เรื่องราวของความเร็วและความแรงในการใช้งานดาต้าจากเครือข่ายผู้ให้บริการเจ้าต่างๆในประเทศไทยดูเหมือนจะเป็นอีกหนึ่งเรื่องราวที่ใครหลายคนให้ความสนใจเมื่อต้องการเลือกใช้เครือข่ายหรืออยากย้ายค่ายไปใช้บริการค่ายต่างๆ แน่นอนว่าถ้าจะพูดถึงความแรงในการใช้งานอินเตอร์เน็ตแบบ 3G หรือ 4G หลายคนอาจพอมีความเข้าใจกันอยู่บ้างแล้ว แต่ถ้าจะพูดถึงความแรง 4.5G หลายคนอาจจะยังมีความสงสัยกันอยู่ว่าคืออะไร ซึ่งในวันนี้ทางทรูมูฟ เอช ได้มีข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับ 4.5G ที่จะนำมาเสนอให้ได้รู้จักกัน
สำหรับความแรงระดับ 4.5G นั้นก็คือ 4G+ ที่ทางทรูมูฟ เอช ใช้เป็นสัญญลักษณ์ให้ได้รู้จักกัน โดยความแรงของ 4.5G นั้นจะอยู่ระหว่าง 4G กับ 5G ซึ่งจะสามารถใช้ความเร็วสูงสุดที่ประมาณ 1 Gbps. โดยมาตราฐานระดับโลกของเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับ 4.5G นั้นจะประกอบด้วย 4T4R เทคโนโลยีสถานีฐานรับส่งสัญญาณ พร้อมกัน 4 ช่องทาง , Carrier Aggregation (CA) เทคโนโลยีการรวมคลื่นสัญญาณ , Inter Site Carrier Aggregation เทคโนโลยีการรวมคลื่นจากต่างสถานีฐาน , 4×4 MIMO เทคโนโลยีการรับส่งดาต้าพร้อมกัน 4 ช่องทาง , Modulation DL256/UL64 เทคโนโลยีเพิ่มประสิทธิภาพปริมาณการรับส่งข้อมูลที่มากขึ้น และ Coverage พื้นที่ให้บริการ
โดยทางทรูมูฟ เอช ได้มีการนำเทคโนโลยี 4.5G ที่มาพร้อมกับมาตรฐานเทคโนโลยีระดับโลกอย่างครบถ้วน เพื่อให้ผู้ใช้งานได้ใช้ความแรงของ 4.5G ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ รวมไปถึงบางเทคโนโลยีที่นำมาใช้นั้น ทรูมูฟ เอช ยังเรียกได้ว่าเป็นผู้นำทางด้านเทคโนโลยีและสถิติระดับโลกที่หลายคนอาจจะยังไม่รู้มาก่อนอีกด้วย
อย่างเทคโนโลยี 4 Transmit 4 Receiver (4T4R) หรือเทคโนโลยีสถานีฐานรับ-ส่งสัญญาณ 4 ช่องทางในเวลาเดียวกัน ซึ่งเป็นเทคโนโลยีทำให้เล่นเน็ตเร็วกว่า ด้วยเทคโนโลยีสถานีฐานรับ-ส่งด้าต้า แบบ 4 ช่องทางในเวลาเดียวกัน เพิ่มประสิทธิภาพการรับ-ส่งดาต้า ทั้งดาวโหลด – อัพโหลด ได้เร็วกว่า 4G เดิม ถึง 3 เท่า โดยเทคโนโลยีนี้เป็นมาตรฐานโลก ของเทคโนโลยี 4.5G ที่ทางทรูมูฟ เอช ได้รับการรับรองโดยสถาบัน Global mobile Suppliers Association สถาบันที่มีบริษัทโทรคมนาคมทั่วโลกเป็นสมาชิก กว่า 521 บริษัท ว่าเป็นผู้ให้บริการด้วยจำนวนสถานีฐานที่มากที่สุดในโลกอีกด้วย
ส่วนเทคโนโลยี Carrier Aggregation (3CA) หรือเทคโนโลยีการรวมคลื่นความถี่ 3 คลื่น นั้นทางทรูมูฟ เอช ก็เรียกได้ว่าเป็นผู้ที่นำเทคโนโลยี 3CA มาใช้รายแรกในไทย โดยอาจอธิบายเทคโนโลยีนี้ได้ง่ายๆว่า ยิ่งมีคลื่นมาก ความเร็วเน็ตก็ยิ่งเพิ่มเป็นทวีคูณนั่นเอง ซึ่งทรูมูฟ เอช เป็นผู้ให้บริการรายเดียวที่นำคลื่นความถี่ 900 I 1800 I 2100 MHz ทั้ง 3 คลื่นมารวมกัน ด้วยเทคโนโลนี Carrier Aggregation 3CA มากที่สุดในไทย เพื่อส่งสัญญาณไปในเวลาเดียวกัน ทำให้ช่องสัญญาณในการใช้งาน กว้างที่สุด ใช้งานดาต้าได้เร็ว แรง ลื่นไหล ไม่มีสะดุด
สำหรับพื้นที่การให้บริการ 4.5G นั้น ในปัจจุบันทรูมูฟ เอชมีพื้นที่ให้บริการ 4.5G ครอบคลุมทั่วประเทศ คิดเป็น 98% ของประชากรไทย รวมไปถึงยังมีการรวมคลื่นความถี่ต่างสถานีฐาน หรือ Inter Site Carrier Aggregation ซึ่งเป็นการพัฒนามากขึ้นต่อจากเทคโนโลยี CA ที่ทำให้ความเร็วแรงครอบคลุมทุกพื้นที่ได้มากกว่า ด้วยการรวมคลื่นความถี่ จากสถานีฐานที่ต่างกัน เพื่อให้ความเร็วแรง ครอบคลุมทุกพื้นที่นั่นเอง
และจากคุณสมบัติที่ได้แนะนำให้ได้รู้จักกันไปสำหรับ 4.5G จากทรูมูฟ เอช จะเห็นได้ว่าทรูมูฟ เอช นอกจากจะมีการนำเทคโนโลยีที่ได้มาตรฐานระดับโลกมาใช้งานแล้ว ยังมีสถิติที่น่าสนใจทั้งในระดับโลกและความเป็นผู้นำของเครือข่ายผู้ให้บริการในไทย ไม่ว่าจะเป็นการเป็นผู้นำรายแรกในไทยกับการนำเทคโนโลยี 3CA มาใช้งาน , พื้นที่การบริการที่ครอบคลุม 98% ของประชากรไทย และการเป็นเครือข่ายที่มีเสาสัญญาณหรือให้บริการด้วยจำนวนสถานีฐาน 4.5G มากที่สุดในโลก
ไม่เพียงเท่านั้น ล่าสุดทางทรูมูฟ เอช ยังประกาศความเป็นที่หนึ่งอีกครั้งในเวทีระดับโลก กับการคว้ารางวัล “ผู้ให้บริการเครือข่าย LTE เชิงพาณิชย์ที่มีพัฒนาการเด่นชัดที่สุด” (Most Significant Development of a Commercial LTE Network) จากเวทีสุดยอดการประชุมระดับโลก 5G & LTE Asia Awards จัดขึ้นโดย Informa Telecoms & Media ระหว่างวันที่ 26 – 28 กันยายน 2559 ณ ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งจากคณะกรรมการอิสระประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิในอุตสาหกรรมจากทั่วโลกเป็นผู้ตัดสินและให้คะแนน โดยพิจารณาจากผู้ให้บริการ LTE เชิงพาณิชย์ที่มีการพัฒนาเครือข่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสบความสำเร็จอีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งข้อมูลความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยี 4.5G จากทรูมูฟ เอช และการการันตีโดยรางวัลและสถิติระดับโลก ที่จะมาเพิ่มความมั่นใจให้ได้ว่าการใช้งาน 4.5G หรือ 4G+ จากทรูมูฟ เอช จะทำให้สามารถใช้งานได้เร็วและแรงแบบเต็มประสิทธิภาพนั่นเอง
บทความโดย – www.flashfly.net