Internet of Things หรือ IoT กำลังทำให้เกิดการใช้ไอทีสวมใส่แบบต่างๆ โดยรวมถึงแอพพลิเคชั่นเกี่ยวกับไลฟ์สไตล์และความเป็นอยู่ ซึ่งต้องใช้อุปกรณ์รองรับที่แตกต่างบนเครือข่ายเคลื่อนที่ เมื่อมีเครือข่ายโทรศัพท์มือถือที่ครอบคลุมร้อยละ 90 ของประชากรทั่วทั้งโลกแล้ว ผู้บริโภคจึงคาดหวังว่าไอทีสวมใส่ของพวกเขาจะได้รับประโยชน์จากการแพร่หลายของการเชื่อมต่อเหมือนกับของฟีเจอร์โฟนและสมาร์ทโฟน ในการที่จะตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้นและการขยายตัวของแอพพลิเคชั่น IoT ใหม่ๆ ที่กล่าวมานี้ อีริคสัน โซนี่โมบายล์ และเอสเคเทเลคอมกำลังดำเนินการทดสอบและทดลองอุปกรณ์และนวัตกรรมเครือข่ายใหม่ๆ เพื่อเพิ่มความปลอดภัยและทำให้การเชื่อมต่อโครงข่าย LTE เป็นที่แพร่หลายสำหรับอุปกรณ์ IoT ที่มีราคาต่ำและใช้พลังงานต่ำด้วย
– ไอทีสวมใส่สำหรับ Internet of Things ช่วยให้ทำให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงแอพพลิเคชั่นใหม่ที่สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์และเสริมสร้งสุขภาพได้มากขึ้น รวมถึงอุปกรณ์ไอทีสวมใส่ใหม่ๆจากบริษัทโซนี่ โมบายล์ คอมมูนิเคชั่น (โซนี่ โมบายล์) ซึ่งจะมีราคาที่ถูกและใช้พลังงานน้อยให้เชื่อมต่อเข้ากับเครือข่ายมือถือของอีริคสัน
– เริ่มการทดลองในแลปที่แลปของอีริคสันในช่วงต้นเดือนกันยายนและตามด้วยการทดลองนอกสถานที่ในเกาหลีบนเครือข่ายของเอสเคเทเลคอม
– การทดสอบและทดลองไอทีสวมใส่นั้นเป็นส่วนหนึ่งของความร่วมมือระหว่างเอสเคเทเลคอมกับอีริคสันในการพัฒนาเทคโนโลยีสำหรับ Internet of Small Things หรือ small IoT
ปาร์ค จินโฮ รองประธานกรรมการอาวุโสและหัวหน้าฝ่ายศูนย์เครือข่าย R&D ของเอสเคเทเลคอม กล่าวว่า “พวกเราทำงานกับอีริคสันและโซนี่โมบายล์เพื่อทดลองทั้งเทคโนโลยีเครือข่ายเคลื่อนที่และอุปกรณ์ที่รองรับ IoT ที่พัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของลูกค้าทั้งที่บ้านและที่ทำงาน โดยการทดสอบล่าสุดเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงความตั้งใจของเราที่จะสร้างวัฏจักร IoT ทั่วโลกให้แข็งแกร่งมากขึ้น”
อีริคสัน โซนี่โมบายล์และเอสเคเทเลคอมทำการทดสอบการทำงานหลักของอุปกรณ์รองรับ LTE ประเภท 0 และ M (การสื่อสารแบบ Machine Type) ในแลปกระจายสัญญาณวิทยุในเมืองคิสต้า สวีเดนในช่วงต้นเดือนกันยายน การทดลองนอกสถานที่ถูกจัดตารางไว้แล้วโดยผ่านเครือข่ายของเอสเคเทเลคอมในเกาหลีในปีนี้ LTE ประเภท 0 นั้นเป็นมาตรฐานใน 3GPP LTE Release 12 และเป็นอุปกรณ์ประเภทแรกที่เน้นไปที่การลดความยุ่งยากซึ่งจะทำให้ราคาลดลงไปด้วยสำหรับ IoT ส่วนประเภท M นั้นเป็นธีมหลักใน LTE Release 13 ที่แสดงให้เห็นถึงการลดค่าใช้จ่ายลงไปอีกและยังปรับปรุงเวลาการใช้งานของแบตเตอรี่ให้นานขึ้น
อิซูมิ คาวานิชิ รองประธานกรรมการบริหารฝ่ายธุรกิจและสินค้าของโซนี่โมบายล์กล่าวว่า “โซนี่โมบายล์นั้นให้ความสนใจการเข้าไปมีส่วนในอาณาจักร IoT และกลยุทธิ์ของเราที่จะเข้าไปสู่ตลาดส่วนนี้เป็นสิ่งที่สำคัญมาก แทบไม่ต้องสงสัยเลยว่าตลาดสำหรับอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อเครือข่าย ไม่ว่าจะเป็นรูปทรง ขนาด หรือประเภทไหนก็ตามนั้นจะพัฒนาโดยการก้าวไปข้างหน้าอย่างเต็มที่ เราเชื่อว่าการทดลองร่วมกับอีริคสันและเอสเคเทเลคอมนั้นเป็นก้าวที่สำคัญเพื่อเข้าไปสู่โลกแห่ง IoT และเป็นการตระหนักถึงการแก้ไขปัญหาที่จะทำให้ประบการณ์ที่ผู้ใช้ได้รับดียิ่งขึ้น”
ไอทีสวมใส่และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องนั้นได้รับเลือกมาให้กับสถานการณ์ต่างๆ ของผู้ใช้โดยนำมาทดสอบและทดลอง การทดสอบไอทีสวมใส่นี้มุ่งเน้นไปที่แอพพลิเคชั่นไลฟ์สไตล์และความเป็นอยู่ของผู้บริโภคโดยที่ทำงานผ่านเซ็นเซอร์ต่างๆ มากมายที่ให้บริการทั้งเซ็นเซอร์วัดความเร่ง วัดการมีอยู่ วัดชีพจร และการใช้งาน GPS ไอทีสวมใส่นั้นถูกทำให้เป็นอุปกรณ์ที่รองรับ IoT ที่เล็กกระทัดรัด ราคาถูก ใช้พลังงานน้อยโดยมีเครือข่ายและเกณฑ์การวัดประสิทธิภาพการทำงานของอุปกรณ์ที่เฉพาะเจาะจง ในการทดสอบพิสูจน์แล้วว่า LTE นั้นรองรับการเผยแพร่ในวงกว้างและความปลอดภัยของการอัพโหลดและดาวน์โหลดการเชื่อมต่อที่แอพพลิเคชั่นที่กล่าวมานั้นต้องมี
คุณอรุณ บันไซ รองประธานกรรมการและหัวหน้าของแผนกธุรกิจการเผยแพร่สัญญาณวิทยุของอีริคสันกล่าวว่า “เรากำลังทำงานร่วมกับหุ้นส่วนที่สำคัญในวัฎจักรนี้อย่างเอสเคเทเลคอมและโซนี่โมบายล์เพื่อเร่งให้มีการนำแอพพลิเคชั่น IoT ใหม่ๆ มาใช้ทั้งผู้บริโภคและภาคอุตสาหกรรม การทดสอบและการทดลองที่เรากำลังทำอยู่นี้ซึ่งกำลังยกระดับอุปกรณ์ใหม่ๆ ของโซนี่รวมทั้งเทคโนโลยีเครือข่ายเคลื่อนที่ในแลปกระขายสัญญาณวิทยุและในเครือข่ายทางการค้าของเอสเคเทเลคอมนั้นมั่งเน้นไปที่แอพพลิเคชั่นเกี่ยกับไลฟ์สไตล์และความเป็นอยู่ โดยได้รับประโยชน์อย่างมากจากการเชื่อมต่อผ่านเครือข่ายเคลื่อนที่ที่มีความปลอดภัยและมีอยู่ทั่วไปซึ่งเป็นสิ่งที่เทคโนโลยีด้านโทรศัพท์มือถือรองรับ”
อีริคสันเพิ่งประกาศฟังก์ชั่นของซอฟแวร์เครือข่าย 16B ที่มุ่งเน้นในการเร่งให้เกิดการนำแอพพลิเคชั่น IoT มาใช้โดยยกระดับพื้นฐาน เพิ่มความน่าเชื่อถือ ความปลอดภัย และวัฎจักรที่รองรับโครงข่าย LTE และ GSM ซึ่งจะสร้างเป็นช่องทางให้ IoT ได้เติบโตขึ้นไปอีก ลักษณะเหล่านี้รวมถึงการรองรับอุปกรณ์ IoT ราคาต่ำนั้นจะเพิ่มอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ให้ยาวนานกว่า 10 ปีและพัฒนาความครอบคลุมของแอพพิเคชั่น IoT ทั้งภายในและสถานที่ภายนอกที่ห่างไกลออกไปให้ดียิ่งขึ้น