เอไอเอส เดินหน้าทำทุกวิถีทางตามหลักการ และเป็นไปได้จริงในทางปฏิบัติ เพื่อให้ลูกค้าทุกท่านใช้งานได้อย่างต่อเนื่อง โดยยื่นข้อเสนอเมื่อวันที่ 11 มีนาคม ที่ผ่านมา ร้องขอให้กสทช.พิจารณาขยายระยะเวลาคุ้มครอง และขอใช้ความถี่ 900 MHz เพียง 5 MHz ในช่วงที่ 1 ซึ่งยังว่างอยู่ อย่างเร่งด่วน เพื่อให้ลูกค้ายังใช้งานได้ต่อเนื่อง
นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส กล่าวว่า “ในฐานะผู้ให้บริการ เราทราบดีถึงช่วงเวลาของการเปลี่ยนผ่านเทคโนโลยีของประเทศไทย ดังนั้นตั้งแต่ก่อนสิ้นสุดสัญญาร่วมการงานบนคลื่น 900 MHz เราจึงสื่อสารให้ลูกค้าทราบถึงการเปลี่ยนผ่านเทคโนโลยีจาก 2G สู่ดิจิทัล อย่าง 3G หรือ 4G ตามนโยบายรัฐ โดยประชาสัมพันธ์ให้ลูกค้าที่คงค้างอยู่ในระบบ 2G 900 MHz โอนย้ายไปยังผู้ให้บริการรายใหม่ หรือ เปลี่ยนเครื่องจาก 2G เป็นเทคโนโลยี 3G/4G อย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน”
“แม้ว่าเราได้ทำการประชาสัมพันธ์ดังกล่าวอย่างเข้มข้นแล้วก็ตาม ปัจจุบันก็ยังคงเหลือลูกค้าที่ใช้เบอร์ในระบบ 2G 900 MHz ของเอไอเอส อีกราว 4 แสนเลขหมาย และลูกค้าเอดับบลิวเอ็นที่ยังคงถือเครื่องมือถือ 2G อีกราว 7.6 ล้านเครื่อง และเมื่อศุกร์ที่ 11 มีนาคม ที่ผ่านมา บริษัท ทรูมูฟเอชผู้ประมูลได้คลื่น 900 MHz ช่วงที่ 2 ได้เข้ามาชำระค่าใบอนุญาต และส่งผลให้ กสทช. จะสั่งให้ปิดบริการคลื่น 900 MHz ที่เอไอเอสเคยใช้งานอยู่ อันจะทำให้ลูกค้าที่ยังคงใช้งาน 2G บนคลื่น 900 MHz ใช้งานไม่ได้อีกต่อไป เพื่อให้ลูกค้ามีเวลาเพียงพอในการเปลี่ยนเครื่อง ซึ่งในวันเดียวกันนั้น บริษัทฯได้ทำหนังสือไปยัง กสทช. คัดค้านมติที่ไม่อนุมัติให้มีการขยายระยะเวลาของมาตรการคุ้มครองผู้ใช้บริการออกไป ด้วยเหตุผล คือ
ตามประกาศ กสทช. เรื่องมาตรการคุ้มครองผู้ใช้บริการในกรณีสิ้นสุด สัมปทานหรือสัญญาให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ พ.ศ. 2556 ในข้อ 9. ได้ระบุว่า “…เมื่อคณะกรรมการได้จัดสรรคลื่นความถี่ให้กับผู้รับใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่รายใหม่แล้ว ให้คณะกรรมการกำหนดวันหยุดให้บริการ ซึ่งถือว่าเป็นวันสิ้นสุดระยะเวลาความคุ้มครอง…” เพื่อความเป็นธรรมแก่ผู้ได้รับใบอนุญาตรายใหม่ที่จะมีสิทธิใช้คลื่นความถี่อย่างปราศจากการรบกวน ซึ่งกรณีนี้ เอไอเอส ได้แจ้ง กสทช.ว่า ขอให้บริการต่อไป โดยใช้คลื่นความถี่ 900 MHz ในชุดที่ 1 ซึ่งยังว่างอยู่ อันจะไม่ถือเป็นการริดรอนสิทธิผู้ได้ใบอนุญาตในชุดที่ 2 รวมถึงมติของกสทช. ก็ถือว่าขัดต่อประกาศ กสทช.เอง ที่ต้องมีความต่อเนื่องในการให้บริการ คุ้มครองประโยชน์สาธารณะ และคุ้มครองผู้ใช้บริการให้ได้ใช้งานได้อย่างต่อเนื่อง อย่างไม่มีข้อจำกัดในช่วงเวลาเปลี่ยนผ่านการสิ้นสุดสัมปทาน
โดยในระหว่างการขยายมาตรการคุ้มครองฯออกไปอีกระยะหนึ่งนั้น บริษัทฯยังคงนำส่งรายได้ให้แก่รัฐ ตามหลักเกณฑ์ของประกาศฯคุ้มครอง เช่นเดิมทุกประการ ซึ่งหาก กสทช.ไม่เห็นด้วยกับแนวทางขยายมาตรการเยียวยาต่อไปอีก บริษัทฯ จึงได้เสนอแนวทางแก้ไขปัญหา โดยขอให้กสทช. พิจารณาใช้อำนาจหน้าที่ตามกฎหมายให้บริษัทฯ ยังคงให้บริการแก่ลูกค้าบนคลื่น 900 MHz ต่อไปอีก อย่างน้อยประมาณ 3 เดือน (สิ้นสุด ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2559) เพื่อให้ลูกค้าใช้งานได้อย่างต่อเนื่อง และยังคงมีระยะเวลาเพียงพอที่จะอัพเกรดเทคโนโลยีด้วยการโอนย้ายออกไปยังผู้บริการรายใหม่ตามที่ลูกค้าต้องการ โดยบริษัทจะใช้คลื่นความถี่ 900 MHz ช่วงที่ 1 ในจำนวนเพียง 5 MHz ซึ่งขณะนี้ยังว่างอยู่ และลูกค้าเอไอเอสก็ใช้งานอยู่ในความถี่ช่วงที่ 1 โดยบริษัทฯยินดีชำระค่าใช้งานคลื่นความถี่ให้แก่ กสทช.เพื่อนำส่งเป็นรายได้ให้แก่ประเทศต่อไป
นายสมชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า “สำหรับกระแสข่าวข้อเสนอของทรูมูฟเอช ที่ให้ กสทช. นำคลื่นความถี่ 900 MHz มาให้เอไอเอสใช้งานต่อชั่วคราวแบบไม่คิดค่าใช้จ่าย รวมถึงลักษณะที่ให้ทีโอทีสนับสนุนอุปกรณ์ 2G และเอไอเอสดูแลระบบบริหารจัดการ นั้น ขณะนี้ยังไม่ได้รับข้อเสนอนี้โดยตรงจากทรูมูฟ เป็นแต่เพียงการเสนอข่าวผ่านสื่อมวลชนเท่านั้น อีกทั้ง บริษัทฯยังเห็นว่าเป็นแนวทางที่ไม่สามารถเป็นไปได้จริง ทั้งในแง่ของกฎหมาย เนื่องจากยังเป็นปัญหาในข้อกฎหมาย ที่กสทช. ต้องพิจารณาว่า จะเข้าข่ายเป็นการให้ผู้อื่นมาร่วมใช้คลื่นความถี่ของผู้รับใบอนุญาต ซึ่งต้องห้ามตามมาตรา 46 ของพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ หรือไม่ อีกทั้งในทางปฏิบัติ ก็ไม่สามารถดำเนินการได้ในเวลาอันสั้น เนื่องจากปัจจุบันลูกค้าเอไอเอส ใช้งานอยู่บนคลื่น 900 MHz ช่วงที่ 1 ซึ่งยังว่างอยู่ มิใช่ช่วงความถี่ของทรูมูฟเอช (ช่วงที่ 2)”
“ด้วยความตั้งใจอย่างยิ่งของบริษัทฯ ที่จะให้ลูกค้าทุกท่านใช้งานได้อย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับการที่เราได้เรียกร้องไปที่ กสทช. เพื่อให้ขยายระยะเวลาคุ้มครองออกไปดังกล่าว เราจึงดำเนินการทุกวิถีทางเพื่อให้ลูกค้าได้รับผลกระทบน้อยที่สุด ประกอบด้วย
– จัดเครื่องทดแทนให้ฟรี สำหรับลูกค้าที่ยังคงถือเครื่อง 2G ให้อัพเกรดเทคโนโลยีเปลี่ยนเป็น 3G หรือ 4G ซึ่งวันนี้ลูกค้ายังคงสามารถจองเครื่องและรับเครื่องได้ฟรี ณ ที่ทำการ อบต. และเทศบาลทั่วประเทศ
– ให้ลูกค้าที่ยังถือเครื่อง 2G สามารถใช้งานบนเครือข่ายของดีแทค ที่เอไอเอส ได้เจรจาความร่วมมือโรมมิ่งไว้เรียบร้อยแล้ว โดยลูกค้าไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆเพิ่มเติม
– เดินหน้าขยายเครือข่าย3G และ 4G อย่างต่อเนื่องด้วยงบประมาณ 40,000 ล้านบาท
“ผมจึงขอความอนุเคราะห์มายัง กสทช.ให้กรุณาพิจารณาข้อร้องขอของเอไอเอสอย่างเร่งด่วน เพื่อสร้างความมั่นใจแก่ลูกค้า โดยขอเรียนยืนยันว่า ทุกลมหายใจของชาวเอไอเอสทั้งหมด มุ่งมั่นเพื่อประโยชน์ของลูกค้า และได้ดำเนินการทุกวิถีทางที่จะดูแลลูกค้าอย่างดีที่สุดมาโดยตลอด ในฐานะบริษัทฯที่มีธรรมาภิบาล บริหารงานอย่างโปร่งใส ยึดถือหลักการ อีกทั้งยึดประโยชน์ของลูกค้าเป็นที่ตั้งเสมอ เรามีเจตนารมณ์ที่แน่วแน่อย่างยิ่งที่จะดูแลลูกค้าและผู้บริโภคไม่ให้ได้รับผลกระทบแม้แต่ท่านเดียว จากการเปลี่ยนผ่านเทคโนโลยี ซึ่งเป็นนโยบายของภาครัฐอันดำเนินการโดย กสทช. ดังนั้นการนำเสนอแนวทางต่างๆ ที่สามารถดูแลได้ทั้งลูกค้าและไม่ผิดหลักการทางกฎหมายจากเอไอเอสนั้น จะเท่ากับเป็นบทพิสูจน์ความจริงใจในการคุ้มครองสิทธิ์และดูแลผู้บริโภคของ กสทช. ในครั้งนี้” นายสมชัย กล่าวในตอนท้าย