อาการ Burn-In บนจอแสดงผล พบนานแล้วตั้งแต่สมัยจอ CRT แบบเก่า แต่เริ่มถูกพูดถึงในวงกว้าง หลังจากสมาร์ทโฟนเข้าสู่ยุคจอแสดงผล OLED โดยมีเจ้าของสมาร์ทโฟน Google Pixel 2 XL พบปัญหานี้หลายราย และ iPhone X ก็มีโอกาสเกิดขึ้นเช่นเดียวกัน ถึงแม้ตอนนี้ยังไม่มีรายงานก็ตาม
Burn-In คืออะไร?
Burn-In บนจอแสดงผล เป็นอาการที่หน้าจอแสดงผลค้างไว้ หรือเรียกว่า “การค้างของภาพ” เริ่มพบในจอทีวีหรือจอมอนิเตอร์แบบ CRT และการมี Screensavers หรือภาพพักหน้าจอ ก็เป็นวิธ๊การหนึ่งที่ช่วยไม่ให้เกิดอาการ Burn-In โดยการแสดงความเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา
Apple ระบุว่า Burn-In หรือ การค้างของภาพ เป็นอาการที่จอแสดงผลจะแสดงภาพที่ค้างอยู่จางๆ แม้ว่าภาพใหม่จะปรากฏขึ้นบนหน้าจอแล้วก็ตาม อาการนี้อาจเกิดขึ้นได้ในกรณีอื่นๆ ที่รุนแรงมากขึ้น เช่น เมื่อระบบแสดงภาพที่มีความต่างระดับสีสูงอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน
จอแสดงผล OLED มีโอกาสเกิด Burn-In ได้ง่ายขึ้น เนื่องจากแต่ละพิกเซลถูกใช้งานไม่เท่ากัน ทำให้การสึกหรอบนจอแสดงผลไม่สม่ำเสมอ และส่งผลให้เกิดอาการ Burn-In ถึงแม้อาการนี้ไม่ได้คงอยู่ถาวร แต่ก็ได้สร้างความรำคาญให้กับผู้ใช้งาน
วิธีหลีกเลี่ยงอาการ Burn-In ที่อาจจะเกิดขึ้นกับ iPhone X
- หลีกเลี่ยงการแสดงภาพนิ่งเป็นเวลานานเกินไป ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้หากใช้แผนที่นำทางเป็นชั่วโมง
- ไม่ควรปล่อยให้จอแสดงผล iPhone X ถูกเปิดใช้งานโดยไม่จำเป็น ก่อนจะวางลงควรกดปุ่มด้านข้างเพื่อปิดหน้าจอก่อน
- ตั้งเวลาล็อคหน้าจอให้ไวขึ้น โดยเข้าไปที่ การตั้งค่า > จอภาพและความสว่าง > ล็อคอัตโนมัติ
- ไม่ควรเปิดความสว่างในระดับสูงสุด หรือ เข้าไปเปิดใช้ระบบปรับความสว่างหน้าจออัตโนมัติที่การตั้งค่า > ทั่วไป > การช่วยการเข้าถึง > การช่วยเหลือจอแสดงผล
อย่างไรก็ตาม Apple ยืนยันว่า ได้ออกแบบจอแสดงผล Super Retina ให้สามารถลดเอฟเฟ็กต์ Burn-In ของ OLED ได้ดีที่สุดในอุตสาหกรรม
ที่มา – Phonearena
http://www.flashfly.net/wp/?p=198951