สำนักข่าว Reuters นำเสนอรายงานเกี่ยวกับเทคโนโลยี 3D Sensing โดยบอกว่า Apple ก้าวล้ำนำหน้าคู่แข่งถึง 2 ปี ในการนำ 3D Sensing มาใช้งาน โดยเริ่มตั้งแต่ iPhone X ที่เปิดตัวในเดือนกันยายน 2017 ซึ่ง 3D Sensing ทำงานอยู่เบื้องหลังฟีเจอร์ Face ID
เทคโนโลยี 3D Sensing ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับสมาร์ทโฟนสำหรับใช้จดจำใบหน้าได้อย่างแม่นยำ หรือยืนยันตัวตนเมื่อใช้บริการชำระเงิน รวมไปถึงใช้งานร่วมกับแอพพลิเคชั่นด้าน AR (Augmented Reality) บริษัทวิจัย Gartner ประเมินว่าภายในปี 2021 สมาร์ทโฟนในตลาดกว่า 40% จะติดตั้งกล้อง 3D เพื่อใช้ประโยชน์ร่วมกับ AR
อย่างไรก็ตาม โรงงานที่ผลิต 3D Sensing อย่าง Viavi Solutions Inc, Finisar Corp และ Ams AG ต่างก็เผชิญกับปัญหาคอขวดกับส่วนประกอบสำคัญ ทำให้การผลิต 3D Sensing ในปริมาณมากจะไม่เกิดขึ้นจนกว่าจะถึงปีหน้า
นั่นหมายถึง ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนระบบปฏิบัติการ Android อย่าง Huawei, Xiaomi และแบรนด์อื่นๆ กว่าจะได้ใช้เทคโนโลยี 3D Sensing ก็ตามหลัง iPhone X ไปอย่างน้อย 2 ปี
Bill Ong ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายความสัมพันธ์นักลงทุนของ Viavi เปิดเผยว่า บริษัทอาจผลิต 3D Sensing ให้กับสมาร์ทโฟนระบบปฏิบัติการ Android ได้ทันในปลายปีนี้ แต่ก็จะมีปริมาณน้อยมากๆ ซึ่งอาจทำให้ในปี 2019 เราอาจจะได้เห็นสมาร์ทโฟน Android อย่างน้อย 2 รุ่น ที่มาพร้อม 3D Sensing
ในปีที่แล้ว Asus ได้เปิดตัว ZenFone AR เป็นสมาร์ทโฟน Android ที่มี 3D Sensing แต่ติดตั้งไว้ที่ด้านหลัง ไม่ได้ติดตั้งไว้ที่ด้านหน้าสำหรับใช้จดจำใบหน้าเหมือนกับ iPhone X
Apple ตกเป็นข่าวลือว่าจะเปิดตัว iPad Pro รุ่นใหม่ที่มี Face ID แบบ iPhone X นั่นหมายถึงจะต้องนำ 3D Sensing มาใช้งาน นอกจากนี้ในช่วงปลายปี ยังมีข่าวว่าจะเปิดตัว iPhone ออกมาพร้อมกัน 3 รุ่น และทุกรุ่นจะรองรับ Face ID
ที่มา – Reuters
http://www.flashfly.net/wp/?p=213521