Johny Srouji รองประธานอาวุโสฝ่ายเทคโนโลยีฮาร์ดแวร์ กับ Philip Schiller รองประธานอาวุโสฝ่ายการตลาดทั่วโลก ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนหลังจากจบงานเปิดตัว iPhone รุ่นใหม่เมื่อวันที่ 12 กันยายนที่ผ่านมา เกี่ยวกับชิปรุ่นใหม่ Apple A11 Bionic
Johny Srouji เปิดเผยว่า ชิป A11 Bionic เริ่มถูกพัฒนาหลังจาก Apple จัดส่ง iPhone 6 และ iPhone 6 Plus ที่มากับชิป A8 โดยทีมงานเริ่มมีการพูดคุยเกี่ยวกับเทคโนโลยี AI และ Machine Learning ในสมาร์ทโฟน โดยวางแผนที่จะติดตั้ง Neural Engine ลงในชิปประมวลผลในอีก 3 ปีข้างหน้า และนั่นคือจุดเริ่มต้นของชิป A11 Bionic
แผนพัฒนาชิป A11 Bionic ไม่ได้ดำเนินไปตามขั้นตอนที่วางไว้ เพราะมีโครงการใหม่สอดแทรกเข้ามา อย่างเช่นจอแสดงผล Super Retina HD ที่นำมาใช้กับ iPhone X แต่ไม่ได้ทำให้ระยะเวลาการพัฒนาชิป A11 ต้องถูกยืดออกไป ซึ่ง Philip Schiller ได้ยกย่องทีมงานของ Johny Srouji ที่สามารถทำสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้ ถึงแม้แผนงานจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างกระทันหัน
Johny Srouji เชื่อว่าการเล่นเกมอาจต้องการแกนประมวลผลมากขึ้น แต่ฟีเจอร์ง่ายๆ อย่างเช่นการคาดเดาคำศัพท์ระหว่างพิมพ์ข้อความ ก็สามารถใช้ประโยชน์จากชิปประมวลผลประสิทธิภาพสูงได้เช่นกัน
ชิป A11 Bionic มากับซีพียู 6 แกน จาก 2 แกนที่เร็วขึ้น 25% ทำงานร่วมกับ 4 แกนประหยัดพลังงาน ซึ่งเร็วกว่าชิป A10 Fusion ถึง 70% นอกจากนี้ ชิป A11 Bionic ยังมากับจีพียูที่ออกแบบใหม่ มีประสิทธิภาพด้านกราฟิกเร็วขึ้นกว่าชิปรุ่นก่อน 30% และมาพร้อม Neural Engine ที่ตอบสนองการใช้งาน Face ID, Animoji และอัลกอริทึมของ Machine Learning ตลอดจนนำไปใช้ประโยชน์ในแอพพลิเคชั่นด้าน AR และเกม 3D
ชิป A11 Bionic ถูกติดตั้งไว้ใน iPhone รุ่นใหม่ ทั้ง iPhone X, iPhone 8 และ iPhone 8 Plus
ที่มา – MacRumors
http://www.flashfly.net/wp/?p=193651