เทรนด์สมาร์ทโฟนดีไซน์หน้าจอแบบ Full Screen หรือ FullView Display เริ่มได้รับความนิยมตั้งแต่ปีที่แล้ว
ก่อนหน้านี้เราอาจจะคุ้นเคยกันดีกับ F5 series แต่ตอนนี้ OPPO ได้นำมาใช้กับ A series แล้วหลายรุ่น โดยเฉพาะรุ่นล่าสุดอย่าง A83 ที่เปิดตัวในประเทศจีนไปเมื่อปลายเดือนธันวาคมที่ผ่านมา และใช้เวลาไม่ถึงเดือนก็เข้ามาทำตลาดในประเทศไทยอย่างทางการแล้ว ซึ่งถือว่า OPPO ให้ความสำคัญกับตลาดบ้านเราอย่างมาก
ซึ่งวันนี้ทีมงาน @flashfly ก็ได้ตัวเครื่อง OPPO A83 สีทองมาเป็นที่เรียบร้อย มาเริ่มกันที่ตัวกล่องกันก่อนเช่นเคย โดยรุ่นนี้ยังคงสไตล์ของ OPPO ที่ใช้กับในหลายรุ่นก่อนหน้านั่นเองคือกล่องสีขาวตัดกับภาพตัวเครื่อง มีโลโก้ A83 สีทองเห็นเลข 8 ชัดเจน พร้อมสโลว์แกนของรุ่นนี้ Smart selfie และ Full screen ที่น่าสนใจคือรุ่นนี้เป็นรุ่นแรกที่ OPPO เลิกใช้เซ็นเซอร์สแกนนิ้วมือไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เปลี่ยนมาใช้ระบบสแกนใบหน้าแทนเช่นเดียวกับที่ใช้ใน F5 Series
ด้านหลังจะบอกสเปคที่สำคัญของตัวเครื่องก็คือเทคโนโลยี A.I. Beauty แรมตัวเครื่อง 3GB หน้าจอ Full Screen ขนาด 5.7 นิ้ว และแบตเตอรี่ความจุ 3180mAh

อุปกรณ์ที่ให้มาในกล่องนอกจากตัวเครื่องก็จะมีครบตามมาตราฐานก็คือ หูฟังแบบ 3.5 มม. สาย USB แบบ Micro USB สำหรับชาร์จแบตเตอรี่ตัวเครื่องและเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ อแดปเตอร์หรือที่ชาร์จพกพา (5V 2A) เข็มจิ้มถาดใส่ซิม คู่มือการใช้งานเบื้องต้น ใบรับประกัน

แนะนอนว่าในรุ่นนี้ทาง OPPO ได้แถมเคสใสมาให้พร้อมใช้งานส่วนแผ่นกันรอยหน้าจอก็ติดมาให้ตั้งแต่อยู่ในกล่องเลย แค่แกะออกมาจากล่องก็พร้อมใช้งานทันทีไม่ต้องไปเสียเวลาหาซื้ออีกต่อไป

OPPO A83 ถอดแบบดีไซน์มาจาก F5 แต่มีขนาดบอดี้เล็กกว่า เพราะใช้จอแสดงผลเล็กกว่านั่นเอง ซึ่งเราสามารถแยกความแตกต่างระหว่าง 2 รุ่นนี้ได้ง่ายๆ โดยดูจากด้านหลัง จะเห็นว่า A83 ไม่มีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ และถ้าได้สัมผัสตัวเครื่องด้วยมือคุณเอง ก็จะพบว่าวัสดุของ F5 เป็นโลหะ ส่วน A83 เป็นพลาสติก แต่งานประกอบก็สวยงามไม่ต่างกัน

OPPO A83 ใช้จอแสดงผล 1440 x 720 พิกเซล ขนาด 5.7 นิ้ว แบบ Full Screen มีอัตราส่วนภาพ 18:9 มาพร้อมกระจก 2.5D Corning Gorilla Glass ขณะที่รุ่น F5 จะใช้จอแสดงผล Full HD+ ขนาด 6 นิ้ว ซึ่งก็กว้างกว่า A83 เพียงเล็กน้อยเท่านั้น

ด้วยดีไซน์จอแสดงผลแบบ Full Screen ทำให้ขนาดบอดี้ของ OPPO A83 ไม่ใหญ่เกินไปถึงแม้จะมีขนาดหน้าจอ 5.7 นิ้วก็ตาม ลองมาดูสัดส่วนกันก่อน A83 มีมิติ 150.5 x 73.1 x 7.7 มิลลิเมตร แล้วไปดูรุ่น R9s ที่มีหน้าจอ 5.5 นิ้ว แต่มีมิติ 153 x 74.3 x 6.58 มิลลิเมตร ชัดเจนว่า A83 มีส่วนสูงและความกว้างน้อยกว่า R9s ทั้งที่จอแสดงผลใหญ่กว่า ดังนั้น เรื่องการพกพาก็คงไม่ลำบากเกินไปสำหรับใครที่ใช้จอแสดงผล ขนาด 5.5 นิ้ว มาก่อน

เหนือจอแสดงผลมีกล้องเซลฟี่ 8 ล้านพิกเซล ลำโพงหูฟัง และฝังเซ็นเซอร์ที่จำเป็นเอาไว้ อย่างเช่น เซ็นเซอร์ตรวจจับแสง และวัดระยะห่าง เป็นต้น ส่วนใต้จอแสดงผลไม่มีปุ่มโฮมอีกต่อไปแล้ว โดยฝังปุ่มนำทางไว้กับ User Interface

ด้านหลังติดตั้งกล้อง 13 ล้านพิกเซลไว้ที่มุมบนขวา วางคู่กับแฟลช LED ส่วนขอบกันชนเลนส์กล้องจะนูนขึ้นมาเล็กน้อย แต่ไม่ต้องห่วง เพราะในกล่องแถมเคสมาให้ด้วยแล้ว และภายใต้แผงหลังที่แกะไม่ได้ มาพร้อมกับแบตเตอรี่ความจุ 3,180mAh

ด้านล่างจะพบกับลำโพง, ช่องต่อสาย Micro USB, ไมโครโฟน และ ช่องเสียบแจ๊คหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร
ด้านข้างมีปุ่มเพิ่มเสียงและลดเสียง โดยมีถาดใส่ซิมการ์ดติดตั้งไว้อีกฝั่งพร้อมกับปุ่มเพาเวอร์

ถาดใส่ซิมการ์ด รองรับ 2 ซิมแบบ Nano-SIM และยังใส่การ์ด microSD เพิ่มได้อีก ไม่ต้องไปแย่งใช้ช่องเดียวกับ SIM2

OPPO A83 ใช้ชิปประมวลผลตัวเดียวกับรุ่น F5 คือ MediaTek Helio P23 (MT6763T) 64-bit Octa Octa ความเร็วสูงสุด 2.5GHz มาพร้อมจีพียู ARM Mali-G71 MP2 770MHz ดังนั้น การเล่นเกมจึงมีประสิทธิภาพเทียบเท่ากับรุ่น F5 ด้านความจำมากับ RAM 3GB จับคู่กับ ROM 32GB ถ้าไม่พอสามารถใส่การ์ด microSD ได้สูงสุด 256GB

ด้วยสเปคระดับนี้ยังทำให้สามารถเล่นเกมดังๆอย่าง ROV หรือเกมรถแข่งยอดฮิต Asphalt 8 ได้อย่างลื่นไหล แถมมีโหมดป้องกันการรบกวนขณะเล่นเกมเวลามีสายเรียกเข้าจะสามารถเลือกได้ว่าจะรับสายหรือไม่ ถ้ารับก็จะสามารถพูดสายไปพร้อมกับเล่นเกมได้ทันทีเช่นเดียวกับในรุ่น F5 มาให้อีกด้วย โดยตัวเครื่องมาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 3,180mAh สามารถใช้งานตลอดทั้งวันได้สบายๆ

ส่วนระบบปฏิบัติการเป็นเวอร์ชั่นเดียวกับ F5 รันบน ColorOS 3.2 พื้นฐานเป็น Android 7.1.1 Nougat มาพร้อมหน้าตาแบบใหม่สวยงามสะอาดตา ใช้งานง่ายทำงานได้รวดเร็วขึ้นกว่าเดิม 40% แถมยังช่วยลดพลังงานการใช้งานลงอีกด้วย

ถึงแม้ OPPO A83 จะไม่มีการติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือมาให้ แต่ก็มีวิธียืนยันตัวตนที่ง่ายกว่าการป้อนรหัสผ่าน นั่นก็คือฟีเจอร์ Facial Unlock ที่สามารถสแกนใบหน้าเจ้าของสมาร์ทโฟน เพื่อใช้ในการปลดล็อคแทนรูปแบบเดิม และสามารถสแกนใบหน้าได้อย่างรวดเร็วไม่ถึงวินาที เพียงแค่ยกสมาร์ทโฟนขึ้นมาแล้วมองไปที่หน้าจอ ใครที่มือเปียกหรือมือเลอะก็ไม่ต้องเสียเวลาไปล้างเพื่อจะมาสแกนนิ้วอีกต่อไป สะดวกมากๆ

OPPO A83 ติดตั้งกล้องเซลฟี่ 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง F2.2 มาพร้อมเทคโนโลยี A.I. Beauty ที่ช่วยปรับใบหน้าให้ดูดียิ่งขึ้น เนื่องจากนำ A.I. หรือ ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) มาช่วยสแกนใบหน้ามากกว่า 200 จุด ทำให้เซ็นเซอร์กล้องรับรู้ว่าคุณมีโทนสีอะไร เพศใด และ อายุเท่าไร แม้แต่สภาพแสงในเวลานั้น ก็ถูกจดจำไว้หมด เพื่อที่จะได้ปรับค่ากล้องและถ่ายภาพใบหน้าของคุณให้ออกมาดูดีแบบเป็นธรรมชาติ

นอกจากนี้ กล้องหน้าของ A83 ยังมีฟีเจอร์ Face Come First ที่ให้ความสำคัญกับการถ่ายเซลฟี่เป็นอันดับแรก เพื่อให้ใบหน้าของเราดูดีในทุกสภาพแสง และยังสามารถถ่ายเซลฟี่พร้อมเอฟเฟค Bokeh หรือหน้าชัดหลังเบลอได้ เพียงแตะที่ไอคอนหยดน้ำ

รวมถึงสามารถตั้งเวลานับถอยหลังถ่าย 3 วินาที 10 วินาที รวมเลือกแตะหน้าจอเพื่อถ่าย หรือชูผ่ามือทั้ง 5 นิ้วเพื่อให้กล้องนับถอยหลังเพื่อถ่ายก็ได้ มีฟิลเตอร์และลายน้ำให้เลือกใช้ 8 แบบ สามารถเลือกปรับสัดส่วนภาพได้ทันทีมี 3 แบบคือมาตรฐาน ,จตุรัส และแบบเต็มหน้าจอ

ที่สำคัญกล้องหน้าของ OPPO A83 สามารถถ่าย HDR ,ไทม์แลป์ รวมถึงเซลฟี่มุมกว้างในโหมดพาโน ได้อีกด้วย

สำหรับกล้องตัวหลัก มีความละเอียด 13 ล้านพิกเซล รูรับแสง F2.2 เท่ากับกล้องเซลฟี่ เปิดถ่ายภาพโหมด HDR ได้ ตั้งเวลาถ่าย ปรับสัดส่วนของภาพถ่าย รวมถึงมีฟิลเตอร์และลายน้ำให้เลือกถึง 8 แบบเพิ่มอารณ์ความแตกต่างในการถ่ายภาพให้สนุกยิ่งขึ้น สำหรับเมนูหลักของกล้องดิจิตอลด้านหลังก็จะมีโหมดไทม์แลป์ ,วิดีโอ ,รูปถ่าย ,บิ้วตี้ ,พาโนรามา และโหมดผู้เชี่ยวชาญหรือโหมดโปรนั่นเอง

เมื่อเลือกใช้งานโหมดผู้เชี่ยวชาญหรือโหมดโปรจะสามารถปรับค่าต่างๆได้เอง ไม่ว่าจะเป็นความเร็วชัตเตอร์ ค่า ISO รวมไปถึงระยะโฟกัสของภาพ เมื่อปรับได้ตามต้องการแล้วยังสามารถถ่ายภาพความละเอียดสูง Ultra HD ที่ได้ความละเอียดถึง 50 ล้านพิกเซลได้อีกด้วย

สำหรับด้านการถ่ายวีดีโอนั้นก็ถ่ายได้ในความละเอียดระดับ Full HD 1080p หรือเลือกปรับลดลงมาที่ HD 720p ก็ได้ทั้งกล้องหน้าหลัง ขณะถ่ายวิดีโอสามารถซูม 2 เท่าได้ทันทีด้วยการกดปุ่ม 1x นอกจากนี้ยังสามารถเปิดใช้โหมดบิ้วตี้ขณะถ่ายวิดีโอได้อีกด้วย (รองรับที่ 720p เท่านั้น) รวมถึงยังมีโหมดคลิปสั้น 10 วินาทีสำหรับแชร์ไปยังสังคมออนไลน์ต่างๆ และมีฟิลเตอร์อีก 9 แบบให้เลือกเช่นเดียวกับการถ่ายภาพนิ่ง

สำหรับฟีเจอร์อื่นๆที่น่าสนใจของ OPPO A83 ก็ยังมีมาเต็มไม่ว่าจะเป็นการส่งไฟล์ระหว่างสมาร์ทโฟน OPPO ด้วยกันผ่านทาง O-Share สามารถส่งไฟล์ได้โดยไม่ง้อสัญญาณอินเตอร์เนท หรือบลูทูธอีกต่อไป แถมยังเร็วกว่าบลูทูธถึง 100 เท่า นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์แบ่งหน้าจอใช้งาน 2 แอพพร้อมกัน

รวมถึงแอพโคลนที่สามารถใช้งานแอพแชตชื่อดังได้พร้อมกัน 2 บัญชีในเครื่องเดียวอาทิ LINE,WhatsApp หรือ BBM เหมาะสำหรับใครที่ต้องการแยกคุยเรื่องส่วนตัว กับเรื่องงานออกจากกันโดยไม่ต้องพกมือถือหลายเครื่องอีกต่อไป

การใช้งาน Gesture ต่างๆก็มีมาให้ครบครันไม่แพ้รุ่นราคาแพงกว่าไม่ว่าจะเป็นการโทรออกหรือรับสายอัตโนมัติเมื่อวางใกล้หู การคว่ำตัวเครื่องเพื่อปิดเสียงโทรเข้า สลับจากลำโพงไปที่ลำโพงปกติเมื่อถือใกล้หู รวมไปถึงการจับภาพหน้าจอแบบรวดเร็วด้วยการเลื่อน 3 นิ้วบนหน้าจอขึ้นลงเพื่อจับภาพอย่างรวดเร็ว โหมดการป้องกัยการกดปุ่มโดยไม่ตั้งใจ

และในขณะที่หน้าจอปิดอยู่ สามารถแตะ 2 ครั้งเปิดหน้าจอได้ วาดตัว O เพื่อเปิดใช้งานกล้องทันที วาดตัว V เพื่อเปิดไฟฉาย หรือแม้ขณะฟังเพลงสามารถวาดรูป < หรือ > เพื่อเปลี่ยนเพลงขณะหน้าจอปิดอยู่ก็สามารถทำได้

ถ้าจะบอกว่า OPPO A83 เป็นการถอดดีไซน์และเทคโนโลยีมาจากรุ่น F5 แต่ลดสเปกบางอย่างเพื่อทำราคาให้ถูกกว่าก็คงจะไม่ผิด A83 จึงเหมาะสำหรับคนที่ชื่นชอบ F5 เป็นทุนเดิม แต่ต้องการประหยัดเงินในกระเป๋าสตางค์ เพราะวางจำหน่ายในราคา 7,990 บาท ทำให้คุณไม่ต้องจ่ายเงินเพิ่มอีก 2,000 บาท เพื่อซื้อ F5 แถมได้หน้าจอ Full Screen ,ปลดล็อกหน้าจอด้วยใบหน้า รวมไปถึง A.I. บิ้วตี้ ระบบปฎิบติการเวอร์ชั่นใหม่ล่าสุด เล่นเกม ROV ได้ลื่นพร้อมโหมดป้องกันการรบกวน ส่วนเรื่องของอายุการใช้งานแบตเตอรี่ ทั้ง OPPO A83 และ OPPO F5 มีความจุไม่แตกต่างกันมากนัก แต่ด้วย OPPO A83 มีขนาดจอเล็กกว่า ความละเอียดน้อยกว่า จึงช่วยให้ใช้งานที่ยาวนานกว่านั่นเอง

ตัวอย่างภาพถ่ายด้วย OPPO A83 แบบไม่ปรับแต่งใดๆเพียงแค่ย่อขนาดภาพลงมาเท่านั้น
รายละเอียดเพิ่มเติมที่ – https://www.oppo.com/th/smartphone-a83#a83
บทความโดย – www.flashfly.net