หลังจากที่ Apple ได้ทำการวางจำหน่าย iPhone รุ่นใหม่ล่าสุดในประเทศไทยไปตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมาเรียบร้อยแล้ว
ทั้ง iPhone 8 และ iPhone 8 Plus รวมไปถึง iPhone X ที่ได้รับการออกแบบใหม่หมด ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอไร้กรอบ ไร้ปุ่มโฮม ปลดล็อคด้วยใบหน้า รวมถึงยังเป็น iPhone ที่ถ่ายภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวได้ที่สุดเท่าที่เคยมีมาอีกด้วย โดยล่าสุดได้มีช่างภาพชื่อดังในประเทศไทยหลายคนที่ต่างยกให้ iPhone X เป็นสมาร์ทโฟนที่มีกล้องถ่ายภาพที่มีคุณภาพมากที่สุดในขณะนี้พร้อมมีเคล็ดลับในการถ่ายภาพให้ได้ภาพแบบช่างภาพมืออาชีพมาฝากกันอีกด้วย แต่ก่อนจะไปถึงตอนนั้นเรามาทำความรู้จักกับกล้อง iPhone รุ่นใหม่ล่าสุดกันดูก่อนว่ามีอะไรที่น่าสนใจกันบ้าง

โดยตลอดหลายปีที่ผ่านมา iPhone ได้กลายเป็นกล้องถ่ายภาพที่ยอดนิยมมากที่สุดในโลก ในหนึ่งปีมีภาพถ่ายจากกล้องอุปกรณ์ iOS มากกว่า 1,000 ล้านภาพเลยทีเดียว โดยทั้ง iPhone 8,iPhone 8 Plus และ iPhone X จะมาต่อยอดความสำเร็จ ให้ประสบการณ์ถ่ายภาพยอดเยี่ยมยิ่งขึ้นไปอีกขั้น

ซึ่งกล้องใน iPhone ปัจจุบันนั้นสามารถถ่ายภาพ HDR ได้ดีมากเห็นรายละเอียดในภาพชัดเจน แถมยังมีสปีดชัตเตอร์ที่รวดเร็วทำให้ได้ภาพถ่ายต่อเนื่องที่คมชัด โดยเฉพาะ iPhone X ที่สามารถถ่ายภาพ Portrait Mode ได้ทั้งกล้องหน้าหลังเลยทีเดียว ด้วยความสามารถของกล้องคู่ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล มี OIS คู่ระบบกันสั่นทั้ง 2 เลนส์ ทำให้ถ่ายภาพในที่แสงน้อยได้คมชัด ทั้งโหมดปกติและในโหมดซูมเลนส์ 2 เท่านั่นเอง

นอกจากจะมีกล้องที่มีคุณภาพสูงแล้ว iPhone X ยังมีชิปเซ็ต A11 Bionic อันชาญฉลาดช่วยในการประมวลผลการปรับค่าแสงต่างๆให้สวยงาม ในเวลาไม่กี่วินาที ให้สีที่สมจริงเป็นธรรมชาติเก็บสีในธรรมชาติได้อย่างครบถ้วน และเก็บรายละเอียดในภาพต่างๆได้ครบ แม้ในสภาวะแสงน้อยก็ตาม นอกจากนี้ใน iPhone 8 Plus และ iPhone X ยังมาพร้อมฟีเจอร์ใหม่ Portrait Lightning ในปรับแสงในภาพถ่ายโหมด Portrait ให้เหมือนกับการจัดแสงถ่ายในสตูดิโอถ่ายภาพ สามารถปรับแสงได้ การทำหน้าชัดหลังเบลอก็แยกวัตถุได้ดีกว่าเดิม ฉากหลังก็เบลอได้อย่างเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น

ไฟแฟลช True Tone แบบ LED ใหม่ 4 ดวงที่สว่างและฉลาดกว่าเดิมด้วยคุณสมบัติสโลว์ซิงค์ ไม่ให้แสงไฟแฟลชสว่างเวอร์ แต่ปรับให้เข้ากับสภาวะแสงได้อย่างเป็นธรรมชาติ นอกจากนี้ยังสามารถถ่ายวิดีโอความละเอียด 4K สูงสุดได้ที่ 60 fps ถ่ายสโลว์โมชั่น 1080p ที่ความละเอียดสูงสุด 240 fps ได้อย่างน่าทึ่งอีกด้วย

การถ่ายภาพเซลฟี่ด้วย iPhone X ก็แตกต่างจากรุ่นอื่นๆ ด้วยความสามารถของกล้อง TrueDepth ความละเอียด 7 ล้านพิกเซลมีเซ็นสแกนใบหน้าด้วยจุดกว่า 30,000 จุด แยกแยะใบหน้าออกจากฉากหลัง ทำให้ได้ภาพถ่ายเซลฟี่ที่สมบูรณ์แบบกว่ารุ่นอื่นๆที่เคยสัมผัสมาอย่างแน่นอน

และนี่คือเทคโนโลยีสุดล้ำที่ Apple จัดเต็มมาให้ใน iPhone X ซึ่งหลายที่เป็นเจ้าของอยู่ก็คงจะทราบถึงคุณภาพของภาพถ่ายที่ได้กันอยู่แล้ว แต่ถ้าช่างภาพระดับมืออาชีพในเมืองไทยนำเอา iPhone X ไปถ่ายภาพดูบ้างเชื่อว่าจะได้มุมมองและคุณภาพของภาพถ่ายที่แตกต่างไปจากผู้ใช้งานทั่วไปอย่างแน่นอนไม่มากก็น้อย โดยครั้งนี้ก็ทีมงาน @flashfly ก็ได้มีเทคนิคการถ่ายภาพด้วย iPhone X โดยช่างภาพชื่อดังในเมืองไทยที่เชื่อว่าหลายคนในวงการกล้องต้องรู้จักนั่นก็คือคุณ ต่อวงษ์ ซาลวาลา หรือ พี่หาว นั่นเองที่จะมาแนะนำทั้งเทคนิคการถ่ายภาพและแอพพลิชั่นในการตกแต่งภาพถ่ายที่มืออาชีพเลือกใช้

โดยเราจะมาเริ่มกันที่คำว่า Portrait คืออะไรกันก่อน โดยความหมายแบบตรงตัวก็คือภาพบุคคลครึ่งตัวแนวตั้งนั่นเอง แต่ในปัจจุบันมีการแตกแขนงของคำว่า Portrait ออกมาหลายรูปแบบ อาทิ เป็นแบบกลุ่ม แบบเต็มตัว แบบมีสิ่งแวดล้อม รวมไปจนถึงการถ่ายแบบแนวแฟชั่น

ซึ่งกล้องของ iPhone นั้นจะมีเลนส์มุมกว้างขนาด 28mm รูรับแสง f/1.8 ซึ่งเลนส์ที่ช่างภาพนิยมใช้ในการถ่ายภาพอยู่แล้วเพราะจะสามารถเก็บได้ทั้งบรรยากาศและตัวบุคคล สำหรับในรุ่น iPhone 8 Plus และ iPhone X จะมีเลนส์อีกตัวซึ่งจะเลนส์ซูมหรือที่เรียกเลนส์เทเลโฟโต้ขนาด 52mm รูรับแสง f/2.4 (iPhone 8 Plus 56mm รูรับแสง f/2.8) ที่เหมาะในการถ่ายภาพแบบบิ้วตี้ช็อต

พอทราบสเปคกล้องคู่ของ iPhone X กันไปแล้ว ที่นี้ก็มาถึงเคล็ดวิธีการถ่ายภาพให้สวยงามแบบช่างภาพมืออาชีพกันโดยพี่หาวแนะนำว่าให้เลือกฉากหลังหรือแบล็กกราวเรียบง่าย ต้องไม่ยุ่งๆ เน้นเรียบๆเช่นถ่ายในห้อง หรือที่มีผนังกว้างๆ ให้คนที่เป็นแบบถ่ายเดินออกมาให้ห่างจากฉากหลังสักหนึ่งก้าว สามารถใช้โหมด Portrait ถ่ายเพื่อละลายหลังก็จะสวยงามไปอีกแบบ

เมื่อถ่ายแบบฉากเรียบๆกันไปแล้วก็มาลองถ่ายแบบให้ในภาพมีเรื่องราวมากขึ้นด้วยใส่แบล็กกราวเพิ่มเข้าไปให้เห็นสถานที่ไปด้วย หรือการถ่ายนอกอาคารนั่นเอง ถ้าหาฉากหลังสวยๆไม่ได้ พี่หาวแนะนำให้เอาท้องฟ้าเป็นฉากที่สวยที่สุดและหาได้ทุกที่

หรือให้บางสถานที่อาจจะมีแสงน้อยเช่นตามถนนตอนกลางคืน เรายังสามารถใช้ไฟจากป้ายไฟของร้านค้าต่างๆมาช่วยให้ภาพถ่ายได้แสงที่นุ่มนวล ทำให้ได้ภาพถ่ายที่น่าสนใจกว่ายืนที่มืดๆอย่างแน่นอน

อีกเทคนิคที่น่าสนใจมากๆก็คือการถ่ายภาพให้ดูดีด้วยการถ่ายกับตึก อาคาร หรือสถาปัตยกรรมต่างๆ มีเคล็ดลับง่ายๆคือถ่ายภาพให้ได้ฉากหลังที่เป็นเส้นตรงแนวตั้งจะช่วยทำให้ภาพเนี้ยบยิ่งขึ้น ไม่แนะนำให้ถ่ายภาพมุมเสย หรือก้มลงมา สุดท้ายกับเรื่องของแสงและเงาที่ต้องมีความสมดุลกันซึ่งถือเป็นเคล็ดลับของช่างภาพมืออาชีพทุกคน ถ้าหาแสงไม่ได้แนะนำให้ใช้แสงข้างหน้าต่าง ซึ่งพี่หาวยืนยันว่าเป็นแสงที่สวยที่สุดแล้ว

เมื่อเราถ่ายภาพได้ตามต้องการแล้ว แน่นอนว่าในแต่ภาพที่ถ่ายมานั้นอาจจะยังไม่สมบูรณ์อย่างที่ต้องการซึ่งอาจมีบางจุดที่สว่างหรือมืดเกินไปรวมถึงการเปลี่ยนโทนสีในภาพเพื่อได้อารมณ์ที่เปลี่ยนไปพี่หาวจึงได้แนะนำแอพพลิเคชั่นที่ช่างภาพมืออาชีพนิยมใช้มาฝากนั่นก็คือ VSCO เป็นแอพที่ใช้งานง่ายปรับแต่งได้อย่างสวยงาม ถ่าย RAW ไฟล์ได้ ซึ่งพี่หาวแนะนำให้ปรับแค่ไม่กี่จุดได้แก่ แสง, เงา และอุณหภูมิสี จากในแอพนี้ได้เลย หรือจะใช้โหมดออโต้ในแอพก็ได้ภาพที่สวยงามแล้ว (พี่หาวแนะนำ J1,J6,M5,M6) นอกจากนี้ยังสามารถเลือกเซฟออกมาได้หลายความละเอียดอีกด้วย

ถัดมาจะเป็นแอพพลิเคชั่นที่แนวสตรีทโฟโต้นิยมใช้นั่นก็คือแอพ RNI Films มีฟิลเตอร์สวยๆให้เลือกใช้มากมาย แต่ถ้าใครที่พอปรับแต่งภาพถ่ายเป็นอยู่แล้วก็แนะนำแอพยอดนิยมอย่าง Snapseed และ Adobe Lightroom หลายคนก็น่าจะมีติดเครื่องไว้อยู่แล้ว ซึ่งแอพทั้งหมดที่กล่าวถึงสามารถดาวน์โหลดได้ฟรีบน App Store ทั้งหมด
สำหรับการถ่ายวิดีโอด้วย iPhone นั้นคุณลี ชาตะเมธีกุล นักตัดต่อภาพยนตร์มืออาชีพชื่อดังในเมืองไทย ที่คว้ารางวัลจากต่างประเทศและในประเทศมาแล้วมากมาย ก็ได้ทำการถ่ายคลิปความละเอียด 4K ด้วย iPhone X แล้วนำมาตัดต่อเป็นหนังสั้นด้วยโปรแกรม Final Cut Pro X บน iMac Pro ซึ่งคุณลีบอกว่าง่ายมากๆทั้งในการนำไฟล์จาก iPhone เข้ามาในโปรแกรมและเรนเดอร์ออกมาเป็นเป็นไฟล์ที่ทำออกมาได้อย่างรวดเร็วอย่างมาก จุดเด่นใน Final Cut Pro X ที่คุณลีชอบก็คือการเลือกช่วงต่างๆในคลิปที่ฉลาด เสียงเอฟเฟคต่างๆที่มีมาให้ช่วยให้งานตัดต่อที่ยากๆดูง่ายขึ้น จากนั้น คุณลีก็ได้แนะนำเคล็ดลับในการตัดต่อคลิปให้น่าสนใจแบบสั้นๆดังนี้คือสร้างความแตกต่างกันในคลิปชัดเจน ตัดต่อคลิปที่ความคล้ายคลึงกันมาต่อกันเพื่อให้ดูมีความเชื่อมโยงกัน การนำเสนอเชิงสัญลักษณ์ เช่นเอาพระอาทิตย์เข้ามาสื่อในถึงความสดใส ส่งผลกับความรู้สึกของคนที่ดู รวมไปถึงการนำภาพช้ำมาใช้ แสดงถึงความทรงจำทำให้เกิดภาพติดตาคนดู

นอกจากกล้อง iPhone จะมีคุณภาพที่ยอดเยี่ยมอยู่แล้ว ถ้ามีอุปกรณ์เสริมดีๆก็จะช่วยให้ได้ผลงานที่น่าทึ่งเข้าอีกซึ่งจะไม่พูดถึงไม่ได้เลยนั่นก็คือ OSMO Mobile 2 เป็นอุปกรณ์ที่เรียกว่า Gimbal Stabilizer หรือที่เรียกง่ายๆว่าไม้กันสั่นสำหรับสมาร์ทโฟน เพื่อให้ได้ภาพถ่ายหรือวิดีโอที่นิ่งในทุกองศาแม้ว่าจะถือเดินก็ไม่มีการการสั่นหรือเบลอให้เห็นแต่อย่างใด โดยล่าสุดทาง DJI ก็ ได้เปิดตัว OSMO Mobile 2 ไปเรียบร้อยภายใน CES 2018 ที่ผ่านมามาพร้อมราคาที่ถูกลงกว่าเดิมเยอะ แถมแบตเตอรี่ใช้งานได้นานถึง 14 ชั่วโมง ขณะที่รุ่นแรกใช้ได้เพียง 3-4 ชั่วโมงเท่านั้น


สำหรับใครทมี่ชอบถ่ายคลิปวิดีโอก็มีไมค์โครโฟนสำหรับ iPhone จาก Shure ที่เชื่อมต่อผ่านทางพอร์ต Lightning พร้อมใช้งานทันทีที่เสียบเข้ากับตัวเครื่องสะดวกในการใช้งานมากๆ แถมยังสามารถติดตั้งแอพพลิเคชั่น ShurePlus MOTIV บนตัวเครื่องเพื่อปรับแต่งการบันทึกเสียงในรูปแบบต่างๆได้ตามสถานการณ์ รวมถึงตัวป้องกันเสียงลมเข้าไมค์อีกด้วย
ปิดท้ายด้วยภาพถ่ายจาก iPhone X จากคุณภาพฟ้า พุทธรักษา ที่ถ่ายน้องแมวออกมาได้สวยงามแบบสุดๆ
ภาพถ่าย – 2how ,Binko
บทความโดย – www.flashfly.net