iPhone 8 และ iPhone 8 Plus กลายเป็น iPhone รุ่นใหม่ที่มียอดขายต่ำที่สุดในช่วงเปิดตัว เมื่อเทียบกับ iPhone รุ่นก่อนหน้านี้ที่ปกติจะขายดีจนประสบปัญหาสินค้าขาดตลาด และต้องรอจัดส่งเป็นเวลาหลายสัปดาห์ สาเหตุส่วนใหญ่มาจาก Apple ได้เปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นพิเศษ iPhone X พร้อมกัน และกำลังจะวางจำหน่ายในสัปดาห์หน้า
iPhone X มีราคาเริ่มต้น 999 ดอลล่าร์สหรัฐ iPhone 8 เริ่มต้นที่ 699 ดอลล่าร์สหรัฐ และ iPhone 8 Plus เริ่มต้นที่ 799 ดอลล่าร์สหรัฐ แต่ดูเหมือนราคาที่แพงกว่า 200 – 300 ดอลล่าร์สหรัฐ จะไม่ใช่ปัญหาใหญ่ของผู้ที่สนใจ iPhone X โดยเฉพาะในสหรัฐมีหลายวิธีที่จะทำให้ผู้บริโภคไม่ต้องจ่ายในราคาเต็ม อย่างเช่น นำ iPhone รุ่นเก่าไป Trade-In หรือสมัครใช้บริการรายเดือนกับผู้ให้บริการเครือข่ายฯ
อย่างไรก็ตาม สำหรับคนที่อยากประหยัดไม่อยากจ่ายเพิ่มถึง 300 ดอลล่าร์สหรัฐ เว็บไซต์ Phonearena ก็ได้หาแรงจูงใจให้คุณซื้อ iPhone 8 แทน iPhone X โดยมี 3 เหตุผลดังต่อไปนี้
iPhone X vs iPhone 8 Plus vs iPhone 8
iPhone 8 ขนาดกะทัดรัดกว่า
iPhone 8 มีขนาดเล็กที่สุดเมื่อเทียบกับ iPhone 8 Plus กับ iPhone X และยังมาพร้อมชิป A11 Bionic กล้องเลนส์เดียวที่มีระบบลดภาพสั่นไหว OIS และรองรับการชาร์จไร้สาย เรียกได้ว่ามีคุณสมบัติเทียบเท่า iPhone รุ่นใหม่อีก 2 รุ่น แต่มีขนาดกะทัดรัดกว่า พกพาสะดวกกว่า และสามารถใช้งานได้ด้วยมือเดียว ถึงแม้ iPhone X จะใหญ่กว่าไม่เท่าไร แต่จอแสดงผล ขนาด 5.8 นิ้ว อัตราส่วนภาพ 19.5:9 ก็อาจทำให้คุณต้องใช้งาน 2 มือในบางฟีเจอร์
ดีไซน์เดิม
iPhone 8 เป็น iPhone รุ่นที่ 4 แล้ว ที่ใช้ดีไซน์แบบเดียวกับ iPhone 6 ที่เปิดตัวในปี 2014 เพียงแต่เปลี่ยนวัสดุจากอลูมิเนียมมาเป็นกระจก และมีความหนาเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ข้อดีก็คือ ถ้าคุณเคยใช้ iPhone 6, 6s หรือ 7 บางทีคุณอาจนำอุปกรณ์เสริมหรือเคสอันเดิมมาใส่ด้วยกันได้ ไม่ต้องซื้อเพิ่ม ถึงแม้ความหนาที่เพิ่มขึ้นมา 0.2 มิลลิเมตร อาจทำให้ใส่เคสบางรุ่นไม่ได้ก็ตาม
ได้ใช้ปุ่มโฮมและ Touch ID ที่คุ้นเคย
iPhone X ไม่มีปุ่มโฮมกับ Touch ID อีกต่อไปแล้ว เพราะเปลี่ยนมาใช้วิธีสแกนใบหน้าผ่านฟีเจอร์ Face ID แต่ถ้าคุณยังไม่พร้อมรับสิ่งใหม่ iPhone 8 จึงตอบสนองการใช้งานได้ดีกว่า เพราะยังรักษาปุ่มโฮมและ Touch ID ที่คุ้นเคยเอาไว้
ที่มา – Phonearena
http://www.flashfly.net/wp/?p=197288