เอไอเอส แจ้งผลประกอบการไตรมาส 2/2560 มีกำไรสุทธิ 7,215 ล้านบาท และมีรายได้จากการให้บริการเติบโตขึ้น 6.6% จากปีก่อน โดยมีจำนวนลูกค้า 4G เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันมีถึง 39% จากจำนวนลูกค้าทั้งหมด 40.5 ล้านราย ในขณะที่ เอไอเอส ไฟเบอร์ มีจำนวนลูกค้า 445,900 ราย โดยครึ่งปีแรกรายได้จากการให้บริการเพิ่มขึ้น 5.3% สอดคล้องกับที่คาดการณ์ทั้งปี รวมทั้งเอไอเอสยังคงนโยบายจ่ายเงินปันผลขั้นต่ำ 70% ของกำไรสุทธิ และประกาศจ่ายเงินปันผล 3.51 บาท/หุ้น โดยจะจ่ายในวันที่ 25 สิงหาคม 2560
นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส กล่าวว่า “ในไตรมาส 2 ของปี 2560 รายได้จากการให้บริการของเอไอเอสเติบโตขึ้น 6.6% ซึ่งเป็นผลมาจากทั้งบริการมือถือและบริการอินเทอร์เน็ตบ้าน ในด้านการให้บริการดาต้าบนมือถือ เนื่องจากเอไอเอสมีเครือข่ายคุณภาพที่แข็งแกร่งบนช่วงคลื่นความถี่ ทั้ง 900, 1800 และ 2100MHz อีกทั้งจากความเอาใจใส่ในทุกรายละเอียดการใช้งานของลูกค้า ทำให้เราสามารถส่งมอบประสบการณ์ที่ดี เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างแท้จริง ส่งผลให้ปัจจุบันเอไอเอสเป็นผู้นำในด้านการให้บริการดาต้าบนมือถือ
และด้วยการดำเนินธุรกิจภายใต้แนวทาง Ecosystem เราจึงรวบรวมความหลากหลายของคอนเทนต์จากพันธมิตรชื่อดังระดับโลก ซึ่งเป็นจุดที่สร้างความแตกต่างได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็น ViU ที่รวมซีรีส์เกาหลีและรายการวาไรตี้ยอดนิยมจากประเทศเกาหลี และ Netflix ที่รวบรวมหนัง ซีรีส์ และรายการสุดฮิตจากสหรัฐอเมริกา ขณะที่เทรนด์การใช้งานวีดีโอสตรีมมิ่งยังได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ลูกค้าใช้บริการดาต้าเพิ่มขึ้น 4.7 GB ต่อเดือน สำหรับธุรกิจอินเทอร์เน็ตบ้าน เอไอเอส ไฟเบอร์ เรามีเป้าหมายในการก้าวสู่ผู้เล่นหลักในตลาดธุรกิจอินเทอร์เน็ตบ้านในอีก 3 ปี โดยในไตรมาสนี้ เอไอเอส ไฟเบอร์ มีฐานลูกค้าเพิ่มขึ้น 72,000 ราย ตามที่ได้คาดการณ์ไว้ จากความต้องการใช้เทคโนโลยีไฟเบอร์ที่มีคุณภาพ ทั้งความเร็วและความเสถียร ทำให้แบรนด์เอไอเอส ไฟเบอร์ กลายมาเป็นที่รู้จักมากขึ้น
สำหรับในครึ่งปีหลังของปี 2560 เอไอเอสได้วางแผนในการเพิ่มความแข็งแกร่งสำหรับธุรกิจหลัก ทั้งโทรศัพท์เคลื่อนที่, อินเทอร์เน็ตบ้าน และดิจิทัลคอนเทนต์ เพื่อให้พร้อมตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในทุกรูปแบบ ในส่วนของเอไอเอส ไฟเบอร์ เรามีแผนในการขยายพื้นที่การให้บริการให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น เพื่อรองรับความต้องการด้วยเทคโนโลยีด้านไฟเบอร์ในพื้นที่ใหม่ๆ รวมไปถึงบริการด้านความบันเทิงภายในบ้านที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น
ด้วยความชำนาญในด้านการให้บริการด้านโทรคมนาคม และความเป็นผู้นำทางด้านเทคโนโลยี เอไอเอสจึงมีความมุ่งมั่นในการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมายกระดับรากฐานหลักของประเทศ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนไทยทุกคน ภายใต้แนวคิด “Digital For Thais” พร้อมร่วมสนับสนุนความแข็งแกร่งตามนโยบาย Thailand 4.0 ใน 4 ด้านหลักๆ คือ ด้านเกษตรกรรม และผู้ประกอบการ OTOP, ด้านสาธารณสุข, ด้านการศึกษา และด้านผู้ประกอบการรุ่นใหม่ (StartUp) โดยล่าสุดในด้านสาธารณสุข แอป “อสม.ออนไลน์” ซึ่งเป็นแอปด้านสาธารณสุขของคนไทย เป็นเพียงรายเดียวที่ได้รับรางวัลระดับโลก (WSIS Prizes 2017) ประจำปี 2560 ที่ส่งเสริมกระบวนการการทำงาน การเรียนรู้และสุขภาพสอดรับกับแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนแห่งสหประชาชาติ ทั้งนี้เพื่อมุ่งพัฒนานวัตกรรมที่ช่วยให้คนไทยสามารถเข้าถึงระบบสาธารณสุข และการดูแลสุขภาพได้อย่างสะดวกและง่ายยิ่งขึ้น สำหรับการส่งเสริมผู้ประกอบการรุ่นใหม่ (StartUp) เอไอเอสได้เปิดตัว “AIS D.C. พื้นที่สร้างสรรค์เพื่อการเรียนรู้ ด้านเทคโนโลยี ดีไซน์ และธุรกิจ” เพื่อคนรุ่นใหม่ ผู้ประกอบการสตาร์ทอัพ และเหล่าครีเอเตอร์ ได้มาแบ่งปันแรงบันดาลใจ ต่อยอดไอเดีย บ่มเพาะความรู้และเพิ่มขีดความสามารถในการสร้างสรรค์ผลงาน และเปิดโอกาสในการร่วมเป็นพันธมิตรกับเอไอเอส รวมถึงสร้างธุรกิจใหม่ๆ ซึ่งเป็นขั้นพื้นฐานที่จะนำประเทศไทยไปสู่ S-Curve โดยที่ยังคงความสามารถในการแข่งขันเอาไว้ได้ในระดับโลก
เอไอเอส มีความพร้อมในการนำศักยภาพและขีดความสามารถผนึกกำลังกับพันธมิตรของเรา ผสานรวมกับเทคโนโลยีดิจิทัล เข้าไปยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทย และเสริมความแข็งแกร่งให้กับโครงสร้างพื้นฐานหลักของประเทศ เพื่อก้าวสู่การเป็น Thailand 4.0 ตามนโยบายของรัฐบาล” นายสมชัย กล่าวสรุป