Google เปิดตัวระบบปฏิบัติการ Android P อย่างทางการแล้ว ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ถัดจากเวอร์ชั่น Oreo แต่ที่น่าแปลกใจก็คือ ไม่มีตั้งชื่อเล่นให้กับเวอร์ชั่นนี้ Android P ได้รับการออกแบบอินเทอร์เฟซใหม่ ที่เน้นใช้งานด้วย Gesture ซึ่งคล้ายกับวิธีการควบคุมอินเทอร์เฟซของ iPhone X
วิธีนำทางด้วย Gesture
สิ่งที่น่าสนใจอย่างแรกของ Android P คือ เปลี่ยนดีไซน์ของปุ่มนำทางใหม่ จากปุ่มโฮมวงกลมเป็นขีดเล็กๆ ที่อยู่ด้านล่าง คล้ายกับอินเทอร์เฟซของ iPhone X แต่ของ iPhone X จะเป็นขีดยาวกว่า แต่ Android P ยังมีปุ่ม Back มาให้
ใส่ใจสุขภาพมากขึ้น
Android P มาพร้อมฟีเจอร์ที่จะช่วยให้คุณสำรวจพฤติกรรมการใช้งานสมาร์ทโฟนเพื่อให้หันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น โดยมี Dashboard แสดงข้อมูลเกี่ยวกับการใช้งานอุปกรณ์ อย่างเช่น ระยะเวลาที่ใช้งานอุปกรณ์, ระยะเวลาที่ใช้งานในแต่ละแอพ, จำนวนครั้งที่คุณปลดล็อคอุปกรณ์ และ จำนวนการแจ้งเตือนที่คุณได้รับ
ถ้าคุณพบว่าได้ใช้เวลาอยู่กับแอพพลิเคชั่นนานเกินไป สามารถใช้ประโยชน์จาก App Timer เพื่อกำหนดเวลาระยะเวลาในการใช้แอพนั้น แล้วระบบจะแจ้งเตือนเมื่อใกล้ถึงเวลาที่ตั้งไว้
โหมดห้ามรบกวน หรือ Do Not Disturb จะช่วยปิดเสียงเรียกเข้าหรือการแจ้งเตือนต่างๆ สามารถเปิดใช้งานได้ง่ายขึ้น เพียงวางอุปกรณ์ให้คว่ำลง เพียงเท่านี้คุณก็จะโฟกัสไปที่สิ่งอยู่ที่กำลังทำอยู่ในปัจจุบัน
สำหรับใครที่ชอบใช้สมาร์ทโฟนก่อนนอน ในห้องที่ค่อนข้างมืด สามารถเรียกใช้ฟีเจอร์ Wind Down ซึ่งจะเปลี่ยนจอสีให้เป็นสีเทา ช่วยลดความน่าสนใจของคอนเท้นต์ต่างๆ ทำให้ผู้ใช้งานอยากเข้านอนเร็วขึ้น และนั่นหมายถึงจะได้รับการพักผ่อนอย่างเต็มที่
ฉลาดกว่าเดิม
Android P ได้รับการพัฒนาให้มีความฉลาดมากขึ้น เริ่มจากฟีเจอร์ Adaptive Battery ที่ใช้ Machine Learning เรียนรู้พฤติกรรมการใช้งานแอพพลิเคชั่นต่างๆ ของคุณ เพื่อจัดลำดับความสำคัญของพลังงานแบตเตอรี่ ซึ่งจะช่วยปรพหยัดพลังงานของแบตเตอรี่มากขึ้น จากการทดลองของ Google พบว่าช่วยลดการทำงานของชิปประมวลผลได้ถึง 30%
Machine Learning ยังนำมาใช้ประโยชน์กับฟีเจอร์ Adaptive Brightness ช่วยปรับระดับความสว่างของจอแสดงผลอัตโนมัติ ตามสภาพแวดล้อม
Android P จะเรียนรู้รูปแบบการใช้งานของคุณจนสามารถคาดเดาได้ว่าคุณจะทำอะไรต่อไป ด้วยฟีเจอร์ App Actions จะนำเสนอฟีเจอร์ที่คุณอาจจะต้องการใช้งาน เช่น เมื่อมีการเชื่อมต่อหูฟัง อุปกรณ์จะแนะนำรายการเพลงที่คุณชื่นชอบจากแอพ Spotify
Android P ยังปล่อย API ใหม่ที่เรียกว่า MLKit ช่วยให้นักพัฒนานำไปใช้ประโยชน์กับแอพพลิเคชั่นของตัวเอง เพื่อปรับปรุงให้มีความฉลาดมากขึ้น โดยใช้ประโยชน์จากระบบจดจำใบหน้า, สแกนบาร์โค้ด, ฉลาก, ตรวจจับสถานที่ที่สำคัญ และอื่นๆ และสามารถนำ API ไปใช้งานแบบข้ามแพลตฟอร์มได้รองรับทั้ง iOS และ Android
เรียบง่ายขึ้น
Android P ปรับปรุง User Interface ใหม่หมด เพื่อให้ใช้งานได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็นระบบการแจ้งเตือนใหม่, การปรับความดังลำโพง, การหมุนอุปกรณ์, แถบสถานะ, การจับภาพหน้าจอ, การตั้งค่าด่วน และอื่นๆ
ที่มา – Google
http://www.flashfly.net/wp/?p=217576