นับจากปี 2014 ที่ออก iPhone 6 คู่กับ iPhone 6 Plus ปีนี้ Apple ได้สร้างความพิเศษขึ้นด้วยการเปิดตัว iPhone พร้อมกัน 3 รุ่น นอกจากจะมี iPhone 8 กับ iPhone 8 Plus ก็ยังมีรุ่นที่พิเศษกว่า นั่นคือ iPhone X หรือ iPhone Ten และนั่นทำให้ยอดจำหน่าย iPhone 8 series ไม่แข็งแกร่งเท่าที่ควร ถึงแม้ Apple จะพยายามผลักดันออกมาสู่ตลาดก่อน เพราะผู้บริโภคยินดีที่จะรอการมาของ iPhone X
ดูเหมือน iPhone 8 กับ iPhone 8 Plus ได้รับการอัพเกรดมาจาก iPhone 7 series ที่เปิดตัวในปีที่แล้ว ด้วยวัสดุใหม่ ชิปรุ่นใหม่ และรองรับการชาร์จไร้สาย แต่สำหรับ iPhone X เป็นการเปลี่ยนแปลงแบบพลิกโฉม เป็น iPhone รุ่นแรกที่ไร้ปุ่มโฮม ดีไซน์แบบ all-screen และใช้ Face ID แทน Touch ID แต่ใช้ชิปรุ่นเดียวกับ iPhone 8 series
เว็บไซต์ Phonearena ได้ใช้เวลา 2 – 3 สัปดาห์ อยู่กับ iPhone รุ่นใหม่ทั้ง 3 รุ่น เพื่อหาข้อมูลว่าทั้ง 3 รุ่น แตกต่างกันอย่างไร
การออกแบบ
ชัดเจนว่า iPhone X เป็น iPhone ที่มีขนาดจอแสดงผลที่ใหญ่ที่สุด ถึงแม้จะมีรอยบากที่ขอบจอด้านบน แต่ด้วยความสวยงามก็ทำให้เลิกกังวลรอยบากนั้นไปได้เลย iPhone X มีจุดเด่นที่ปุ่มด้านข้างใหญ่กว่าอีก 2 รุ่น ทำให้กดใช้งานได้สะดวก กรอบตัวเครื่องเป็นสแตนเลสสตีลที่ดูสวยงามกว่ากรอบอลูมิเนียมของ iPhone 8 series ถึงแม้แผงด้านหลังจะใช้กระจกเหมือนกัน
ระบบยืนยันตัวตน
iPhone 8 กับ iPhone 8 Plus ยังคงใช้ Touch ID ที่ฝังไว้บนปุ่มโฮม ซึ่งสาวก iPhone คุ้นเคยกันดี แต่สำหรับ iPhone X ที่เน้นดีไซน์แบบ all-screen จึงด้ถอดปุ่มโฮมทิ้งไปแล้วใช้ Face ID หรือระบบสแกนใบหน้ามาทำงานแทนที่ ไม่ใช่เพียงปลดล็อคอุปกรณ์เท่านั้น แต่ยังใช้งานแทน Touch ID ได้ทุกอย่าง ทั้งการจ่ายเงินผ่าน Apple Pay และการเข้าสู่ระบบแอพพลิเคชั่นต่างๆ
Face ID ทำงานได้สะดวกกว่ามาก เพียงแค่จ้องมองกล้องเหนือจอแสดงผลและกวาดนิ้วขึ้นเพื่อปลดล็อค Face ID เกิดขึ้นได้เพราะระบบกล้อง TrueDepth ที่มีตัวฉายจุดแสง (Dot projector) ฉายแสงที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่าลงบนใบหน้ากว่า 30,000 จุด เพื่อสร้างแผนผังใบหน้าแบบ 3 มิติ ทำให้มีความปลอดภัยมากกว่า Touch ID และทำงานได้แม้อยู่ในที่มืด
Face ID สามารถจดจำใบหน้าเจ้าของ iPhone X ได้แม้สวมแว่นกันแดด, ใส่หมวก หรือมีผ้าพันคอ และยังมีความปลอดภัยสูงกว่า Touch ID มีโอกาสเกิดความผิดพลาดเพียง 1 ใน 1,000,000 (เทียบกับ 1 ใน 50,000 สำหรับ Touch ID) นอกจากนี้ยังมีข่าวลือว่า iPhone ในปีหน้า จะทิ้ง Touch ID และหันมาใช้ Face ID หมดทุกรุ่น อย่างไรก็ตาม Phonearena รู้สึกว่า Touch ID ตอบสนองการใช้งานได้เร็วกว่าเล็กน้อย
จอแสดงผล
iPhone X เป็น iPhone รุ่นแรกที่ใช้จอแสดงผล OLED ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงกว่า LCD ที่พบใน iPhone 8 กับ iPhone 8 Plus อีกทั้งยังมีขนาดใหญ่กว่าอีก 2 รุ่น จึงสามารถรับชมคอนเท้นต์ได้เต็มตากว่า แต่สิ่งที่ต้องคำนึงก็คืออัตราส่วนภาพ 2.17:1 ของ iPhone X ยังไม่พอดีกับอัตราส่วนของวีดีโอทั่วไป นั่นหมายถึงเวลารับชมวีดีโอแบบเต็มหน้าจอ จะมีพื้นที่สีดำที่ขอบบนกับขอบล่างของวีดีโอ ขณะที่ iPhone 8 Plus ใช้อัตราส่วนภาพ 16:9 ซึ่งจะแสดงวีดีโอได้เต็มหน้าจออย่างแท้จริง แต่เมื่อใช้งานในแนวตั้ง iPhone X จะแสดงคอนเท้นต์ได้มากกว่า ส่วน iPhone ก็มีอัตราส่วนภาพ 16:9 เช่นเดียวกัน แต่มีขนาดจอแสดงผลเล็กที่สุด
อินเทอร์เฟซ
iPhone X, iPhone 8 และ iPhone 8 Plus ทำงานบนระบบปฏิบัติการ iOS 11 เหมือนกัน แต่อินเทอร์เฟซของ iPhone X จะแตกต่างออกไป เพราะไม่มีปุ่มโฮมนั่นเอง iPhone X จะควบคุมการใช้งานผ่าน Gesture หรือการกวาดนิ้วบนหน้าจอ โดยมีเส้นบ่งบอกว่าตรงจุดไหรสามารถใช้ Gesture ได้ เข่นเส้นบางๆ ที่ขอบล่างของจอแสดงผล
การใช้ Gesture หรือกวาดนิ้วบนหน้าจอของ iPhone X ตอบสนองการใช้งานได้อย่างแม่นยำและลื่นไหล เนื่องจากเมื่อมีการแตะนิ้วลงบนจอแสดงผล จะมีอัตราการรีเฟรช 120Hz ซึ่งมากกว่า 2 เท่า เมื่อเทียบกับ iPhone รุ่นอื่น รวมถึงสมาร์ทโฟนทั่วไป
ประสิทธิภาพและความจุ
iPhone ทั้ง 3 รุ่นใหม่ ใช้ชิปรุ่นเดียวกัน Apple A11 Bionic ความจุเท่ากัน คือ 64GB กับ 256GB แต่ความจำ RAM แตกต่างกันที่ iPhone 8 มากับ RAM 2GB ส่วน iPhone 8 Plus กับ iPhone X ได้รับ RAM 3GB
กล้อง
iPhone 8 Plus กับ iPhone X มาพร้อมกล้องคู่หลัง ประกอบด้วยกล้องมุมกว้างกับกล้องเทเลโฟโต้ โดยกล้องเทเลโฟโต้ของ iPhone 8 Plus ใช้เลนส์ 56 มม. ส่วน iPhone X ใช้เลนส์ 52 มม. กล้องเทเลโฟโต้ของ iPhone X ยังมีระบบลดภาพสั่นไหว OIS ขณะที่ ส่วน iPhone 8 มาพร้อมกล้องมุมกว้างตัวเดียว แต่ก็มีสเปกเดียวกับกล้องมุมกว้างของ 2 รุ่นใหญ่
iPhone X โดดเด่นกว่าอีก 2 รุ่นด้วยระบบกล้อง TrueDepth ที่ด้านหน้า ซึ่งช่วยให้เกิดฟีเจอร์ Face ID กับ Animoji และยังช่วยถ่ายเซลฟี่ด้วย Portrait Mode ได้อีกด้วย
การถ่ายภาพนิ่ง iPhone X อาจจะเหนือกว่า แต่สำหรับการถ่ายวีดีโอ iPhone ทั้ง 3 รุ่นใหม่ รองรับการบันทึกในระดับ 4K @ 60 เฟรมต่อวินาทีเช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนโปรแกรมในคอมพิวเตอร์ เช่น Adobe Premiere ยังไม่สนับสนุนไฟล์วีดีโอ 4K @ 60 เฟรมต่อวินาที รูปแบบ HEVC แต่ข้อดีก็คือ รูปแบบไฟล์ใหม่ทั้ง HEIF และ HEVC ช่วยประหยัดพื้นที่ในการจัดเก็บภาพนิ่งและวีดีโอมากขึ้น
เปรียบเทียบภาพถ่าย iPhone ทั้ง 3 รุ่น
เปรียบเทียบภาพถ่าย Portrait Mode
เสียง
iPhone X, iPhone 8 และ iPhone 8 Plus มาพร้อมลำโพงคู่ ตัวหลักอยู่ที่ด้านล่างทำหน้าที่คล้ายลำโพงวูฟเฟอร์ อีกตัวซ่อนอยู่กับลำโพงหูฟัง ทำหน้าที่คล้ายลำโพงทวีตเตอร์ Phonearena บอกว่าลำโพงของ iPhone ทั้ง 3 รุ่นใหม่ ให้เสียงที่น่าประทับใจ และไม่พบความแตกต่างของ iPhone ทั้ง 3 รุ่น นั่นหมายถึงมีคุณภาพเสียงระดับเดียวกัน แต่ไม่มีช่องเสียบแจ๊คหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร ซึ่ง Appke เอาออกไปตั้งแต่ปีที่แล้ว และได้ทดแทนด้วยหูฟัง EarPods ที่ใช้พอร์ต Lightning และแถม Lightning to 3.5 mm Headphone Jack Adapter สำหรับแปลงแจ๊คหูฟังแบบเดิมมาให้ในกล่อง
แบตเตอรี่
iPhone X ใช้แบตเตอรี่ 2 ก้อนยึดติดกันเป็นรูปตัว L ความจุ 2,716mAh ขณะที่ iPhone 8 Plus มีความจุ 2,675mAh และ iPhone 8 มีความจุ 1,821 mAh ถึงแม้ iPhone X จะมีความจุแบตเตอรี่มากที่สุด และใช้จอแสดงผล OLED ที่น่าจะประหยัดแบตเตอรี่มากกว่า LCD แต่จากการทดสอบของ Phonearena พบว่า iPhone 8 Plus ให้พลังงานยาวนานกว่า อยู่ได้นานเกือบ 2 วัน และเวลาในการชาร์จก็เร็วกว่า iPhone X อีกด้วย
iPhone ทั้ง 3 รุ่นใหม่ รองรับการชาร์จไร้สายแล้ว โดยใช้มาตรฐาน Qi จึงสามารถชาร์จกับอุปกรณ์ที่ให้บริการตามสนามบินหรือร้านอาหารได้เช่นเดียวกับสมาร์ทโฟนทางฝั่ง Android และรองรับการชาร์จเร็วแบบไร้สายสูงสุด 7.5 วัตต์ แต่เจ้าของ iPhone ต้องซื้ออุปกรณ์ชาร์จไร้สายแยกต่างหาก
คุณภาพการโทร
ในช่วงแรกของการวางจำหน่าย มีรายงานว่า iPhone 8 series พบปัญหาเสียงรบกวนในลำโพงระหว่างโทรศัพท์ แต่ เป็นปัญหาทางซอฟต์แวร์ ซึ่ง Apple ได้แก้ไขแล้วเรียบร้อย และจากการทดสอบของ Phonearena บอกว่า iPhone ทั้ง 3 รุ่นใหม่ ให้เสียงดังคมชัดในระหว่างโทร และดียิ่งขึ้นเมื่อโทรผ่านเทคโนโลยี VoLTE และ HD Voice
สรุป
iPhone 8 มีราคาถูกที่สุดในกลุ่ม และยังพกพาสะดวกที่สุดด้วย เพราะมีขนาดเล็กกว่า เมื่อเทียบกับ iPhone ทุกรุ่นก่อนหน้านี้ iPhone 8 มีประสิทธิภาพดีกว่าด้วยชิปรุ่นใหม่ กล้องได้กรับการปรับปรุงให้ดีขึ้น แบตเตอรี่ก็สนับสนุนการชาร์จเร็ว และชาร์จไร้สาย
iPhone 8 Plus เหนือกว่า iPhone 8 ที่จอแสดงผลใหญ่กว่า มีกล้องคู่ที่สามารถถ่ายภาพ Portrait Mode และมีแบตเตอรี่ที่ให้พลังงานยาวนานที่สุด จึงเหมาะสำหรับคนที่เน้นท่องเว็บหรือดูวีดีโอเป็นที่สุด
iPhone X มีการออกแบบที่น่าประทับใจ มีขนาดจอแสดงผลใกล้เคียงกับ iPhone 8 Plus แต่ด้วยดีไซน์ all-screen จึงทำให้มีขนาดบอดี้เล็กกว่า กล้องเซลฟี่ก็รองรับ Portrait Mode ส่วนฟีเจอร์ Face ID ถึงจะน่าตื่นเต้นใช้งานได้ดี แต่ Phonearena รู้สึกว่ายังไม่น่าเชื่อถือ และดูเหมือน Touch ID จะทำงานได้เร็วกว่า
สรุปแล้ว iPhone X เป็น iPhone ในอนาคต แต่ยังเป็นอนาคตที่ยังอยู่ในการพัฒนา มันแค่มีอะไรใหม่ๆ แต่สำหรับ iPhone 8 และ iPhone 8 Plus มีข้อเสียเพียงอย่างเดียวคือดีไซน์ที่อาจจะดูน่าเบื่อ เพราะไม่ได้ฉีกไปจาก iPhone รุ่นก่อนๆ
ที่มา – Phonearena
http://www.flashfly.net/wp/200109