ทีโอทีจรด ปากกาเซ็นสามารถฯถือฤกษ์ 08.29 น. วางโครงข่าย 3จีทั่วประเทศ 5,320 แห่งครอบคลุม 57 จังหวัด อัดเน็ตเวิร์กในกทม.ที่เดียกว่า 2,000 แห่ง เพิ่มคาปาซิตี้ 4 เท่ารองรับการใช้งานลูกค้าได้เต็มที่ คาดปีแรกมีรายได้ 1,700 ล้านบาท ลูกค้า 1.3 ล้านราย ความเร็วสูงสุด 14.4 เมก เปิดบริการได้ภายในไตรมาส 4 ปีนี้แน่นอน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (9 พ.ค.) เวลา 08.29 น. บมจ.ทีโอที ได้ลงนามเซ็นสัญญาว่าจ้างผู้ชนะการประมูลขยายโครงข่าย 3จีมูลค่า 15,999 ล้านบาท กับกิจการร่วมค้าเอสแอล คอมซัลเตียมอย่างเป็นทางการ โดยตัวแทนทีโอทีประกอบ ด้วยนายอานนท์ ทับเที่ยง กรรมการผู้จัดการใหญ่ นายกำธร ไวทยกุล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ นางวัชรี ทัพเจริญ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการเงิน นางศริญญา ไชยประเสริฐ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สำนักพัสดุ และกฎหมาย นอกจากนี้ ยังมี นายเจริญรัฐ วิไลลักษณ์ ประธานกรรมการบริหาร บมจ. สามารถคอร์ปอเรชั่น นายวสันต์ จาติกวณิช กรรมการผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ล็อกซ์เล่ย์ นาย อานนนท์ กล่าวว่า โครงสร้างโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ 3 จี จะเป็นการสนับสนุนนโยบายบรอดแบรนด์แห่งชาติ และกระทรวงไอซีที ในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมของประเทศ และแผนแม่บทไอซีที ฉบับที่ (2552 – 2556) เพื่อให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง (บรอดแบนด์) ได้ในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ช่วยเพิ่มสัดส่วนการใช้อินเทอร์เน็ตต่อประชากรให้สูงขึ้น ช่วยลดต้นทุนการผลิตพัฒนา และยกระดับคุณภาพชีวิตขิงคนในประเทศทั้งในด้าน การศึกษา เศรษฐกิจ การแพทย์ และสาธารณสุข และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ที่สำคัญจะทำให้ ทีโอที สามารถดำเนินธุรกิจด้วยตนเอง เพื่อทดแทนการพึงพารายได้จากสัมปทาน และทำให้ทีโอที สามารถขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง
การลงนามครั้งนี้ จะประกอบด้วย การสร้างระบบโครงข่ายหลัก ( คอร์ เน็ตเวิร์ก) จำนวน 1 ระบบ ระบบสถานีฐาน จำนวน 4772 แห่ง แบ่งเป็นในกทม. 2,320 แห่ง ระบบสื่อสาร ระบบบริหารจัดการโครงข่าย จำนวน 1 ระบบ ระบบบริการเสริมพื้นฐาน จำนวน 1 ระบบ ระบบสนับสนุนการให้บริการ จำนวน 1 ระบบ รวมการติดตั้งอุปกรณ์และการจัดเตรียมสถานที่ (Site Preparation ) และสนับสนุนและบำรุงรักษาโครงข่าย สำหรับรายละเอียดในแผนการขยายโครงข่าย (Roll out) จะดำเนินการติดตั้งสถานีฐานทั่วประเทศจำนวน 5,320 แห่ง ครอบคลุม 57 จังหวัด โดยจะเป็นการสร้างสถานีฐานใหม่จำนวน 4772 สถานี และย้ายสถานีฐานเดิม จากใจกลางกรุงเทพฯไปติดตั้งในปริมณฑลกรุงเทพ แทนจำนวน 548 สถานี ซึ่งหลังจากที่ได้ลงนามในสัญญาแล้ว คาดว่าประมาณกลางไตรมาสที่ 4 ของปี 2554 ประชาชนจะได้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ 3 จี เต็มรูปแบบในกรุงเทพฯปริมณฑลและ 13 จังหวัดหลัก หลังจากนั้นภายในกลางปี 2555 จะสามารถใช้งานได้ทุกจังหวัดทั่วประเทศ
ทั้งนี้ การเปิดให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ 3 จี จะแบ่งเป็น 3 ระยะ ซึ่งหลังจากที่มีการลงนามเซนสัญญาว่าจ้างผู้รับเหมาแล้ว คาดว่าจะสามารถติดตั้งอุปกรณ์สำหรับใช้บริการแล้วเสร็จในพื้นที่สำคัญ ซึ่งมีประชากรหนาแน่นโดยแบ่งเป็น 3 ระยะ คือ เฟส 1 – 2 คาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการได้ภายใน 180 วัน คือ กทม ทุกพื้นที่ และปริมณฑลอีก 4 จังหวัด และ 13 จังหวัดเช่น ชลบุรี ระยอง สงขลา สุราษฎร์ธานี ภูเก็ต เชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง พิษณุโลก อุดรธานี นครราชสีมา ขอนแก่น และหนองคาย เป็นต้น โดยจะสามารถเริ่มให้บริการได้ภายใน 90 วัน และเฟสสุดท้าย จะขยายไปยังจังหวัดในประเทศเพื่อให้ครอบคลุมต่อจำนวนประชากร 70 % ภายใน 360 วัน โดยทีโอที จะพิจารณาพื้นที่ทีมีความต้องการสูง
ปัจจุบันทีโอที มีลูกค้าผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ทีโอที 3จีประมาณ 200 000 เลขหมาย โดยตั้งเป้าหมายปี 2554 จะมีลูกค้าประมาณ 1.3 ล้านเลขหมายรายได้ปีแรก 1,700 ล้านบาท และเพิ่มเป็น 7 ล้านเลขหมายในปี 2558 มีส่วนแบ่งการตลาดไม่น้อยกว่า 8 % โดยแผนการตลาด ทีโอที จะขยายผ่านบริการขายต่อบริการบนโครงข่ายเสมือน (เอ็มวีเอ็นโอ) เป็นหลัก และจะทำตลาดเองบางส่วน โดยทำการตลาดควบคู่ไปกับบรอดแบนด์ เอดีเอสแอลของทีโอทีเอง และโทรศัพท์ประจำที่ (ฟิกซ์ไลน์) ด้วยความเร็วสูง 14.4 เมกะบิต
ที่มา – bangkokbiznews