วันนี้ Apple® เปิดตัวเครื่องมือใหม่ๆ ที่มาพร้อมกับ iOS 12 เพื่อช่วยให้ลูกค้าสามารถทำความเข้าใจและควบคุมเวลาที่ใช้ในการโต้ตอบกับอุปกรณ์ iOS ได้
โดยคุณสมบัติใหม่เหล่านี้จะเปิดให้ใช้ภายในเดือนนี้โดยเป็นส่วนหนึ่งใน iOS 12 รุ่น Public Beta ซึ่งมีทั้ง Activity Reports, App Limits รวมถึง “ห้ามรบกวน” และส่วนควบคุมการแจ้งเตือนแบบใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยลูกค้าลดการขัดจังหวะและบริหารจัดการเวลาการใช้งานสำหรับตนเองและครอบครัว
“ใน iOS 12 เรามีเครื่องมือและข้อมูลอย่างละเอียดที่จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถทำความเข้าใจและควบคุมเวลาที่ใช้ไปกับแอพและเว็บไซต์ต่างๆ ได้ โดยสามารถบอกได้ว่าผู้ใช้หยิบ iPhone หรือ iPad ขึ้นมาบ่อยแค่ไหนในระหว่างวัน และได้รับการแจ้งเตือนมากน้อยแค่ไหน” Craig Federighi รองประธานอาวุโสฝ่ายวิศวกรรมซอฟต์แวร์ของ Apple กล่าว “ย้อนไปเมื่อปี 2008 เราเปิดตัวคุณสมบัติการควบคุมสำหรับผู้ปกครองใน iPhone เป็นครั้งแรก และตลอดหลายปีที่ผ่านมา ทีมงานของเราก็ทำงานอย่างหนักเพื่อเพิ่มคุณสมบัติต่างๆ ที่จะช่วยผู้ปกครองจัดการกับคอนเทนต์ของเด็กๆ จนกลายมาเป็น Screen Time เครื่องมือใหม่ที่จะช่วยผู้ใช้บริหารจัดการเวลาที่อยู่กับอุปกรณ์ และจัดสรรเวลาให้กับอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่สำคัญได้อย่างสมดุล”
ห้ามรบกวน
ใน iOS 12 มีการปรับปรุงคุณสมบัติ “ห้ามรบกวน” ที่จะยกระดับเครื่องมือบริหารจัดการเวลาอันทรงพลังนี้ให้ดียิ่งขึ้นโดยการช่วยให้ผู้ใช้ไม่เสียสมาธิในช่วงเวลาต่างๆ เช่น ขณะอ่านหนังสือ อยู่ในห้องเรียน อยู่ในที่ประชุม หรือขณะทานอาหารเย็น และยังมีการเพิ่มโหมดห้ามรบกวนในเวลานอนที่จะช่วยให้ผู้ใช้นอนหลับในตอนกลางคืนได้ดียิ่งขึ้นโดยการหรี่แสงบนจอภาพ และซ่อนการแจ้งเตือนทั้งหมดบนหน้าจอล็อคจนกว่าจะเปิดดูในตอนเช้า นอกจากนี้ยังมีตัวเลือกใหม่ในศูนย์ควบคุมสำหรับตั้งให้โหมดห้ามรบกวนสิ้นสุดลงโดยอัตโนมัติตามเวลาหรือสถานที่ที่กำหนดไว้ด้วย
การแจ้งเตือน
iOS 12 เพิ่มทางเลือกให้ลูกค้าสามารถควบคุมการแสดงข้อความแจ้งเตือนได้มากขึ้นเพื่อช่วยลดการขัดจังหวะ ไม่ว่าจะเป็นการปิดการแจ้งเตือนโดยสิ้นเชิง หรือให้ส่งการแจ้งเตือนไปยังศูนย์การแจ้งเตือนโดยตรง นอกจากนี้ Siri ยังฉลาดจนถึงขั้นที่สามารถเสนอแนะการตั้งค่าสำหรับการแจ้งเตือนได้อีกด้วย เช่น ให้แสดงแบบเงียบๆ หรือปิดเสียงเตือนโดยอิงจากการแจ้งเตือนที่ผู้ใช้โต้ตอบ และ iOS 12 ยังมีการจัดกลุ่มการแจ้งเตือน ช่วยให้ผู้ใช้สามารถดูและจัดการกับแจ้งเตือนหลายๆ อันพร้อมกันได้ง่ายขึ้นด้วย
Screen Time
Screen Time แสดงข้อมูลเชิงลึกที่จะช่วยให้ลูกค้าเข้าใจว่าตนเองใช้เวลาไปกับแอพและเว็บไซต์ต่างๆ อย่างไรโดยการสร้าง Activity Reports รายวันและรายสัปดาห์ที่จะแสดงเวลารวมที่คนๆ หนึ่งใช้ไปในแต่ละแอพ รวมถึงเวลาที่ใช้ไปกับแอพแต่ละหมวด จำนวนการแจ้งเตือนที่ได้รับ และความบ่อยในการหยิบ iPhone หรือ iPad ขึ้นมาใช้
เมื่อเข้าใจแล้วว่าตนเองโต้ตอบกับอุปกรณ์ iOS อย่างไร ผู้ใช้ก็สามารถควบคุมเวลาที่ใช้ไปในแต่ละแอพ แต่ละเว็บไซต์ หรือแอพแต่ละหมวดได้ และยังมีคุณสมบัติ App Limits ที่ให้ลูกค้ากำหนดระยะเวลาสูงสุดในการใช้แต่ละแอพได้ โดยเครื่องจะแจ้งเตือนเมื่อใกล้หมดเวลาในการใช้แอพนั้น
Screen Time เหมาะสำหรับใครก็ตามที่อยากทำความเข้าใจและบริหารจัดการเวลาในการใช้อุปกรณ์ให้ดียิ่งขึ้น และยิ่งเหมาะสำหรับเด็กๆ และครอบครัว เพราะผู้ปกครองสามารถเข้าดู Activity Reports ของเด็กจากอุปกรณ์ iOS ของตนเองได้เลยเพื่อทำความเข้าใจว่าเด็กๆ ใช้เวลาไปกับอะไร และยังสามารถจัดการและตั้ง App Limits ให้กับเด็กได้อีกด้วย
นอกจากนี้ Screen Time ยังช่วยให้ผู้ปกครองสามารถกำหนดช่วงเวลาที่เด็กไม่สามารถใช้อุปกรณ์ iOS ได้อีกด้วย เช่น ในเวลานอน โดยในระหว่างช่วง Downtime เครื่องจะไม่แสดงการแจ้งเตือนจากแอพ และจะมีป้ายสัญลักษณ์ปรากฏบนแอพเพื่อบอกว่าไม่อนุญาตให้ใช้งาน และผู้ปกครองสามารถเลือกได้ว่าต้องการให้แอพใดใช้งานได้ตลอดเวลาแม้จะเป็นช่วง Downtime หรือเมื่อใช้จนครบเวลาที่กำหนดแล้ว เช่น โทรศัพท์หรือหนังสือ
Screen Time อิงตามบัญชีของผู้ใช้และทำงานบนอุปกรณ์ iOS ทุกเครื่องของเด็ก ดังนั้นการตั้งค่า รายงาน และระยะเวลาที่อนุญาตให้ใช้จึงอิงตามระยะเวลาการใช้งานทั้งหมดของเด็ก นอกจากนี้ Screen Time ยังทำงานกับคุณสมบัติ “การแชร์กันในครอบครัว” และสามารถตั้งค่าได้ง่ายและรวดเร็ว โดยผู้ปกครองสามารถกำหนดค่า Screen Time ให้กับเด็กในกลุ่ม “การแชร์กันในครอบครัว” กลุ่มเดียวกันจากอุปกรณ์ของตนเอง หรือจะกำหนดค่าในอุปกรณ์ของเด็กเลยก็ได้
การดาวน์โหลดและอัพเดท
Screen Time รวมถึงคุณสมบัติการแจ้งเตือนและ “ห้ามรบกวน” แบบใหม่จะมาพร้อมกับ iOS 12 ในช่วงปลายปีนี้ สมาชิกโครงการนักพัฒนาของ Apple สามารถดาวน์โหลด iOS 12 รุ่นตัวอย่างสำหรับนักพัฒนาได้ที่ developer.apple.com ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ส่วนผู้ใช้ iOS จะสามารถเข้าร่วมโปรแกรม Public Beta ได้ในภายหลังในเดือนนี้ที่ beta.apple.com iOS 12 จะเปิดให้ใช้งานในช่วงปลายปีนี้ในรูปแบบของการอัพเดทซอฟต์แวร์ฟรีสำหรับ iPhone 5s และใหม่กว่า, iPad Air® และ iPad Pro® ทุกรุ่น, iPad รุ่นที่ 6, iPad รุ่นที่ 5, iPad mini™ 2 และใหม่กว่า และ iPod touch® รุ่นที่ 6 ดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ apple.com/th/ios/ios-12-preview