลางคืน, สุนัข, เด็ก, ดอกไม้ไฟ เป็นต้น ส่วนการถ่ายวีดีโอรองรับความละเอียดสูงสุด Full HD 1080p
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า OPPO F7 ออกแบบมาเพื่อใคร ถ้าคุณชอบถ่ายภาพเซลฟี่เป็นชีวิตจิตใจ สมาร์ทโฟนรุ่นนี้ตอบโจทย์คุณได้อย่างแน่นอน อีกทั้งยังมีดีไซน์สวยงามทันสมัย จอแสดงผลใหญ่ยังเหมาะสำหรับการรับชมวีดีโอหรือท่องเน็ต เล่นเกมได้อย่างเต็มตา แถมยังมี AI โหมดที่ช่วยในการปรับภาพถ่ายในสวยงามยิ่งขึ้นด้วยราคาค่าตัวหมื่นนิดๆก็น่าจะทำให้หลายคนตัดสินใจเป็นเจ้าของได้ไม่ยาก ปิดท้ายด้วยตัวอย่างภาพถ่ายกล้องหลังของ OPPO F7 ที่ถ่ายภาพออกมาสวยงามไม่แพ้กล้องหน้าเลยทีเดียว
บทความโดย – www.flashfly.net