ข้อมูลล่าสุดเมื่อวันที่ 6 มีนาคมที่ผ่านมา สัดส่วนอุปกรณ์ที่ทำงานบนระบบปฏิบัติการ Android Nougat อยู่ที่ 2.8% โดยแยกเป็นเวอร์ชั่น 7.0 – 2.4% และ 7.0 – 0.4% ส่วนเวอร์ชั่นที่มีสัดส่วนมากที่สุดยังคงเป็น Lollipop – 32.5% ตามมาด้วย Marshmallow 31.3%
ล่าสุด Google ก็ได้ปล่อยระบบปฏิบัตการ Android O เวอร์ชั่น Developer Preview ออกมาอย่างทางการแล้ว ซึ่งยังไม่มีการประกาศว่าตัว O ย่อมาจากอะไร แต่ก็ทำให้หลายคนคิดไปถึง Oreo และถ้ายังจำกันได้ในเวอร์ชั่นปัจจุบันก็ได้รับการเปิดตัวในชื่อ Android N ก่อนจะถูกเรียกว่า Nougat ในภายหลัง
โลโก้ Android O จาก Google
Android O ยังไม่สามารถใช้ได้ผ่านทาง Android Beta Program นั่นหมายถึง Google เพียงประกาศให้ทราบในเบื้องต้นว่ามีอะไรใหม่ ซึ่งมีคุณสมบัติที่น่าสนใจดังต่อไปนี้
จำกัดการใช้แอพพลิเคชั่นที่เปิดค้างไว้
แอพพลิเคชั่นในอนาคตที่พัฒนาออกมาให้เข้ากับ Android O จะช่วยให้อุปกรณ์ประหยัดพลังงานของแบตเตอรี่มากขึ้น ด้วยคุณสมบัติ Background limits จะช่วยจำกัดการทำงานของแอพพลิเคชั่นที่เปิดค้างไว้ นั่นหมายถึงเจ้าของอุปกรณ์ไม่จำเป็นต้องเข้าไปเคลียร์ Recent Apps
ปรับปรุงระบบการแจ้งเตือน และเพิ่มฟีเจอร์เลื่อนการแจ้งเตือน
Android O จะให้นักพัฒนาแอพพลิเคชั่น ออกแบบการแจ้งเตือนใหม่ เพื่อให้ผู้ใช้งานจัดการได้ง่ายขึ้น สามารถดูความเคลื่อนไหวจากหน้าต่างการแจ้งเตือนได้อย่างรวดเร็ว มีการแจ้งเตือนเป็นหมวดหมู่ สีพื้นหลังของการแจ้งเตือนสามารถกำหนดได้โดยนักพัฒนา แต่ใช้ได้เฉพาะการทำงานอย่างต่อเนื่อง เช่นระหว่างใช้แผนที่นำทาง อีกทั้งยังเพิ่มฟีเจอร์ Snoozing สามารถเลื่อนการแจ้งเตือนได้ คล้ายการเลื่อนปลุก
โหมด Picture-in-Picture
Android O จะช่วยให้ผู้ใช้งานรับชมวีดีโอไปพร้อมกับการใช้งานแอพพลิเคชั่นอื่น ซึ่งเรียกการแสดงผลแบบนี้ว่า Picture-in-Picture เช่นในระหว่างรับชมวีดีโอจาก YouTube เมื่อกดปุ่ม Back วีดีโอก็จะถูกย่อลงมาเป็นหน้าต่างขนาดเล็ก ลอยอยู่เหนือหน้าจอ และจะมีปุ่มควบคุมการเล่นวีดีโอมาให้ด้วย
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงความสามารถบางส่วนของ Android O ที่ Google ประกาศออกมา โดยมีกำหนดปล่อยเวอร์ชั่น Beta ครั้งแรก ในช่วงกลางเดือนพฤษภาคม ก่อนที่เวอร์ชั่นสมบูรณ์จะปล่อยออกมาในไตรมาสที่ 3 ปี 2017
ที่มา – Google
http://www.flashfly.net/wp/?p=178101