ช่วงนี้ Apple กำลังให้ความสนใจตลาดอินเดียเป็นพิเศษ หลังจากในปีที่ผ่านมา Apple เดินหน้าทำตลาดในจีนอย่างสุดกำลังและประสบผลสำเร็จมาแล้ว ทำให้ยอดขาย iPhone 6 พุ่งทะยานเป็นอันดับ 1 ในจีน แซงหน้าแชมป์เก่าอย่าง Xiaomi และปีนี้ Apple เริ่มเดินหน้าเปิดเกมในอินเดียแล้ว
ผลประกอบการไตรมาสแรกของ Apple ต้องบอกว่าไม่ค่อยจะสู้ดีนัก หลังมีตัวเลขลดลงเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว Gene Munster กรรมการผู้จัดการและนักวิเคราะห์อาวุโสจาก Piper Jaffray ได้ออกมาอ่านสถานการณ์ของ Apple หลัง Tim Cook ไปเยือนอินเดีย โดยเชื่อว่า Apple วางเป้าหมายเพิ่มฐานลูกค้าในอินเดียให้เข้าถึง 62 ล้านคน
Gene Munster ให้ข้อมูลว่าผู้บริโภคในอินเดียมีรายได้โดยเฉลี่ย 1,500 ดอลล่าร์สหรัฐต่อปี นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมสมาร์ทโฟนในอินเดีย กว่า 70% จะมีราคาต่ำกว่า 150 ดอลล่าร์สหรัฐ แต่ผลปรากกฏว่า iPhone 5s ซึ่งมีราคา 300 ดอลล่าร์สหรัฐ กลับขายดีที่สุดในอินเดีย Gene Munster เชื่อว่า Tim Cook เดินมาถูกทางแล้ว หลังเข้าพบนายกรัฐมนตรีของอินเดียเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา พร้อมประกาศจะเปิด Apple Store ในอินเดีย ซึ่งข่าวนี้ได้แพร่กระจายไปทั่วโลก และผู้คนในอินเดียก็ได้รู้จักซีอีโอของ Apple มากขึ้น อย่างไรก็ตาม รัฐบาลอินเดียยังคงเน้นนโยบาย “Made in India” นั่นหมายถึงแค่เปิดร้านค้าปลีกคงยังไม่พอ Apple อาจต้องสร้าง Foxconn ในอินเดียด้วย
อินเดียมีจำนวนประชากรสูงถึง 1.25 พันล้านคน แต่ในจำนวนนั้นมีเพียง 15% เท่านั้น ที่มีสมาร์ทโฟนเป็นของตัวเอง ขณะที่ประเทศจีนมีจำนวนประชากรถึง 1.37 พันล้านคน และ 58% ของจำนวนดังกล่าว มีความสามารถในการซื้อสมาร์ทโฟนมาใช้งาน Gene Munster อ้างว่า หาก Apple สามารถเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดสมาร์ทโฟนในอินเดีย ขึ้นอีก 3% – 5% ก็จะเท่ากับส่วนแบ่งทางการตลาดในประเทศจีน 10% – 15% นั่นหมายถึง Apple จะมีลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้นอีกราว 10 ล้านคน เมื่อนำไปรวมกับฐานลูกค้าเดิม จำนวนผู้ใช้ iOS ในอินเดียก็จะแตะ 62 ล้านคนได้ไม่ยาก
อย่างไรก็ตาม ถ้า Apple ต้องการขยายกลุ่มลูกค้าให้สูงขึ้น อุปสรรคสำคัญก็คือราคาของ iPhone ซึ่งปกติจะมีราคสูงเกินความสามารถของผู้บริโภคในอินเดีย และ Apple เคยใช้นโยบายลดราคา iPhone รุ่นเก่ามาแล้ว และอาจจะทำมันอีก เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย
ที่มา – phonearena