นับตั้งแต่ Sony Ericsson Xperia Play ที่ออกมาในปี 2011 ก็ยังไม่เคยมีใครผลิตสมาร์ทโฟนสำหรับการเล่นเกมออกมาเลย อาจจะเป็นเพราะสมาร์ทโฟนระดับเรือธง ก็ตอบสนองการเล่นเกมได้ดีอยู่แล้ว จนกระทั่งผู้ผลิตอุปกรณ์สำหรับการเล่นเกมอย่าง Razer ได้เปิดตัว Razer Phone เมื่อปลายปีที่แล้ว ทำให้เกมมิ่งสมาร์ทโฟนเริ่มได้รับความสนใจเพิ่มมากขึ้น และในที่สุด Xiaomi ก็ส่ง Black Shark ออกมาเป็นคู่แข่งแล้ว
ถึงแม้ Black Shark จะออกมาช้ากว่า Razer Phone ประมาณ 5 เดือน แต่ก็ยังมีบางจุดที่ทำให้ Razer Phone ยังได้เปรียบกว่าคู่แข่ง และแน่นอนว่าของใหม่ย่อมมีเทคโนโลยีที่ใหม่กว่า ดังนั้น เราจะค้นหาไปพร้อมกันว่าเกมมิ่งสมาร์ทโฟนทั้ง 2 รุ่นนี้ มีความแตกต่างกันอย่างไรบ้าง
จอแสดงผลและการออกแบบ
Razer Phone ใช้จอแสดงผล IGZO LCD (1440 x 2560 พิกเซล) ขนาด 5.7 นิ้ว อัตราส่วนภาพ 16:9 ขนาดบอดี้ 158.5 x 77.7 x 8 มิลลิเมตร น้ำหนัก 197 กรัม ส่วน Black Shark ใช้จอแสดงผล IGZO LCD (1080 x 2160 พิกเซล) ขนาด 5.99 นิ้ว อัตราส่วนภาพ 18:9 ขนาดบอดี้ 161.6 x 75.4 x 9.25 มิลลิเมตร น้ำหนัก 190 กรัม ซึ่งนั่นทำให้รูปทรงของ Black Shark มีความผอมและสูงกว่า แต่ Razer Phone เหนือกว่าที่ความละเอียดและการแสดงกราฟิกด้วยอัตราการรีเฟรช 120Hz (สมาร์ทโฟนทั่วไปอยู่ที่ 60Hz)
ดีไซน์แผงหลังของ Razer Phone ดูเรียบง่ายกว่าอย่างเห็นได้ชัด มีเพียงโลโก้ Razer ที่ทำให้ดูโดดเด่นขึ้นมา ขณะที่ด้านหลังของ Black Shark เหมือนกำลังสวมเคสอยู่ ให้ความรู้สึกแข็งแรงกว่า
น่าเสียดายที่ Black Shark ติดตั้งปุ่มโฮมมาให้ที่ใต้จอแสดงผล พร้อมกับฝังเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือมาให้ด้วย ถ้าไม่มีปุ่มโฮมแล้วย้ายเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือไปไว้ด้านหลัง ก็จะทำให้ขอบจอบางลงได้ ส่วน Razer Phone ไม่มีปุ่มโฮม แต่ขอบจอก็ยังหนา โดยภาพแล้วเมื่อมองจากด้านหน้า ให้ความรู้สึกคล้ายกับสมาร์ทโฟนจาก Sony เหมือนกัน แถมยังติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือไว้ที่ด้านข้าง้วย ซึ่งพบได้ในเรือธงของ Sony
ประสิทธิภาพ
Razer Phone เปิดตัวในปลายปี 2017 จึงใช้ชิปประมวลผลที่ดีที่สุดของ Qualcomm ในปีที่แล้ว นั่นก็คือ Snapdragon 835 (4×2.35 GHz Kryo + 4×1.9 GHz Kryo) พร้อมจีพียู Adreno 540 ส่วน Black Shark มากับชิปที่ดีที่สุดของ Qualcomm ในปีนี้ ซึ่งก็คือ Snapdragon 845 (4×2.8 GHz Kryo + 4×1.8 GHz Kryo) พร้อมจีพียู Adreno 630
แน่นอนว่า Black Shark ได้เปรียบเรื่องของชิปประมวลผลเพราะเป็นรุ่นใหม่กว่า แต่นอกจากนี้ Black Shark ยังมีระบบระบายความร้อนด้วย ช่วยลดอุณหภูมิได้สูงสุด 8 องศา มีมีประสิทธิภาพมากกว่าสมาร์ทโฟนทั่วไปถึง 20 เท่า
Razer Phone มากับความจำ RAM 8GB จับคู่กับ ROM 64GB (UFS) รองรับการ์ด microSD สูงสุด 2 TB ขณะที่ Black Shark เริ่มต้นด้วย RAM 6GB กับ ROM 64GB (UFS 2.1) และยังมีให้เลือกอีกรุ่นคือ RAM 8GB กับ ROM 128GB (UFS 2.1) แต่ไม่รองรับการ์ด microSD
กล้อง
ไม่เพียงแต่เน้นเล่นเกม การถ่ายภาพก็ยังให้ความสำคัญเช่นเดียวกัน Black Shark มาพร้อมกล้องคู่หลัง ตัวหลัก 12 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.75 กล้องตัวรอง 20 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.75 กล้องเซลฟี่ 20 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2 ส่วน Razer Phone ก็มาพร้อมกล้องคู่หลังเช่นเดียวกัน ตัวหลัก 12 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.75 กล้องตัวรอง 12 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.6 กล้องเซลฟี่ 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.0
แบตเตอรี่
Razer Phone และ Black Shark ให้แบตเตอรี่มาเท่ากัน ที่ความจุ 4,000mAh และสนับสนุนเทคโนโลยีชาร์จเร็ว Quick Charge 4+ สำหรับ Razer Phone ส่วน Black Shark ใช้ Quick Charge 3.0
ราคาและกำหนดการวางจำหน่าย
Razer Phone วางจำหน่ายแล้วในราคา 699.99 ดอลล่าร์สหรัฐ หรือราว 21,800 บาท สำหรับ Black Shark กำลังจะเริ่มวางจำหน่ายในประเทศจีน วันที่ 20 เมษายนนี้ ราคา 2,999 หยวน หรือราว 14,880 บาท สำหรับรุ่น RAM 6GB และ 3,499 หยวน หรือราว 17,360 บาท สำหรับรุ่น RAM 8GB
Black Shark ยังมีอุปกรณ์เสริมเป็น GamePad ที่ช่วยให้การควบคุมเกมทำได้ถนัดมากขึ้น โดยเชื่อมต่อกับ Black Shark ผ่าน Bluetooth มาพร้อมแบตเตอรี่ในตัว 340mAh ให้พลังงานนาน 30 ชั่วโมง วางจำหน่ายในราคา 179 หยวน หรือราว 888 บาท และสามารถใช้งานกับสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นๆ ได้ด้วย ที่รันบน Android 4.4 หรือใหม่กว่า และรองรับ Bluetooth 4.0
* แหล่งข่าวให้สเปกจอแสดงผลและชิปประมวลผลผิดพลาด ให้ยึดตามบทความข้างต้นเป็นหลัก
ที่มา – SlashGear
http://www.flashfly.net/wp/?p=215070