สมาร์ทโฟนใหม่มาแรงพร้อมหน่วยประมวลผลระดับเทพและหน่วยความจำที่สูงขึ้น
สมาร์ทโฟนในวันนี้ปัจจัยที่ทำให้โทรศัพท์ทำงานได้ดีหรือไม่ก็คือหน่วยประมวลผล หรือซีพียูนั่นเอง (CPU – Central Processing Unit) ซึ่งเหมือนคอมพิวเตอร์ หน่วยประมวลผลในยุคใหม่จะมีความสามารถในการประมวลได้ดีมากกว่าแต่ก่อนมาก เนื่องจะความต้องการใช้งานสมาร์ทโฟนเริ่มไปสู่จุดที่มีการใช้งานเรื่องของมัลติมีเดียหรือเกมส์มากยิ่งขึ้น เช่น การใช้ดูไฟล์หนังระดับ Hi-Def การบันทึกวิดีโอระดับ Full HD – 1080p ซึ่งซีพียูสำหรับสมาร์ทโฟนในปีนี้ก็ก้าวข้ามจาก ซีพียูแบบมาตรฐานที่มีความเร็วระดับ 1GHz ไปเป็น Dual Core คล้ายๆแบบที่ใช้กันอยู่กับคอมพิวเตอร์ของเรานั่นแหละ ซึ่งปีนี้ทาง LG ก็เปิดศักราชด้วย Optimus 2X เป็นโทรศัพท์สมาร์ทโฟนตัวแรกของโลกที่ใช้ซีพียูแบบ Dual Core ที่มีความเร็วระดับ 1GHz ของ Tegra2 รายอื่นๆที่ตามมากันติดๆ ก็เป็น Samsung Galaxy S II ที่เตรียมซีพียู ARM Cortex-A9 Dual Core ที่ความเร็วระดับ 1.2 GHz ออกมา เช่นเดียวกับ HTC ที่ใช้ซีพียู Snapdragon Dual Core CPU ของ Qualcomm ที่ความเร็ว 1.2 GHz กับ HTC Sensation ที่เตรียมจะเปิดตัวเช่นกัน อื่นๆก็มี Motorola Atrix 4G เช่นกัน หรือถ้ามองไปถึงสมาร์ทโฟนที่ขายดีมากๆอย่าง iPhone ตัวต่อไปที่คาดกันว่าจะออกในช่วยปลายปี ก็คงหนีไม่พ้น CPU A5 Dual Core เฉกเช่นเดียวกับที่ใช้ใน iPad 2 ถ้ามองยาวไปถึงไตรมาสที่ 4 เราก็จะเห็นสินค้า Smartphone ที่หันมาใช้ซีพียูระดับที่เป็น Dual Core หรืออาจจะถึง Quad Core กันเลยทีเดียว ส่วนระดับความเร็วก็อาจจะข้ามไปถึงระดับ 2GHz นู่นเลย ถ้าในระดับต่ำลงมา อาจจะไม่ได้เป็นซีพียูแบบ Dual Core แต่ซีพียูที่ใช้ก็จะมีความเร็วที่สูงขึ้น ยกตัวอย่าง Samsung Galaxy S Plus ที่เปลี่ยนซีพียูจากความเร็ว 1GHz มาเป็น 1.4 GHz เทียบจากรุ่นก่อนแล้วเปิดตัวเข้าสู่ตลาดเพื่อเพิ่มคุณค่าของสินค้าต่อไป แต่อย่างน้อยๆ ตัวระดับต่ำสุดก็จะมีแน้วโน้มของซีพียูที่ 600 MHz เป็นอย่างน้อย และสเต็ปต่อมาก็เป็น 800 MHz และ 1GHz ตามลำดับ ขณะที่ในมุมคู่กันไปของซีพียูก็คือหน่วยความจำ (RAM) นั้นเอง ปัจจุบันสมาร์ทโฟนอย่าง Android นั้น RAM ก็เพิ่มขึ้นตามลำดับ เริ่มตั้งแต่ 128 MB, 256 MB, 512 MB จนล่าสุดก็ไปที่ 768 MB หรือ 1GB กันแล้ว เพื่อรองกับซีพียูที่ความเร็วสูงขึ้นระดับ Dual Core รวมถึงเรื่องมัลติมีเดีย หรือ เกมส์ ที่ต้องการพื้นที่ของหน่วยความจำสูงๆตาม ในการร่วมประมวลผลอีกด้วย ซึ่งในด้านเทคโนลีของ RAM ล่าสุด LG Optimus 3D ก็มีการนำเอา RAM แบบ Dual Channel มาใช้ร่วมกับซีพียูระดับ Dual Core เพื่อก่อให้เกิดประสิทธิภาพที่สูงสุดในการทำงานอีกด้วย ซึ่งน่าจะกลายเป็นมาตรฐานในอนาคตต่อไปสำหรับสมาร์ทโฟนระดับสูง
หน้าจอก็สำคัญ ประสบการณ์แรกที่สัมผัสได้ก่อนเสมอ
ปัจจุบันมีการนำเอาหน้าจอเทคโนโลยีใหม่ๆมาเป็นองค์ประกอบหลัก หรือมาเป็นจุดขายกันมากพอสมควร อย่าง Samsung มีการนำเอาเทคโนโลยีอย่าง Super AMOLED Plus ก็คือจอ LED ระดับไฮเอนด์ที่ Samsung มีโรงงานผลิตเองมาเป็นอาวุธที่เหนือคู่แข่งอยู่ก้าวหนึ่ง จอประเภทนี้เป็นจอที่มีจุดเด่นในเรื่องของการแสดงสีที่สดใสอย่างมากเหนือกว่าจอ LCD และสัมผัสของสีดำที่ดำสนิทจริงๆ ซึ่ง Nokia ก็เป็นอีกค่ายที่ใช้จอแบบ AMOLED นี้อยู่กับสินค้าสมาร์ทโฟนระดับไฮเอนด์ ขณะที่ฝั่ง LG ก็ชูเทคโนโลยีจอที่เรียกว่า Super Nova ซึ่งก็คือจอ LCD ที่มีความสว่างที่สุดในโลกแต่ให้สีที่เป็นธรรมชาติมากกว่าจอแบบ LED โดยเตรียมออกสินค้ารุ่น Optimus Black มาสู้กับคู่แข่งโดยชูประเด็นจอ Super Nova เป็นหลัก ในอีกด้านหนึ่ง LG และ HTC ก็เตรียมโทรศัพท์ที่มีจอ 3 มิติแบบ Stereoscopic ซึ่งเป็นจอแบบที่ผู้ใข้ไม่ต้องสวมแว่น 3 มิติในการมอง สามารถมองด้วยตาเปล่าได้เลย โดย LG เตรียมสมาร์ทโฟนรุ่น Optimus 3D เข้าสู่ตลาดในเร็วๆนี้ และ HTC ก็มีรุ่น EVO 3D เป็นตัวชูโรง ในเรื่องของขนาดจอก็จะเห็นมิติของขนาดที่เพิ่มขึ้นใหญ่ขึ้นในระดับตัวไฮเอนด์ ไม่ว่าจะเป็นขนาด 4 นิ้ว 4.3 นิ้ว 5 นิ้ว หรือไปเป็นขนาด 7 นิ้ว สำหรับ Tablet แต่ทั้งนั้นทั้งนี้ก็อยู่ที่ความละเอียดของหน้าจอด้วยว่ามีความละเอียดมากน้อยแค่ไหน เพราะถ้าจอใหญ่แต่ความละเอียดน้อย ภาพที่เห็นก็จะมีคุณภาพต่ำ ความละเอียดพื้นๆที่ใช้กับสมาร์ทโฟนระดับเริ่มต้นอยู่ที่ 240 x 320 พิกเซล (หรือ QVGA) สูงขึ้นไปก็จะเป็น 320 x 480 พิกเซล (หรือ HVGA) ส่วนโทรศัพท์ที่มีระดับสูงขึ้นเกินกว่าหมื่นบาทก็จะเป็น 480 x 800 พิกเซล (หรือ WVGA) จนล่าสุด HTC ออกจอความละเอียดระดับ qHD หรือหนึ่งในสี่ของความละเอียดระดับ Hi-Def ก็คือความละเอียดที่ 540 x 960 พิกเซลในรุ่น HTC Sensation ที่จะเข้ามาทำตลาดในไทยอีกไม่นานนี้ นอกจากนี้ก็ยังมีเรื่องหน้าจอแบบ Gorilla Glass Display ที่เป็นหน้าจอแบบกระจกซึ่งป้องกันรอยขีดข่วนได้อีกกว่ามาตรฐานจอกระจกทั่วไป ก็เริ่มมีการนำมาใช้กันอย่างแพร่หลายมากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น Samsung Galaxy S II, Motorola Defy, Nokia N8, Nokia X7, LG Optimus 2X, HTC Sensation, HTC Desire S, HTC Wildfire S เป็นต้น
กล้องบนมือถือพัฒนาที่กำลังก้าวข้ามไปอีกระดับที่คุณวางใจได้
กล้องที่ติดกับโทรศัพท์สมาร์ทโฟน ถือว่าเป็นจุดขายสำคัญลำดับต้นๆ ที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญและให้ราคาแก่สินค้าที่ตนเองจะเลือก วันนี้เทคโนโลยีกล้องบนสมาร์ทโฟนก็มีการพัฒนาก้าวข้ามไปอีกระดับหนึ่งแล้ว โดยสามารถทำงานได้ไม่แพ้ฟังก์ชันกล้องดิจิตอลแบบพกพาเลยทีเดียว ไม่ว่าจะรองรับเรื่องสภาพแสงที่ต่ำ การจับใบหน้าบุคคลหรือรอยยิ้มก่อนที่จะถ่าย การปรับเอฟเฟ็คสี การตั้งเวลาถ่ายอัตโนมัติ การป้องกันภาพสั่นไหวขณะถ่าย การแท็กตำแหน่งพิกัดดาวเทียมไปกับภาพ (Geo-Tagging) การปรับสมดุลแสง(white balance) การชดเชยแสงที่ต้องการ การมีไฟแฟลชแบบ Xenon ที่ให้ระยะแสงได้ไกลๆ หรือจะพูดถึงความละเอียดที่ไล่กันไปทั้งแต่ 3 ล้าน 5 ล้าน 8 ล้าน หรือ 12 ล้านพิกเซลในระดับไฮเอนด์สูงสุดที่มีวันนี้ หรือแม้แต่ลูกเล่นล่าสุดที่มีใน HTC Sensation ที่กดปุ๊บก็จะถ่ายปั้บทันที(Zero lag time) ให้ความรู้สึกเหมือนใช้กล้องดิจิตอลดีๆ นี่เอง ส่วนในเรื่องของการถ่ายวิดีโอเทคโนโลยีล่าสุดก็สามารถถ่ายได้ในความละเอียดระดับ HD (High Defination) ที่ความละเอียด 720p ตัวอย่างเช่น HTC Desire S, HTC Desire HD, HTC Incredible S, Samsung Galaxy S Plus, Nokia N8, Nokia X7, Sony Ericsson Xperia Neo, Xperia Arc หรือในรุ่นไฮเอนด์สุดๆก็ถ่ายได้ถึงระดับ Full HD ที่ความละเอียด 1080p กันเลยทีเดียว ตัวอย่างรุ่น Samsung Galaxy S II, LG Optimus 2X, HTC Sensation ซึ่งส่วนใหญ่รุ่นที่รองรับระดับ Full HD เหล่านี้ก็มักจะมีช่องต่อออกไปสู่ทีวีจอยักษ์กันผ่านช่องต่อแบบ HDMI อีกด้วย ส่วนเทคโนโลยีกล้อง 3 มิตินั้นจะสังเกตได้ง่ายๆว่ามีด้านหลังโทรศัพท์จะมีสองเลนส์หรือเป็นเลนส์คู่เพื่อให้ผู้ใช้ถ่ายภาพนิ่งและภาพวิดีโอเป็นแบบ 3 มิติและดูจากโทรศัพท์ผ่านหน้าจอโดยไม่ต้องสวมแว่น 3 มิติเลย ตัวอย่างรุ่น LG Optimus 3D (ตัวแรกของโลก) และ HTC EVO 3D สำหรับกล้องด้านหน้าหรือกล้องที่ไว้ใช้ในการทำ VDO Call นั้นปัจจุบันก็มีการขยับความละเอียดกันไปมากกว่าแบบเดิมๆ(สามแสนพิกเซล) ไปที่ระดับ 1.3 ล้าน 2 ล้าน หรือ 3 ล้านพิกเซลกันเลยทีเดียว แต่ในมุมส่วนตัวของผมกล้องหน้าไม่สำคัญมากเท่าไร ขอให้มีไว้เผื่อว่าเป็นพอ เมื่อไร 3G เกิดในบ้านเราอย่างเต็มที่ เราก็อาจจะได้ใช้ได้เลย แต่อีกมุมหนึ่งสาวๆก็มักจะชอบเอากล้องหน้าไว้ถ่ายรูปตัวเองเล่นๆอย่างมีความสุขไปอีกด้านหนึ่งถ้าอย่างนั้นก็หารุ่นที่กล้องหน้าละเอียดๆไว้หน่อยก็จะตอบโจทย์ได้
อื่นๆเป็นส่วนประกอบปลีกย่อยที่ช่วยในการตัดสินใจเพิ่มเติม
เรื่องของโครงสร้างตัวบอดี้ของเครื่อง ซึ่งหลายๆค่ายก็พยายามทำออกมาให้แข็งแกร่ง ที่กำลังมาแรงก็เป็นแบบที่ทำมาจากโครงสร้างโลหะเบาชิ้นเดียวขึ้นรูป (Uni-Body) อย่าง HTC Sensation, HTC Desire S เป็นต้น หรือจะเป็นเรื่องของหน่วยความจำในตัวเครื่อง ที่มีตั้งแต่ระดับร้อยเม็กกะไบต์ ไปจนถึงระดับกิ๊กกะไบต์ 8G, 16 GB, 32 GB แต่ถ้าเพิ่มขึ้นได้ด้วย Micro SD อีกก็ยิ่งจะดียิ่งขึ้น หรือจะเป็นเรื่องของ UI – User Interface ก็คือรูปแบบเมนูต่างๆ ที่เราคุ้นๆกันดีก็น่าจะเป็นแบบของ iPhone หรือถ้าเป็น Android ก็จะมีรูปแบบที่หลากหลายแล้วแต่ละยี่ห้อกันไป ถ้าเป็น HTC ก็จะเป็น Sense UI, Samsung ก็จะเป็น Touch Wiz UI, Sony Ericsson ก็จะเป็น Timescape UI เป็นต้น ทั้งนั้นทั้งนี้ก็อยู่ที่ความชอบของแต่ละบุคคลกันไปนะครับ สุดท้ายก็จะเป็นเรื่องความถี่ 3G ที่รองรับอยู่ในเครื่องว่ารุ่นไหนรองรับความถี่ 3G ของใครบ้าง ถ้าใช้ TOT ก็จะเป็นความถี่ 2100 MHz ซึ่งมีรองรับอยู่แล้วในทุกรุ่นของสมาร์ทโฟน แต่ถ้าเป็น 3G ของค่าย AIS ก็ต้องรองรับความถี่ 900 MHz ด้วย ส่วนถ้าเป็น DTAC หรือ True Move ก็ต้องรองรับความถี่ 850 MHz ด้วย อันนี้ก็แล้วแต่ว่าจะเอาไปใช้กับค่ายไหน อย่างไรก็ดี เราควรเลือกตามความชอบ ตามความต้องการในการใช้งาน และตามงบประมาณที่มีหรือตั้งใจไว้ อย่าไปตามคนอื่นหรือตามแฟนชั่นจนเกินความจำเป็นนะครับ เดินสายกลางอยู่ในระดับความพอเพียงอย่างที่ในหลวงท่านทรงรับสั่งไว้น่าจะดีที่สุด
งาน Thailand Mobile Expo 2011 Hi-End วันที่ 2-5 มิถุนายนที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เกาะติดโปรโมชั่นและแท็บเล็ตสมาร์ทโฟนใหม โปรโมชั่นต่าง ๆ เข้าไปที่เวบไซต์ได้เลยที่ www.thailandmobileexpo.com
ที่มาบทความ…..นิตยสาร What’s Phone
โดย…..ปีเตอร์กวงควงมือถือ