ไมโครซอฟท์ คอร์ป ประกาศแผนการปรับปรุงธุรกิจฮาร์ดแวร์สมาร์ทโฟนของบริษัทให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อตำแหน่งงานสูงสุด 1,850 ตำแหน่ง การดำเนินการดังกล่าวจะส่งผลให้บริษัทมีค่าใช้จ่ายจากการปรับโครงสร้างและการด้อยค่าของสินทรัพย์ประมาณ 950 ล้านดอลลาร์ ซึ่งประมาณ 200 ล้านดอลลาร์จะเกี่ยวข้องกับเงินชดเชยการเลิกจ้าง
นายคัลเล คีลี จากไมโครซอฟต์ฟินแลนด์ เผยว่า การตัดสินใจดังกล่าวหมายความว่าไมโครซอฟต์จะไม่มีการออกแบบหรือผลิตสมาร์ทโฟนอีกต่อไป แต่จะยังคงพัฒนาในส่วนของซอฟต์แวร์ ถือเป็นการปิดฉากโนเกียในการควบคุมของไมโครซอฟต์ โดยโนเกียซึ่งเป็นผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือแนวหน้าของโลกในช่วงระหว่างปี 2541-2554 ขายต่อกิจการแก่ไมโครซอฟต์เมื่อปี 2557 ด้วยราคา 7,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 256,700 ล้านบาท)
“เรากำลังมุ่งเน้นการดำเนินงานในส่วนที่เกี่ยวกับโทรศัพท์ ซึ่งเราได้แยกความแตกต่างออกเป็นกลุ่มองค์กรธุรกิจที่ให้ความสำคัญกับความปลอดภัย ความสามารถในการจัดการ และฟีเจอร์ Continuum ของเรา และกลุ่มผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญในเรื่องเดียวกัน” สัตยา นาเดลลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของไมโครซอฟท์ กล่าว “เราจะยังคงเดินหน้าสร้างสรรค์นวัตกรรมสำหรับอุปกรณ์ต่างๆ เช่นเดียวกับบริการคลาวด์ของเราบนทุกระบบปฏิบัติการมือถือต่อไป”
ไมโครซอฟท์คาดว่าการดำเนินการดังกล่าวจะส่งผลให้ต้องมีการปรับลดจำนวนพนักงานถึง 1,350 ตำแหน่งที่บริษัท Microsoft Mobile Oy (แผนกมือถือที่ซื้อมาจาก Nokia ) ในฟินแลนด์ และอีก 500 ตำแหน่งทั่วโลก ขณะที่พนักงานที่ทำงานกับ Microsoft Oy ซึ่งเป็นบริษัทย่อยด้านการขายของไมโครซอฟท์ในเมืองเอสโปนั้น ไม่อยู่ในแผนการปรับลดพนักงาน
ผลจากการดำเนินการครั้งนี้จะทำให้ไมโครซอฟท์มีค่าใช้จ่ายในไตรมาส 4 ของปีงบการเงิน 2559 อันเนื่องมาจากการด้อยค่าของสินทรัพย์ในส่วน More Personal Computing
ทั้งนี้ คาดว่าการดำเนินการต่างๆ ตามที่มีการประกาศในวันนี้ จะแล้วเสร็จเป็นส่วนใหญ่ก่อนสิ้นสุดปีปฏิทิน และเสร็จสมบูรณ์ภายในเดือนกรกฎาคม 2560 ซึ่งเป็นช่วงสิ้นปีงบการเงินหน้าของบริษัท
ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้จะมีการนำเสนอในการแถลงผลประกอบการประจำไตรมาส 4 ของไมโครซอฟท์ วันที่ 19 กรกฎาคม 2559 และในรายงานประจำปี 2559 Form 10-K