เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ไมโครซอฟท์ได้จัดงาน ไมโครซอฟท์ อินสไปร์ (Microsoft Inspire) ณ กรุงวอชิงตัน ดีซี โดยจัดสัน อัลทอฟท์ รองประธานบริหาร กลุ่มธุรกิจองค์กร ระดับโลก ได้กล่าวว่า ปัจจุบันโลกกำลังอยู่ในยุคที่ดิจิทัลเข้ามามีบทบาทและสร้างความเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันให้กับธุรกิจทั่วโลก ซึ่งสร้างโอกาสทางธุรกิจอย่างมหาศาล การปฏิรูปธุรกิจด้วยดิจิทัลเป็นนวัตกรรมทางธุรกิจที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีคลาวด์ต่างๆ เช่น อินเทอร์เน็ตในทุกสรรพสิ่ง (Internet of Things) เทคโนโลยีเสมือนจริง (AR) ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และข้อมูล ซึ่งการขับเคลื่อนธุรกิจของลูกค้าในยุคการปฏิรูปธุรกิจด้วยดิจิทัลทำให้เกิดโอกาสทางการตลาดสูงถึงมูลค่า 4.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐเลยทีเดียว
ผลสำรวจของ ฮาร์วาร์ด บิสซิเนส รีวิว พบว่า มีบริษัทถึง 86 เปอร์เซ็นต์ที่มองว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในยุคดิจิทัลเป็นโอกาสทางธุรกิจ โดยบริษัทต่างๆ ในทุกอุตสาหกรรม กำลังมุ่งหาวิธีการปฏิรูปธุรกิจด้วยนวัตกรรมดิจิทัล เพื่อเตรียมเสริมศักยภาพให้กับพนักงาน พัฒนาการสื่อสารกับลูกค้า ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและพัฒนาสินค้าของพวกเขา โดยผู้นำในภาคธุรกิจหลายคนยอมรับว่า การปฏิรูปธุรกิจจะประสบความสำเร็จได้นั้น ต้องขึ้นอยู่กับบุคลากรผนวกกับวัฒนธรรมองค์กร ซึ่งเป็นเหตุผลที่ปัจจัยทั้งสองนี้คือหัวใจสำคัญของเรื่องราวที่ประกาศในงาน
แนะนำ Microsoft 365
ไมโครซอฟท์ขอแนะนำ ไมโครซอฟท์ 365 ซึ่งเป็นโซลูชั่นใหม่สำหรับธุรกิจที่รวมเอา Office 365, Windows 10 และ Enterprise Mobility + Security มาไว้ด้วยกัน โดยไมโครซอฟท์ 365 เป็นโซลูชั่นที่ครบสมบูรณ์ อัจฉริยะและปลอดภัย ที่จะเป็นกำลังสำคัญให้ทุกองค์กรและพนักงานทุกคนพร้อมสำหรับการปฏิรูปธุรกิจด้วยดิจิทัลอันมีบุคลากรเป็นหัวใจสำคัญ ทั้งนี้ ไมโครซอฟท์ 365 ให้ความสำคัญกับบุคลากรเป็นสำคัญ ด้วยการเปิดโอกาสให้พวกเขาทำงานอย่างยืดหยุ่นได้ไม่ว่าที่ไหน เมื่อไรก็ตาม ทั้งยังเสนอวิธีใหม่ๆ ในการทำงานร่วมกับผู้อื่น ไปพร้อมกับการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลในบริษัทอีกด้วย
ในวันนี้ เราขอแนะนำ 2 โซลูชั่นจากไมโครซอฟท์ 365 ได้แก่ Microsoft 365 Enterprise ซึ่งพัฒนาต่อยอดมาจากชุดโซลูชั่น Secure Productive Enterprise ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง และยังรวมเอาความโดดเด่นของ Office 365 Enterprise, Windows 10 Enterprise และ Enterprise Mobility + Security มาไว้ด้วยกัน โดยถูกออกแบบมาเพื่อองค์กรขนาดใหญ่ และสนับสนุนให้พนักงานสามารถทำงานร่วมกันอย่างสร้างสรรค์และปลอดภัย
ขณะที่ Microsoft 365 Business ถูกออกแบบมาสำหรับธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก รองรับจำนวนผู้ใช้ได้ถึง 300 คน และผนวกรวมความสามารถของ Office 365 Business Premium ตลอดจนฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยและการจัดการข้อมูลจาก Windows 10 และ Enterprise Mobility + Security มาใช้ด้วย นอกจากนี้ยังมีศูนย์ควบคุมส่วนกลาง เพื่อการจัดการ และรักษาความปลอดภัยของดีไวซ์และผู้ใช้งานได้ในที่เดียว โดยจะสามารถทดลองใช้เวอร์ชั่นพรีวิวได้ตั้งแต่วันที่ 2 สิงหาคมเป็นต้นไป
ไมโครซอฟท์ 365 แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงพื้นฐานของวิธีที่เราจะออกแบบ สร้างสรรค์ และนำผลิตภัณฑ์เข้าสู่ตลาด เพื่อสนองความต้องการของลูกค้าในเรื่องสถานที่ทำงานยุคใหม่ เป็นวิธีในการเข้าถึงอย่างเข้าใจซึ่งจะสะท้อนไปยังรูปแบบการดำเนินงานระหว่างพันธมิตรและลูกค้าที่เกิดขึ้น โดยพิจารณาจากศักยภาพในการทำงาน การรักษาความปลอดภัย และการจัดการอุปกรณ์ในการทำงาน ตามปริมาณงานของแต่ละบุคคล ตลอดจนการมองหาวิธีการที่ครอบคลุมเพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ทั้งนี้ ไมโครซอฟท์ 365 ก็เป็นโปรแกรมที่ยอดเยี่ยมสำหรับพันธมิตรเช่นกัน โดยจะเป็นส่วนสำคัญในการสร้างโอกาสเพื่อเพิ่มปริมาณการขาย เปรียบเทียบข้อเสนอต่างๆ และขยายรายได้จากบริหารจัดการบริการ อ้างอิงจากผลการสำรวจ Forrester Total Economic Impact™ (จัดทำโดยบริษัทที่ปรึกษาฟอร์เรสเตอร์ คอนซัลติ้ง) Microsoft 365 Enterprise สามารถเพิ่มโอกาสการสร้างรายได้ให้กับพันธมิตรได้มากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับการขายและการใช้โปรแกรม Office 365 เพียงอย่างเดียว
แอปพลิเคชั่นต่างๆ และโครงสร้างพื้นฐาน
ในขณะที่องค์กรต่างๆ กำลังปรับตัว พันธมิตรของเราจำเป็นต้องคิดถึงเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ขึ้นและทำสิ่งต่างๆ รวดเร็วยิ่งขึ้น เพื่อเป็นการขับเคลื่อนความสำเร็จของพันธมิตร เพื่อบรรลุเป้าหมายของไมโครซอฟท์ที่มุ่งเพิ่มฐานการใช้คลาวด์ถึง 2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐภายในปี 2561 เรามีความยินดีที่จะประกาศความร่วมมือกับพันธมิตรผู้ผลิตฮาร์ดแวร์ที่รองรับ Microsoft Azure Stack ที่สามารถสั่งซื้อได้แล้ววันนี้ ได้แก่ เดลล์ อีเอ็มซี ฮิวเลตต์ แพคการ์ด เอนเตอร์ไพรส์ และเลอโนโว โดย Azure Stack คือบริการเพิ่มเติมจากอาซัวร์ (Azure) ที่นำความรวดเร็วและคล่องตัวของเทคโนโลยีคลาวด์ คอมพิวติ้ง มาใช้ในฐานข้อมูลบนเซิร์ฟเวอร์ขององค์กร เพื่อให้สามารถรองรับการบริการไฮบริด คลาวด์ได้ในหลากหลายรูปแบบยิ่งขึ้น
Azure Stack รองรับการใช้งานแพลตฟอร์มไฮบริด คลาวด์ในองค์กร ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ใช้งานองค์กรที่ต้องการความยืดหยุ่น แต่ไม่ต้องการปรับเปลี่ยนรูปแบบการพัฒนาแอปพลิเคชั่นไปจากเดิม Azure Stack สามารถตอบโจทย์การใช้งานและข้อจำกัดขององค์กรทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นฐานข้อมูล Azure ไปจนถึงคลาวด์ และไม่ว่าองค์กรจะอยู่ในเหมืองลึกใต้ดิน บนเรือกลางมหาสมุทร หรือเป็นโรงงานที่ต้องอาศัยการดำเนินการอย่างต่อเนื่องแบบเรียลไทม์ ด้วยการทำงานบนไฮบริด คลาวด์ที่มีความเสถียรนี้ จะทำให้องค์กรสามารถดำเนินธุรกิจตามกลยุทธ์คลาวด์ได้อย่างสะดวกรวดเร็วและมีประสิทธิผลสูงสุด
Azure Stack ขยายโอกาสของพันธมิตรของไมโครซอฟท์บนแพลตฟอร์ม Azure โดยช่วยพันธมิตรทำให้ธุรกิจ Azure เติบโตและสามารถเข้าถึงตลาดที่กว้างขึ้นผ่านการทำงานบนไฮบริด คลาวด์ ซึ่งพันธมิตรไมโครซอฟท์หลายราย เช่น Rackspace Tieto และ Resello ได้เริ่มใช้ประโยชน์จาก Azure Stack แล้ว โดยพันธมิตรสามารถศึกษาวิธีการใช้งานคลาวด์ให้ประสบความสำเร็จผ่าน Practice Development Playbooks หรือฝึกทักษะการใช้ Azure Onlineได้ ที่นี่
แอปพลิเคชั่นเพื่อธุรกิจ
นอกจากนี้ เรายังมีอีกสองวิธีใหม่ที่ไมโครซอฟท์ใช้ในการเชื่อมโยงพันธมิตรกับลูกค้า และนำโซลูชั่นต่างๆ ออกสู่ตลาด
ปีที่ผ่านมา ไมโครซอฟท์ได้ทดลองใช้โปรแกรมการขายร่วมของ Azure (Azure co-sell program) เพื่อให้การสนับสนุนด้านการขายและการตลาดแก่พันธมิตรที่สร้างโซลูชั่นกับ Azure ซึ่งภายในหกเดือนแรก โปรแกรมดังกล่าวส่งผลให้พันธมิตรของ Azure สามารถปิดสัญญารายปีสำเร็จคิดเป็นมูลค่ากว่า 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ พร้อมสร้างโอกาสทางธุรกิจที่จะเกิดขึ้นอีกมูลค่า 6 พันล้านเหรียญสหรัฐ และสร้างพันธมิตรทางธุรกิจอีกกว่า 4,500 ราย
Azure เป็นบริการคลาวด์สาธารณะเพียงหนึ่งเดียวที่มอบสิทธิประโยชน์อันยอดเยี่ยมให้พันธมิตร โดยตัวแทนจำหน่ายของไมโครซอฟท์จะได้รับส่วนแบ่งจากสัญญารายปีจำนวน 10 เปอร์เซ็นต์ เมื่อสามารถปิดการขายร่วมที่เกี่ยวข้องกับโซลูชั่น Azure ที่เข้าร่วมรายการ ไมโครซอฟท์มีสิ่งจูงใจที่ทำให้ตัวแทนจำหน่ายทำงานร่วมกับพันธมิตร Azure อย่างใกล้ชิด เพื่อผลักดันธุรกิจใหม่และทำให้พันธมิตรสามารถใช้พลังด้านการขายสร้างการเติบโตทางธุรกิจทั่วโลก
เพื่อเป็นการต่อยอดกระแสความสำเร็จ เราลงทุนเพิ่มเติมเพื่อกระตุ้นโปรแกรมการขายร่วมในอีก 12 เดือนข้างหน้า นอกจากนี้ เรายังแต่งตั้งผู้จัดการดูแลช่องทางการขาย (Channel Manager) ที่จะมาช่วยสนับสนุนพันธมิตรในการเข้าสู่ตลาดอย่างเต็มรูปแบบ เพื่อให้แน่ใจว่าโซลูชั่นของพันธมิตรสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าและเป็นหนึ่งเดียวกับโปรแกรมของเรา ซึ่งทั้งหมดนี้ รวมแล้วเป็นเงินลงทุนถึง 250 ล้านเหรียญสหรัฐ ที่จะช่วยเพิ่มจำนวนพนักงานของพันธมิตรและเพิ่มแรงจูงใจให้โปรแกรมการขายร่วมของ Azure
นอกจากนี้ เรายังอำนวยความสะดวกให้พันธมิตรสามารถปรับแอปพลิเคชั่นทางธุรกิจที่มีอยู่ให้ทันสมัยพร้อมทั้งสร้างแอปพลิเคชั่นใหม่ๆ ด้วย ISV Cloud Embed ที่ให้พันธมิตรสามารถซื้อฟังก์ชันหลักต่างๆ จาก Dynamics 365, Power BI, Power Apps และ Microsoft Flow แบบแยกชิ้น พร้อมส่วนลด 50 เปอร์เซ็นต์ เพื่อนำไปยกระดับระบบการขาย สายการบริการ และระบบจัดการการปฏิบัติการในแอปพลิเคชั่นของตนเอง ในรูปแบบเดียวกับการพัฒนาแอปพลิเคชั่นบน Microsoft Azure ซึ่งจะช่วยลดค่าใช้จ่ายรายหัวของพนักงานและลดต้นทุนด้วยการใช้ทรัพยากรของไมโครซอฟท์ในการทำงาน พันธมิตรจะได้รับทั้งการสนับสนุนด้านตลาด โอกาสในการเข้าถึงผู้ใช้งานประจำของ Office 365 จำนวน 100 ล้านราย และฐานผู้ใช้งานที่กำลังเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วของ Dynamics 365 ผ่าน Microsoft AppSource
ไมโครซอฟท์แตกต่างจากผู้ให้บริการรายอื่นๆ เนื่องจากไมโครซอฟท์พร้อมมอบความสะดวกสบายแก่พันธมิตรในการพลิกโฉมธุรกิจอย่างเต็มรูปแบบ นับตั้งแต่การต่อยอด Azure จนไปถึงการสนับสนุนโปรแกรมการขายร่วม และบริการแอปพลิเคชั่นธุรกิจแบบเฉพาะทาง
ให้ความสำคัญกับพันธมิตรเป็นอันดับหนึ่ง
พันธกิจของไมโครซอฟท์ คือ การเป็นกำลังสำคัญให้ทุกคนและองค์กรบนโลกประสบความสำเร็จได้มากกว่า และพันธมิตรก็มีส่วนทำให้เราบรรลุพันธกิจดังกล่าว โดยพันธมิตรของเรามีการจ้างงานกว่า 17 ล้านคนทั่วโลก และคาดการณ์ว่าไมโครซอฟท์และพันธมิตรจะสามารถสร้างรายได้รวมกันถึง 3 ล้านล้านเหรียญสหรัฐในปี 2560 จากข้อมูลในรายงาน IDC Microsoft Footprint Model 2017
ไมโครซอฟท์และพันธมิตร กำลังสนับสนุนให้บริษัทในทุกธุรกิจเติบโตอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นกว่าที่เคย ด้วยนวัตกรรมทางธุรกิจผ่านเทคโนโลยีคลาวด์ เช่น IoT, AI และข้อมูล และผ่านโอกาสต่างๆ เช่น การรวม LinkedIn Sales Navigator กับ Dynamics 365 และการขยาย Mixed Reality Partner Program ที่เพิ่งเปิดตัวในงาน โดยผู้บริหารจาก KPMG, Schneider Electric, Sephora, Adobe, Track’em และอื่นๆ อีกมากมายได้มาร่วมแบ่งปันวิธีการพลิกโฉมธุรกิจยุคดิจิทัลในอุตสาหกรรมธุรกิจของตนเอง เช่น KPMG ที่กำลังร่วมมือกับไมโครซอฟท์สร้าง KPMG Digital Solutions Hub และ KPMG Clara บน Azure โดย KPMG จะเป็นบริษัทที่ปรึกษายักษ์ใหญ่รายแรกที่จะพัฒนาแพลตฟอร์มระบบตรวจสอบบัญชีบนคลาวด์สาธารณะ (public cloud)
อย่างไรก็ตาม การปรับโฉมธุรกิจที่พันธมิตรทำกับลูกค้าไม่ใช่สิ่งใหม่ กว่า 40 ปีแล้ว ที่ไมโครซอฟท์เป็นองค์กรที่บริหารโดยคำนึงถึงพันธมิตรเป็นสำคัญ ซึ่งสะท้อนให้เห็นได้จากการที่เราดำเนินธุรกิจกว่า 95 เปอร์เซ็นต์ผ่านการขยายเครือข่ายพันธมิตรที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง ไมโครซอฟท์มีพันธมิตรด้านคลาวด์กว่า 64,000 ราย ซึ่งมากกว่าจำนวนพันธมิตรของ AWS, Google แล Salesforce รวมกัน เชื่อว่าพันธมิตรเลือกไมโครซอฟท์เพราะเราเป็นมากกว่าผู้ให้บริการเทคโนโลยี แต่เป็นเสมือนคู่คิดทางธุรกิจ จะเห็นได้ว่าเฉพาะเมื่อปีที่แล้วมีพันธมิตรเข้าร่วมเครือข่ายของเรากว่า 30 เปอร์เซ็นต์ โดยพันธมิตรทางธุรกิจของเรายังเพิ่มขึ้นกว่า 6,000 รายในทุกเดือน และเราทุกคนก็ยังสามารถประสบความสำเร็จได้มากขึ้นไปอีกหากเราร่วมมือกัน
เพื่อช่วยให้พันธมิตรสร้างสรรค์สิ่งใหม่ เข้าสู่ตลาดได้เร็วขึ้นและเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายในช่วงเวลาที่เหมาะสม ไมโครซอฟท์กำลังปรับเปลี่ยนวิธีการเชื่อมต่อกับเครือข่ายพันธมิตร โดยนำบทบาทการเข้าหาพันธมิตรมาใช้ภายในองค์กร โดย แบ่งบทบาทออกเป็น 3 ข้อหลัก ได้แก่ การร่วมพัฒนา การออกสู่ตลาด และการร่วมขาย ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการมีส่วนร่วมและความร่วมมือ พร้อมสานวัฒนธรรมการทำงานที่คำนึงถึงพันธมิตรเป็นสำคัญ
Microsoft Inspire เป็นงานที่จัดขึ้นเพื่อพันธมิตรของไมโครซอฟท์ที่สำคัญที่สุดแห่งปี ซึ่งดึงดูดกว่า 17,000 คนมาร่วมงาน โดยภายในงาน มีการประชุมเกิดขึ้นกว่า 145,000 ครั้ง และในหลายปีที่ผ่านมาผู้ที่ร่วมจัดแสดงงานสามารถเพิ่มอัตราการขายได้ 30 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบปีต่อปี เมื่อการเปลี่ยนแปลงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ โอกาสทางธุรกิจสำหรับพันธมิตรจึงเกิดขึ้นอย่างไม่มีจุดสิ้นสุดเช่นกัน