ในวันที่ 11 พฤษภาคมนี้จะเป็นวันแรกที่ Apple จะวางจำหน่าย iPhone SE หน้าจอขนาด 4 นิ้วรุ่นใหม่ล่าสุดในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ผ่านทาง 3 ค่ายมือถือทั้ง AIS,dtac และ Truemove H รวมถึงร้านค้าตัวแทนจำหน่ายรายใหญ่อย่าง iStudio ก็พร้อมวางจำหน่ายในวันเดียวกันอีกด้วย ซึ่งก็ได้มีการเปิดจองไปเรียบร้อยในวันที่ 2 พฤษภาคมที่ผ่านมาและได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีเช่นเคย แต่ละค่ายต่างก็งั้ดเอาโปรโมชั่นเด็ดลดราคาค่าเครื่องเมื่อติดสัญญามาดึงดูดโดยทาง Truemove H มีโปรโมชั่นลดค่าเครื่องถึง 5,000 บาทเลยทีเดียว
และในวันนี้ก่อนจะถึงวันวางจำหน่ายทางการทีมงาน @flashfly ก็ได้ตัวเครื่อง iPhone SE สีชมพู Rose Gold ความจุ 64GB ที่จะวางจำหน่ายในประเทศไทยมาเป็นที่เรียบร้อย ก็จะเริ่มด้วยการรีวิวแกะกล่องใช้ชมกันเป็นอย่างแรกอีกเช่นเคย
มาเริ่มกันที่ตัวกล่องจะมีขนาดเท่ากับ iPhone 5s เลยรูปวอลเปเปอร์ด้านหน้าจะเป็นธีมดอกไม้คล้ายกับที่ใช้ตอนเปิดตัว iPhone 6 ด้านข้างจะเขียนว่า iPhone SE สีเดียวกับตัวเครื่องชัดเจน
ด้านหลังจะบอกรายละเอียดต่างๆเกี่ยวกับตัวเครื่องทั้งรุ่น สี ความจุ และอุปกรณ์ที่แถมมาในกล่อง โดยรุ่นที่นำมารีวิวเป็นความจุ 64GB ซึ่งสูงสุดของ iPhone SE
เมื่อเปิดฝาออกมาก็จะพบกับ iPhone SE ที่มีดีไซน์คุ้นตาแบบเดียวกับ iPhone 5s วางอยู่บนถาดใส่ตัวเครื่องมีพลาสติกใส ติดมาทั้งด้านหน้าและด้านหลังตัวเครื่อง
หยิบตัวเครื่องขึ้นมาถือด้วยหน้าจอขนาด 4 นิ้วที่หลายคนคุ้นเคย น้ำหนักเบา พกพาใส่กระเป๋าง่าย ด้านหน้ามีกล้อง Facetime HD ความละเอียด 1.2 ล้านพิกเซลพร้อม Retina Flash เช่นเดียวกับ iPhone 6s
ด้านล่างมีเซ็นเซอร์สแกนนิ้วมือ Touch ID ที่ปุ่ม Home รุ่นเดียวกับที่ใช้ใน iPhone 5s โดยวงแหวนจะเป็นสีเดียวกับตัวเครื่องอีกด้วย
ด้านบนจะมีปุ่ม Power หรือปุ่มล็อกหน้าจอ
ขอบตัดด้านข้างได้มีการออกแบบใหม่จากที่เป็นสีเงินเงางามมาเป็นแบบด้านมีสีเดียวกับตัวเครื่องทางด้านซ้ายจะมีปุ่มปิดเสียง และปุ่มเพิ่มลดเสียงดีไซน์คลาสสิกแบบเดียวกับ iPhone 5s
ทางขวาจะมีช่องใส่ซิมที่ต้องใช้เข็มจิ้มออกมาแล้วใส่ซิมแบบ Nano SIM
ด้านล่างจะมีช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม. ลำโพง และพอร์ต Lightning
ด้านหลังของ iPhone SE นั้น Apple ก็ได้เปลี่ยนให้แตกต่างจาก iPhone 5s ด้วยวัสดุใหม่เป็นอะลูมิเนียมแบบผิวกระแทก (Bead Blasting) ที่ให้ความรู้สึกเรียบเนียนเหมือนผ้าซาติน
กล้องดิจิตอลความละเอียด 12 ล้านพิกเซล พร้อมไฟแฟลช 2 สี ที่ราบเรียบไปกับตัวเครื่อง สามารถถ่ายวิดีโอ 4K ได้แบบ iPhone 6s บริเวณขอบลบมุมเปลี่ยนเป็นแบบด้าน โลโก้ Apple เปลี่ยนเป็นสแตนเลสสตีลสีเดียวกับตัวเครื่อง ทำให้ดูดีไซน์โดยรวมดูกลมกลืนกว่าเดิม
ด้านล่างเขียนว่า iPhone SE ชัดเจน โดยอักษรย่อ SE นั้นมาจากคำว่า Special Edition นั่นเอง

เมื่อนำถาดใส่ตัวเครื่องออกก็จะพบอุปกรณ์ที่มีมาให้ในกล่องที่หลายคนคุ้นเคย

เปิดซองที่แนบมาก็จะพบกับเข็มสำหรับจิ้มถาดใส่ซิมออกมา โดยเข็มที่แถมมากับชุดจำหน่าย iPhone SE นั้นจะเป็นแบบเดียวกับ iPad ที่มีลักษณะกลม ไม่เป็นแบบแบนแบบที่แถมมาใน iPhone รุ่นก่อนๆ
ถัดมาก็จะเป็นคู่มือการใช้งานเบื้องต้น เอกสารการรับประกันสินค้าและสติกเกอร์โลโก้ Apple
หูฟัง Apple EarPods พร้อมรีโมทและไมโครโฟน ขนาด 3.5 มม.
หัวชาร์จ USB Power Adapter ขนาด 5 วัตต์
และสุดท้ายกับสาย Lightning to USB Cable สำหรับเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์และชาร์จแบตเตอรี่ตัวเครื่อง

นอกจากนี้ Apple ยังได้วางจำหน่ายอุปกรณ์เสริมเคสหนังรุ่นใหม่สีดำและสีมิดไนท์บลูราคา 1,700 บาท
ซึ่งเป็นเคสที่ผลิตจากหนังผ่านกรรมวิธีการฟอกสุดพิเศษจากยุโรป แลดูสวยงามหรูหรา ถูกออกแบบมาเพื่อ iPhone SE โดยเฉพาะ

ส่วนภายในบุด้วยไมโครไฟเบอร์อ่อนนุ่มที่ช่วยปกป้องตัวเครื่องเป็นอย่างดี ในขณะที่พื้นผิวด้านนอกก็มีสีสันที่สวยสด ถูกย้อมสีให้ซึมลึกลงไปในเนื้อของแผ่นหนัง ไม่ใช่แค่เพียงเคลือบไว้ที่ผิว
แน่นอนว่าใครที่มีเคสอันเก่าของ iPhone 5s ก็สามารถนำมาใส่กับ iPhone SE ได้
สำหรับสเปคโดยรวมของ iPhone SE นั้นจะคล้ายกับ iPhone 6s เลยแตกต่างเพียงบางจุด (อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่ ) เครื่องเปล่ามีราคาเริ่มต้นที่ 16,800 บาทเท่านั้นถือเป็น iPhone รุ่นแรกที่มีราคาต่ำที่สุดที่เคยเปิดตัวมาในตลาด จะเริ่มวางจำหน่ายในประเทศไทยวันที่ 11 พฤษภาคมนี้ทั้ง 3 ค่ายมือถือและร้านค้าตัวแทนจำหน่ายในประเทศไทย ส่วนรีวิวการใช้งานแบบเต็มจะตามมาในเร็วๆนี้อีกเช่นเคย
บทความโดย – www.flashfly.net