แซนดิสก์ คอร์ปอเรชั่น ผู้นำระดับโลกด้านโซลูชั่นการจัดเก็บข้อมูลแบบแฟลช เปิดตัวสุดยอดการพัฒนาของผลิตภัณฑ์ด้านการจัดเก็บข้อมูลสำหรับมือถือใหม่ล่าสุด ซึ่งได้รับการออกแบบให้รองรับกับความต้องการพื้นที่สำหรับเก็บภาพดิจิตอลของผู้ใช้งาน ด้วยความโดดเด่นด้านการจัดเก็บข้อมูลของแซนดิสก์อันเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีแบบแฟลช จึงสามารถมอบประสบการณ์อันราบรื่นระหว่างการโอนถ่ายข้อมูลของผู้ใช้งานได้
ด้วยการเติบโตของข้อมูลดิจิตอลในยุคปัจจุบัน ผู้คนจึงต้องการพื้นที่เพื่อการจัดเก็บข้อมูลมากขึ้นและมีประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยม ทั้งนี้ผู้ใช้งานไม่เพียงแต่ต้องการบันทึกข้อมูลเท่านั้นแต่ยังต้องการแบ่งปันข้อมูลอีกด้วย โดยในปี 2015 บริษัท อินเทอร์เนชันแนล ดาตา คอร์ป ประเทศสหรัฐอเมริกา (IDC) ได้ประเมินไว้ว่าผู้บริโภคได้มีการถ่ายภาพและแชร์รูปภาพดิจิตอลของพวกเขากว่า 1.6 ล้านล้านรูปถ่าย โดย 7 ใน 10 นั้นมาจากการถ่ายบนอุปกรณ์มือถือ1 และยังมีการคาดการณ์ไว้ว่าจำนวนดังกล่าวจะยังคงมีการเติบโตต่อไป ด้วยเทรนด์ดังกล่าวที่มีแนวโน้มเติบโตมากขึ้นผู้ใช้จึงต้องการวิธีอันง่ายดายสำหรับการจัดเก็บและถ่ายโอนข้อมูลระหว่างอุปกรณ์หรือระบบปฏิบัติการต่างๆ สำหรับยุคแห่งการเก็บบันทึกภาพนี้ จึงทำให้เกิดความต้องการโซลูชั่นอันหลากหลาย เพื่อรองรับรับการบันทึกหรือแบ่งปันข้อมูลของผู้ใช้งานที่นิยมพื้นที่การจัดก็บข้อมูลที่มากขึ้น อย่างไรก็ตามแซนดิสก์ยังคงมุ่งมั่นที่จะมอบกลุ่มอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลสำหรับมือถือรุ่นใหม่ล่าสุด เพื่อให้ผู้ใช้งานได้สัมผัสถึงไลฟ์สไตล์ของการใช้โทรศัพท์มือถืออย่างแท้จริง
เจษฎา ภวภูตานนท์ ผู้จัดการทั่วไปประจำประเทศไทย แซนดิสก์ คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า เราให้ความสำคัญต่อความต้องการของลูกค้าด้านพื้นที่การจัดเก็บข้อมูลที่เติบโตขึ้นเรื่อยๆ มาโดยตลอด ซึ่งแซนดิสก์เห็นว่าเป็นโอกาสสำคัญที่จะพลิกโฉมกลุ่มผลิตภัณฑ์อีกครั้ง เพื่อมอบประสบการณ์ของการถ่ายภาพ แบ่งปันข้อมูล การถ่ายโอนข้อมูลด้วยความเร็วสูงโดยไม่ต้องกังวลถึงขีดจำกัดของพื้นที่จัดเก็บ นอกจากนี้เรายังเดินเดินหน้าส่งมอบโซลูชั่นและนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อให้ลูกค้ามีความพึงพอใจและสนุกสนานไปกับการใช้กลุ่มอุปกรณ์ด้านการจัดเก็บข้อมูลใหม่ล่าสุดนี้
แซนดิสก์ได้ปรับปรุงศักยภาพของกลุ่มอุปกรณ์ด้านการจัดเก็บข้อมูลสำหรับมือถือ ประกอบด้วย แฟลชไดร์ฟ iXpand โฉมใหม่ล่าสุด ผลิตภัณฑ์ SanDisk Connect Wireless Stick การ์ดความจำรุ่น Extreme PRO® microSDXC™ UHS-II card ผลิตภัณฑ์ SanDisk Ultra® Dual USB Drive และ ผลิตภัณฑ์ SanDisk Ultra USB Type-C
แซนดิสก์ พัฒนาโซลูชั่นการจัดเก็บข้อมูลสำหรับมือถือ ให้ก้าวล้ำไปอีกขั้น ด้วยสุดยอดนวัตกรรมอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลใหม่ครบทุกรูปแบบ
พลิกโฉมแฟลชไดร์ฟ iXpand เพื่อให้ผู้ใช้ไอโฟนและไอแพด มีพื้นที่การจัดเก็บข้อมูลที่มากขึ้น
แฟลชไดร์ฟ iXpand โฉมใหม่ล่าสุด ที่ถูกออกแบบมาเพื่อเพิ่มความเร็ว ความง่ายดายและพื้นที่การจัดเก็บข้อมูลสำหรับผู้ใช้ iPhone และ iPad ได้สูงถึง 128GB2 พร้อมดีไซน์สุดโมเดิร์นที่เหมาะกับเคส iPhone และ iPad นอกจากนี้ยังมีสายเชื่อมต่อที่ยืดหยุ่นและช่อง USB 3.0 ที่ทำให้การโอนถ่ายข้อมูล เช่น รูปภาพ และวิดีโอจาก iPhone และ iPad สู่คอมพิวเตอร์ที่เป็น Mac หรือ PC เป็นไปอย่างรวดเร็วและง่ายดาย นอกจากนี้ยังช่วยสำรองข้อมูลต่างๆ อาทิ รายชื่อผู้ติดต่อหรือรูปภาพจากแฟ้มภาพได้อย่างอัตโนมัติ และสามารถดูไฟล์วิดีโอในรูปแบบไฟล์ที่เป็นที่นิยม3โดยตรงจากไดร์ฟได้อีกด้วย ทั้งยังมีซอฟแวร์ระบบรักษาความความปลอดภัยด้วยรหัสผ่านป้องกันไฟล์ (password-protected) ทำให้สามารถแชร์ข้อมูลได้โดยที่ยังคงเก็บข้อมูลสำคัญไว้ได้เป็นอย่างดี4
โดยผลิตภัณฑ์ใหม่นี้ยังมาพร้อมกับแอพพลิเคชั่นโฉมใหม่ คือ iXpand Drive ที่มีฟีเจอร์ใหม่ๆ สำหรับพัฒนาประสบการณ์ของผู้ใช้งาน (User Experience) ให้มากยิ่งขึ้น พร้อมเปิดโอกาสให้ผู้ใช้เพิ่มพื้นที่จัดเก็บข้อมูลได้ทันที ด้วยคุณสมบัติที่รองรับด้านกล้องถ่ายรูปซึ่งให้ผู้ใช้งานสามารถถ่ายรูปหรือวีดิโอแล้วจัดเก็บสู่ไดร์ฟได้โดยตรง แทนจัดเก็บในตัวเครื่อง iPhone และ iPad นอกจากนี้ผู้ใช้ยังสามารถสำรองข้อมูลบนเครือข่ายสังคมออนไลน์ยอดนิยม รวมถึงการเปิดไฟล์เพลงจากแอพพลิเคชั่นได้อีกด้วย สามารถดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่น iXpand Drive สำหรับแฟลชไดรฟ์ iXpand รุ่นใหม่โดยเฉพาะได้ผ่าน App Store สำหรับ iPhone และ iPad โดยแอพพลิเคชั่นจะสามารถใช้งานได้อย่างอัตโนมัติ ทันทีที่มีการเชื่อมต่อแฟลชไดรฟ์กับ iPhone หรือ iPad เพื่อความรวดเร็วในขยายพื้นที่การจัดเก็บข้อมูล และการจัดการข้อมูลหรือไฟล์ต่างๆ
ราคาและการจัดจำหน่าย
แฟลชไดรฟ์ iXpand รับประกัน 2 ปี โดยมีขนาดความจุให้เลือกตั้งแต่ 16GB, 32GB, 64GB จนถึง 128GB ในราคา 2,190 บาท 2,990 บาท 3,990 บาทและ 5,490 บาท ตามลำดับ โดยแฟลชไดร์ฟสามารถใช้ได้กับ iPhone 6s, iPhone 6s Plus, iPhone 6, iPhone 6 Plus, iPhone 5s, iPhone5SE, iPhone 5c, iPhone 5, iPad Pro (12.9 นิ้ว), iPad Air 2, iPad Air, iPad mini 4, iPad mini 3, iPad mini 2, iPad mini และ iPod touch (5th generation) ที่มีระบบปฏิบัติการ iOS 8.2 ขึ้นไป โดยแฟลชไดรฟ์ iXpand โฉมใหม่พร้อมวางจำหน่ายที่ iStudio ทุกสาขา
ผลิตภัณฑ์ SanDisk Connect Wireless Stick ความจุขนาด 200 GB มอบความจุสูงสุดสำหรับแฟลชไดร์ฟสำหรับมือถือ
ผลิตภัณฑ์ SanDisk Connect™ Wireless Stick ขนาดความจุ 200 GB* มอบความรวดเร็วในการโอนถ่ายข้อมูล และการเพิ่มพื้นที่การจัดเก็บข้อมูลให้แก่โทรศัพท์มือถือ ด้วยการให้พื้นที่สำหรับการจัดเก็บภาพและวิดีโอที่มากขึ้น ผู้ใช้งานจึงสามารถเข้าถึงและแบ่งปันข้อมูลได้เพียงปลายนิ้วสัมผัส จากการได้รับรางวัล “Innovation Honoree” ในหมวดอุปกรณ์เสริมแบบไร้สาย จาก CEA ภายในงาน CES 2016 ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์รุ่นนี้ได้รับความนิยมอย่างมากในกลุ่มผู้ที่มองหาอุปกรณ์ที่ง่ายต่อการถ่ายโอนและแบ่งปันข้อมูลระหว่างอุปกรณ์พกพากับคอมพิวเตอร์
สำหรับการใช้งานผลิตภัณฑ์ SanDisk Connect Wireless Stick ร่วมกับแอพพลิเคชั่น SanDisk Connect จะช่วยให้การถ่ายโอนข้อมูลระหว่างอุปกรณ์5 เป็นไปอย่างง่ายดายมากยิ่งขึ้น ในการจัดการข้อมูลระหว่าง iPhone, iPad, iPod, Mac, PC และอุปกรณ์ระบบแอนดรอยด์ ผ่านการเชื่อมต่อผ่านไวไฟพร้อมเข้ารหัสเพื่อป้องกันความปลอดภัย แอพพลิเคชันได้การอัพเดทไม่นานมานี้ เพื่อสนับสนุนการแสดงผลไปยังหน้าจอขนาดใหญ่ ผ่าน AirPlay ของ Apple TV และ กูเกิล โครมแคสต์ (Google Chromecast) พร้อมรองรับ ระบบ 3D Touch บน iPhone 6s และ iPhone 6s Plus และด้วยอัพเดทล่าสุดของแอพ SanDisk Connect จะทำให้ภาพถ่าย แบบ Live Photos ที่ถูกถ่ายโดย iPhone 6s และ iPhone 6s Plus สามารถถูกบันทึกจัดเก็บไว้ใน SanDisk Connect Wireless Stick ได้ทันที สามารถดาวน์โหลดแอพพลิเคชัน SanDisk Connect ได้แล้วที่ App Store และ Google Play™ สำหรับระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์
ราคาและการจัดจำหน่าย
ผลิตภัณฑ์ SanDisk Connect Wireless Stick ความจุขนาด 200 GB มีวางจำหน่ายแล้วที่ iStudio by Com7 และ Banana IT ในราคา 4,490 บาท
ผลิตภัณฑ์ SanDisk Ultra Dual USB Drive 3.0 ความจุ 128 GB ให้ความจุที่เพิ่มขึ้นพร้อมความเร็วเหนือระดับสำหรับผู้ใช้แอนดรอยด์
ผลิตภัณฑ์ SanDisk Ultra Dual USB Drive 3.0 เป็นโซลูชั่นชั้นเลิศสำหรับอุปกรณ์ที่รองรับ OTG (On-the-Go) ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต9 สามารถเพิ่มพื้นที่ความจุได้มากขึ้นและสามารถถ่ายโอนรูปภาพและวิดีโอไปยังคอมพิวเตอร์ได้อย่างง่ายดาย ด้วยความจุขนาด 128 GB จะทำให้ผู้ใช้อุปกรณ์แอนดรอยด์สามารถเพิ่มจำนวนรูปภาพ เพลง วิดีโอและข้อมูลอื่นๆได้มากเป็นเท่าตัวโดยไม่ต้องกังวลว่าจะทำให้พื้นที่ของสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตเต็ม นอกจากนี้เพื่อเพิ่มขีดความสามารถของผลิตภัณฑ์แซนดิสก์ยังปรับปรุงประสิทธิภาพของตัวเชื่อมต่อ USB Drive 3.0 ให้สามารถถ่ายโอนข้อมูลจากไดร์ฟสู่คอมพิวเตอร์ ด้วยความเร็ว 150MB/s10 เพื่อเพิ่มความเร็วสูงสุดในการถ่ายโอนข้อมูลอีกด้วย
เมื่อเชื่อมต่ออุปกรณ์เข้ากับ สมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ต ที่รองรับ OTG แอพมาตรฐานบนอุปกรณ์พกพาจะเข้าถึงข้อมูลที่จัดเก็บอยู่ใน SanDisk Ultra Dual USB Drive ได้ทันที สำหรับผู้ใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์สามารถติดตั้ง แอพพลิเคชัน SanDisk Memory Zone เพิ่มเติม เพื่อช่วยจัดการข้อมูลได้สะดวกยิ่งขึ้น โดยสามารถดาวน์โหลดแอพได้ฟรีผ่าน Google Play™ ทั้งนี้แอพพลิเคชันจะถูกเปิดขึ้นอย่างอัตโนมัตทันทีเมื่อเสียบไดร์ฟบนอุปกรณ์ เพื่อมอบการเข้าถึงแบบได้อย่างทันทีและทำให้สามารถจัดการได้อย่างง่ายมากขึ้น
ราคาและการจัดจำหน่าย
ผลิตภัณฑ์ SanDisk Ultra Dual USB Drive 3.0 ความจุขนาด128 GB มีวางจำหน่ายแล้วที่ร้านขายอุปกรณ์ไอทีทั่วประเทศไทยในราคา 1,590 บาท มีวางจำหน่ายแล้วที่ iStudio by Com7 และ Banana IT
ผลิตภัณฑ์ SanDisk Ultra USB Type-C แฟลชไดร์ฟรุ่นใหม่สำหรับโทรศัพท์มือถือที่มี USB ประเภท Type-C โดยเฉพาะ
ผลิตภัณฑ์ SanDisk Ultra USB Type-C ได้รับการออกแบบให้มีความทันสมัย พร้อมด้วยคุณสมบัติที่รองรับอุปกรณ์ในอนาคต (next-generation) ซึ่งสามารถใช้งานได้อย่างเอนกประสงค์ และยังมีช่อง USB ประเภท Type-C ประสิทธิภาพสูง ที่ช่วยให้การโอนถ่ายข้อมูลระหว่าง USB ประเภท Type-C กับโทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค แท็บเล็ต และอุปกรณ์อื่นๆ ในอนาคต11 มีความรวดเร็วมากขึ้น
สำหรับผลิตภัณฑ์ SanDisk Ultra USB Type-C มีความจุสูงถึง 128GB* ทั้งยังมี USB 3.1 ซึ่งให้ประสิทธิภาพสูงถึง 150MB/วินาที12 นับเป็นความเร็วและความจุที่มากที่สุดในกลุ่ม USB Type-C โดยที่ตัว USB ได้รับการออกแบบให้มีรูปร่างที่บางเฉียบ สามารถพลิกใช้งานได้ทั้งสองด้าน นอกจากนี้ยังมีแอพพลิเคชั่น SanDisk Memory Zone สำหรับอุปกรณ์แอนดรอยด์ ซึ่งสามารถดาวน์โหลดได้ฟรีที Google Play™ Store ทั้งนี้แอพพลิเคชั่นจะถูกเปิดขึ้นอย่างอัตโนมัตทันทีเมื่อเสียบไดร์ฟบนอุปกรณ์ เพื่อมอบการเข้าถึงข้อมูลได้อย่างทันทีและทำให้สามารถจัดการได้อย่างง่ายมากขึ้น13 อย่างไรก็ตาม SanDisk Ultra USB Type-C นี้นับเป็นสินค้ารุ่นแรกของบริษัทที่ได้นำ USB Type-C มาเป็นอุปกรณ์ที่พร้อมใช้งาน ซึ่งจะช่วยเติมเต็มโซลูชั่นความจำแบบแฟลช ประเภท USB Type-C ให้แก่บริษัท อันประกอบไปด้วย dual USB drives และ portable SSDs โดยผลิตภัณฑ์ SanDisk Ultra USB Type-C พร้อมวางจำหน่ายด้วยมีความจุขนาด16GB 32GB 64GB และ 128GB พร้อมการรับประกันสินค้า 5 ปี14
ราคาและการจัดจำหน่าย
แฟลชไดรฟ์ Ultra USB Type C มีการรับประกันในระยะเวลา 5 ปีและมีวางจำหน่ายแล้วในประเทศไทยที่ iStudio สาขาชั้นนำการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่นี้มาพร้อมกับความจุ 16GB, 32GB, 64GB และ128GB ในราคา 390, 590, 890 และ 1,690 บาทตามลำดับ
การ์ดความจำ Extreme PRO® microSDXC™ UHS-II card มอบการถ่ายโอนข้อมูลได้เร็วที่สุดในโลก
การ์ดความจำ Extreme PRO® microSDXC™ UHS-II card ช่วยให้ผู้ใช้กล้องแอคชั่นแคม โดรน และสมาร์ทโฟน สามารถถ่ายโอนข้อมูลขนาดใหญ่ได้อย่างรวดเร็ว การ์ดความจำรุ่นล่าสุดมาในรุ่นความจุขนาด 64GB* และ 128GB ด้วยความเร็วการโอนถ่ายข้อมูลที่สูงสุดถึง 275MB/s6 ภายในระยะเวลาอันสั้น ซึ่งการ์ดความจำ SanDisk Extreme PRO microSDXC UHS-II ยังมาพร้อมกับ Class 10 และ UHS Speed Class 3 (U3) ทำให้เหมาะสำหรับการบันทึกข้อมูล Full HD และวิดีโอระดับ 4K Ultra HD7 จากกล้อง Action Camera โดรน และสมาร์ทโฟนรุ่นล่าสุด นอกจากนี้แล้วยังมีเครื่องอ่านการ์ดความจำที่มี USB 3.0 สำหรับการโอนถ่ายข้อมูลไปยังคอมพิวเตอร์ได้อย่างสะดวกสบาย
ทั้งนี้การ์ดความจำรุ่น Extreme PRO microSDXC UHS-II จากแซนดิสก์สามารถใช้กับอุปกรณ์ UHS-I รุ่นเก่ากว่าได้ แต่ความเร็วจะจำกัดตามอุปกรณ์หลักนั้นๆ นอกจากนี้แล้วการ์ดยังได้ถูกออกแบบให้เป็นอุปกรณ์ที่มีความทนทาน สามารถทนต่อสภาพแวดล้อมที่รุนแรงได้ การ์ดความจำรุ่น SanDisk Extreme PRO microSDXC UHS-II microSD cards8 สามารถทนต่อแรงกระแทก สภาพอากาศรุนแรง กันน้ำ และทนต่อการเอ็กซ์เรย์ได้
ราคาและการจัดจำหน่าย
การ์ดความจำรุ่น SanDisk Extreme PRO microSDXC UHS-II มาพร้อมการรับประกันตลอดอายุ การใช้งาน5 ความจุขนาด 64GB และ 128GB พร้อมวางจำหน่ายประเทศไทยที่ ร้าน โฟโต้ไฟล์ เจไอบี และร้านจัดจำหน่ายสินค้าไอทีและกล้องชั้นนำทั่วไป ในราคา 4,900 บาท และ 9,900 บาทตามลำดับ