อินเทล ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ ประกาศเปิดตัวชิปประมวลผลตระกูล อินเทล® คอร์™ โปรเซสเซอร์เจนเนอเรชั่นที่ 6 อย่างเป็นทางการแล้วในวันนี้ โดยถือเป็นชิปประมวลผลที่ยอดเยี่ยมที่สุดในประวัติศาสตร์ของอินเทล ทั้งยังเป็นตัวแทนของจุดเปลี่ยนในด้านความสัมพันธ์ระหว่างคอมพิวเตอร์กับผู้ใช้งานอีกด้วย อินเทล® คอร์™ โปรเซสเซอร์รุ่นที่ 6 นี้ มีประสิทธิภาพที่โดดเด่นกว่ารุ่นก่อน ๆ พร้อมมอบประสบการณ์ใหม่ที่น่าตื่นตาตื่นใจ แต่กลับใช้พลังงานต่ำเป็นประวัติการณ์ และยังรองรับอุปกรณ์สารพัดรูปแบบได้อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน นับตั้งแต่คอมพิวต์ สติ๊ก ขนาดจิ๋ว และ แล็ปท็อปแบบทูอินวัน ไปจนถึงเดสก์ท็อปแบบออลอินวัน และเวิร์กสเตชั่นทรงพลังในรูปแบบพกพา
ในปัจจุบัน มีคอมพิวเตอร์กว่า 500 ล้านเครื่องทั่วโลกที่ผ่านการใช้งานมาแล้ว 4-5 ปีเป็นอย่างต่ำคอมพิวเตอร์เหล่านี้ อาจใช้เวลานานในขั้นตอนการเปิดเครื่องใช้งาน แบตเตอรี่ไม่ทนทาน และไม่สามารถสร้างประสบการณ์การใช้งานในรูปแบบใหม่ดังเช่นคอมพิวเตอร์รุ่นล่าสุดได้ อินเทล® คอร์™ โปรเซสเซอร์ เจนเนอเรชั่นที่ 6 พัฒนาขึ้นจากสถาปัตยกรรม “สกายเลค” ระดับ 14 นาโมเมตร จึงสามารถมอบประสิทธิภาพที่รวดเร็วขึ้นสูงสุดถึง 2.5 เท่าตัว แบตเตอรี่ใช้งานได้นานขึ้น 3 เท่าตัว และมีสมรรถนะด้านกราฟฟิกที่ดีกว่าเดิมถึง 30 เท่าตัว ทั้งเพื่อการเล่นเกมและรับชมคอนเทนท์วิดีโอ เมื่อเทียบกับคอมพิวเตอร์อายุ 5 ปีทั่วๆ ไป นอกจากนี้ แล็ปท็อปที่ใช้ชิปรุ่นล่าสุดนี้ยังอาจบางและเบากว่าถึงเท่าตัว พร้อมใช้งานอย่างรวดเร็วเมื่อเปิดเครื่อง และกินไฟน้อยจนแบตเตอรี่สามารถใช้งานได้เต็มวัน
“อินเทล® คอร์™ โปรเซสเซอร์ เจนเนอเรชั่นที่ 6 มาพร้อมกับสุดยอดเทคโนโลยีล้ำยุคมากมาย” นายสนธิญา หนูจีนเส้ง กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเทล ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว “คอมพิวเตอร์ที่ใช้ชิปรุ่นนี้จะตอบสนองทุกการใช้งานได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น ด้วยประสิทธิภาพ การใช้พลังงาน และระบบรักษาความปลอดภัยที่ยอดเยี่ยม ทั้งยังรองรับประสบการณ์การใช้งานเครื่องพีซีในรูปแบบใหม่ เช่นการล็อกอินเข้าใช้งานโดยจำหน้าผู้ใช้ หรือระบบผู้ช่วยส่วนตัวสุดอัจฉริยะที่สั่งงานได้ด้วยเสียง การเปิดตัวชิป อินเทล® คอร์™ โปรเซสเซอร์ เจนเนอเรชั่นที่ 6 นี้ ควบคู่กับระบบปฏิบัติการวินโดวส์ 10 และคอมพิวเตอร์รุ่นใหม่จากผู้ผลิตทุกรายในตลาด ทำให้ช่วงเวลานี้เป็นจังหวะที่เหมาะสมที่สุดแล้วสำหรับการเลือกจับจองพีซีใหม่สักเครื่อง”
ชิป อินเทล® คอร์™ เจนเนอเรชั่นที่ 6 ขุมพลังเบื้องหลังดีไวซ์รุ่นล่าสุด
อินเทล® คอร์™ โปรเซสเซอร์ เจนเนอเรชั่นที่ 6 รองรับดีไวซ์ในหลากหลายรูปแบบ เพื่อตอบสนองกับทุกความต้องการในการใช้งาน อินเทล® คอร์™ เอ็ม โปเซสเซอร์ ซึ่งมีสมรรถนะสูงกว่าชิปประมวลผลในแท็บเล็ตระดับพรีเมียมทั่วไปถึงสองเท่าตัว จะออกทำตลาดภายใต้ชื่อ อินเทล คอร์ m3 m5 และ m7 โปรเซสเซอร์ เพื่อให้ลูกค้าสามารถเลือกอุปกรณ์ที่มีประสิทธิภาพตรงกับความต้องการได้ง่ายยิ่งขึ้น ส่วนอินเทล® คอมพิวต์ สติ๊ก พีซีขนาดจิ๋ว ก็ได้มีรุ่นใหม่ที่ใช้ชิป คอร์ เอ็ม เจนเนอเรชั่นที่ 6 ออกวางตลาดแล้วในประเทศไทยเช่นกัน
นอกจากนี้ ชิปอินเทลรุ่นล่าสุดนี้ยังนำเสนอนวัตกรรมใหม่สำหรับอุปกรณ์ในกลุ่มโมบายล์อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นชิปตระกูล K ที่เปิดโอกาสให้ผู้ใช้งานสามารถปลดล็อกสมรรถะได้อย่างเต็มที่ด้วยการโอเวอร์คล็อก ชิป อินเทล® คอร์™ i5 แบบควอดคอร์ ที่ทำให้การใช้งานหลายแอพพร้อมกันรวดเร็วขึ้นสูงสุดถึง 60% และชิป อินเทล® ซีออน® E3 สำหรับแล็ปท็อปเพื่อการทำงานระดับเวิร์กสเตชัน ส่วนในด้านกราฟฟิก อินเทล® คอร์™ โปรเซสเซอร์ เจนเนอเรชั่นที่ 6 พร้อมมอบสมรรถนะการแสดงผลที่สูงขึ้น ทั้งในการเล่นเกม หรือการตัดต่อและเล่นวิดีโอความละเอียดระดับ 4K ขณะที่เทคโนโลยี อินเทล® สปีด ชิฟท์ ทำให้เครื่องแล็ปท็อปสามารถตอบสนองต่อคำสั่งได้รวดเร็วยิ่งขึ้น เช่นในกรณีของการแต่งภาพด้วยฟิลเตอร์ ซึ่งอาจเร็วขึ้นได้สูงสุดถึง 45%
อินเทล คอร์ และอินเทล ซีออน โปรเซสเซอร์ ในเจนเนอเรชั่นที่ 6 นี้ ยังมีคุณสมบัติเด่นอีกมากมาย เช่นการรองรับเทคโนโลยี ธันเดอร์โบลท์™ 3 เพื่อให้พอร์ทยูเอสบี ไทพ์-ซีสามารถรองรับทุกอุปกรณ์ได้ในพอร์ทเดียว ส่วนเทคโนโลยีกล้อง อินเทล® เรียลเซนส์™ ที่สามารถอ่านความลึกของภาพที่ถ่ายได้ในแบบสามมิติ จะมีให้เลือกใช้ในเครื่องทูอินวัน แล็ปท็อป และเดสก์ท็อปแบบออลอินวันหลายรุ่น โดยจะทำให้ผู้ใช้สามารถถ่ายภาพเซลฟี่แบบสามมิติ สแกนและพิมพ์วัตถุด้วยเครื่องพรินเตอร์สามมิติ หรือลบและเปลี่ยนฉากหลังได้ในขณะใช้แอพสนทนาผ่านวิดีโอ
อินเทล® คอร์™ โปรเซสเซอร์ เจนเนอเรชั่นที่ 6 ถือเป็นก้าวต่อไปในแนวทางการพัฒนาสู่โลกไร้สายของอินเทล ด้วยการรองรับเทคโนโลยี อินเทล® ไวได (WiDi) และ โปร ไวได (Pro WiDi) อย่างเต็มรูปแบบ เพื่อให้สามารถแสดงภาพจากเครื่องพีซีได้ทั้งบนจอโทรทัศน์ มอนิเตอร์ หรือโปรเจกเตอร์ โดยไม่ต้องต่อสายหรือเสียบดองเกิล
สำหรับผู้ใช้วินโดวส์® 10 ชิป อินเทล® คอร์™ โปรเซสเซอร์ เจนเนอเรชั่นที่ 6 ก็รองรับคุณสมบัติใหม่ของระบบปฏิบัติการรุ่นนี้อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็น คอร์ทานา หรือ วินโดวส์ เฮลโล เพื่อเปิดประตูสู่โลกของการใช้งานและตอบโต้กับดีไวซ์อย่างเป็นธรรมชาติ พีซีที่ติดตั้งกล้อง อินเทล เรียลเซนส์ และรองรับเทคโนโลยี วินโดวส์ เฮลโล จะสนับสนุนการล็อกอินเข้าใช้งานด้วยการจดจำใบหน้า ส่วนเทคโนโลยี ทรู คีย์™ โดยอินเทล ซีเคียวริตี้ ก็จะช่วยให้พีซีที่ใช้อินเทล® คอร์™ โปรเซสเซอร์ เจนเนอเรชั่นที่ 6 หลายรุ่น รองรับการล็อกอินเข้าใช้งานเครื่องหรือเว็บไซต์ต่างๆ ได้โดยไม่ต้องจำรหัสผ่าน
ดีไวซ์ประเภทแล็ปท็อป ทูอินวัน และเดสก์ท็อปที่มาพร้อมกับชิป อินเทล® คอร์™ เจนเนอเรชั่นที่ 6 ได้เริ่มทยอยเปิดตัวออกสู่ตลาดในประเทศไทยแล้วในไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ส่วนผู้ใช้งานระดับสูงที่ต้องการประกอบเครื่องเดสก์ท็อปด้วยตนเอง ก็สามารถเป็นเจ้าของชิป อินเทล คอร์ i5 และ i7 ในเจนเนอเรชั่นที่ 6 ได้แล้ววันนี้
เตรียมพบกับหน่วยประมวลผลกราฟฟิก อินเทล® ไอริส™ เทคโนโลยี อินเทล® วีโปร™ สำหรับภาคธุรกิจ พร้อมด้วยอุปกรณ์ IoT รุ่นล่าสุดเร็ว ๆ นี้
ในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ อินเทลจะเปิดตัวอินเทล® คอร์™ โปรเซสเซอร์ เจนเนอเรชั่นที่ 6 เพิ่มเติมอีกมากกว่า 48 รุ่น โดยจะมาพร้อมกับหน่วยประมวลผลกราฟฟิก อินเทล® ไอริส™ และ ไอริส โปร ขณะที่ อินเทล ซีออน โปรเซสเซอร์ ซีรีส์ E3-1500M สำหรับเครื่องเวิร์กสเตชันแบบพกพา และ อินเทล® วีโปร™ โปรเซสเซอร์ เจนเนอเรชั่นที่ 6 สำหรับภาคธุรกิจ ก็จะทยอยออกวางจำหน่ายเร็ว ๆ นี้เช่นกัน ลูกค้าสามารถจับจองอุปกรณ์ที่ใช้ชิปรุ่นล่าสุดนี้ได้แล้ววันนี้ โดยผู้ผลิตอุปกรณ์จากทั่วโลกจะพากันเปิดตัวพีซีและแท็บเล็ตรุ่นใหม่ที่ใช้ชิปรุ่นที่ 6 ออกสู่ตลาดอีกมากมายหลายรุ่น นอกจากนี้ อินเทลเองยังมีผลิตภัณฑ์ Internet of Things (IoT) ที่ใช้อินเทล® คอร์™ โปรเซสเซอร์ เจนเนอเรชั่นที่ 6 อีกถึง 25 รุ่น ที่รองรับอายุการใช้งานสูงสุดถึง 7 ปี ใช้งานฟังก์ชัน ECC (error-correcting code) ได้ในหลายระดับพลังงาน และออกแบบมาเพื่อการใช้งานในระบบ IoT อย่างเต็มรูปแบบ ตั้งแต่อุปกรณ์ปลายทางไปจนถึงระบบคลาวด์ที่เป็นศูนย์กลาง จึงเหมาะสมสำหรับการใช้งานทั้งในวงการค้าปลีก การแพทย์ ภาคอุตสาหกรรม หรือแม้แต่ระบบรักษาความปลอดภัย