ในงานอะโดบีแม็กซ์ 2015 (Adobe MAX 2015) การประชุมด้านการสร้างสรรค์ระดับโลกประจำปีที่จัดโดยอะโดบี มีการประกาศวิสัยทัศน์ของอะโดบี คือ “พื้นที่สร้างสรรค์ไร้ขีดจำกัด” หรือ “connected creative canvas” ซึ่งทำให้ทุกคนสามารถสร้างสรรค์ และเผยแพร่ผลงานของตัวเองได้จากทุกที่ ด้วยโปรแกรมบนคอมพิวเตอร์และบนอุปกรณ์พกพาที่หลากหลายที่ Adobe Creative Cloud มีให้บริการ สมาชิก Creative Cloud หลายล้านคนทั่วโลกได้แสดงความสามารถ ผลงานการสร้างสรรค์ ค้นหาแรงบันดาลใจจากผลงานสร้างสรรค์ของสมาชิกท่านอื่นๆ และแสดงความสามารถของตัวเองออกสู่ตลาดโลกที่เติบโตขึ้นทุกวัน
และเพื่อที่จะช่วยให้กระบวนการนี้พัฒนาต่อเนื่องขึ้นไป ทางอะโดบีจึงได้ออกแอพพลิเคชั่นสำหรับอุปกรณ์พกพาใหม่ขึ้นมาอีกสองแอพพลิเคชั่นในวันนี้ คือ Photoshop Fix และ Capture CC ที่จะทำให้การรีทัช การสร้าง การเก็บผลงานและแรงบัลดาลใจทำได้ในทุกที่ สำหรับโปรแกรมบนคอมพิวเตอร์ยอดนิยม เช่น Photoshop CC, Illustrator CC และ Premiere Pro CC ยังใช้ความสามารถในการทำงานโดยการสัมผัสหน้าจอโดยตรงเพิ่มขึ้นได้อีกด้วย นอกจากนี้ อะโดบียังทำให้การทำงานเชื่อมต่อกันระหว่างคอมพิวเตอร์เดสค์ทอป และอุปกรณ์พกพาเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วยการพัฒนาเทคโนโลยี CreativeSync ของอะโดบีให้ดีขึ้นกว่าเดิม และในอนาคตอันใกล้นี้ ทุกคนจะสามารถนำวิดิโอขึ้นไปจำหน่ายบน Adobe Stock ที่ไม่จำกัดอยู่แค่ภาพถ่าย ภาพวาด และกราฟฟิคอีกต่อไป
ในงาน Adobe Max 2015 ที่ ลอส แองเจลีส ครั้งนี้ มีผู้สนใจจากหลากหลายวงการและสาขาอาชีพกว่า 7000 คนเข้าร่วมชมงานที่จัดขึ้นเพื่อเรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ๆ ค้นหาแรงบันดาลใจ และทำความรู้จักกับเพื่อนในวงการสร้างสรรค์จากทั่วโลก ซึ่งในปีนี้ ผู้กำกับภาพยนตร์ Baz Luhrmann, ช่างภาพและผู้ก่อตั้ง Human of New York Brandon Stanton, นักเขียนและนักวาดภาพประกอบ Maira Kalman และศิลปินนักออกแบบและนักเขียน Elle Luna ได้รับเชิญมาแสดงผลงานสร้างสรรค์ของแต่ละคนบนเวทีในช่วง Keynote ที่มีการถ่ายทอดสดผ่านอินเตอร์เน็ต ผู้สนใจสามารถเข้าไปชมได้ที่: http://www.adobe.com/go/maxkeynote
นาย ไบรอัน แลมคิน, รองประธานอาวุโสและผู้จัดการทั่วไปด้านดิจิตอลมีเดียของอะโดบีกล่าวว่า ” Creative Cloud กลายเป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับนักสร้างสรรค์ทั้งหลาย ด้วยการให้เครื่องมือและบริการที่สามารถตอบโจทย์นักสร้างสรรค์ทุกคนที่ต้องการ ในการอัพเดทครั้งล่าสุดนี้ เราได้ให้อิสระในการทำงาน และการหาแรงบันดาลใจในทุกสถานที่แก่ผู้ใช้งาน Creative Cloud ของเรา”
“สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับดีไซเนอร์ในปัจจุบันนี้ก็คือ การที่พวกเขาสามารถเข้าถึงวัตถุดิบ ติดต่อกับทีมงาน และการทำโครงการได้ทุกที่ทุกเวลา ซึ่งในการอัพเดท Creative Cloud ครั้งล่าสุดนี้ เทคโนโลยี Creative Sync อันเป็นเอกลักษณ์ของเรา ที่สามารถทำงานต่อเนื่องกันทั้งบนคอมพิวเตอร์ และบนอุปกรณ์พกพาได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถตอบสนองความต้องการนี้ได้เป็นอย่างดี” นาย ไบรอัน กล่าว
ทำงานดีไซน์ได้ทุกที่ด้วยโมบายล์แอพพลิเคชั่น
งานรีทัช และการปรับแต่งงานบนอุปกรณ์พกพาทำได้สะดวกขึ้นมาก ด้วยเทคโนโลยีเกี่ยวกับภาพที่มีชื่อเสียงระดับโลกของอะโดบี ความสามารถอันโดดเด่น เช่น Healing Brush และ Liquify ก็สามารถใช้งานด้วยนิ้วมือบน iPhone และ iPad ด้วยแอพพลิเคชั่นใหม่ที่ชื่อ Photoshop Fix ซึ่งออกมาให้ได้ใช้งานแล้ววันนี้
นักสร้างสรรค์สามารถเก็บทุกสิ่งที่เป็นแรงบันดาลใจได้ด้วยแอพพลิเคชั่น Adobe Capture CC แอพพลิเคชั่นนี้เป็นการรวม Adobe Brush, Adobe Shape, Adobe Color และ Adobe Hue เอาไว้ในแอพพลิเคชั่นเดียว ทำให้สามารถสร้าง Brush, Shape หรือชุดสีที่ใช้ได้ง่ายและสะดวกขึ้น นอกจากนี้ อะโดบียังมีการอัพเดทโมบายล์แอพพลิเคชั่นในชุด Creative Cloud เช่น Photoshop Mix, Photoshop Sketch, Comp CC และ Premiere Clip อีกด้วย
CreariveSync เทคโนโลยีที่ให้เราทำงานได้ทุกที่ทุกเวลา
หัวใจสำคัญของ Creative Cloud ก็คือ เทคโนโลยี CrestiveSync อันเป็นเอกลักษณ์ของอะโดบี ที่ทำให้สามารถเข้าถึงไฟล์ ภาพถ่าย ฟอนต์ เวคเตอร์กราฟฟิค บรัช ชุดสี การปรับแต่งค่า ข้อมูลเมตาดาต้า ฯลฯ ได้ในทุกอุปกรณ์ เช่น งานทุกชิ้นที่ทำในโมบายล์แอพพลิเคชั่นของอะโดบีจะถูกจัดเก็บเอาไว้ใน Creative Cloud Libraries ซึ่งสามารถเอาไปใช้งานต่อได้ทั้งในโปรแกรมบนคอมพิวเตอร์และโมบายล์แอพพลิเคชั่นตัวอื่นๆ และยังสามารถแชร์ให้ใครก็ได้ที่ใช้งาน Creative Cloud เอาไปทำงานต่อ ซึ่งจะทำให้ทำงานเป็นทีมได้อย่างง่ายดาย ทำให้แนวทางการออกแบบไปในทางเดียวกัน ไม่เกิดการเข้าใจผิดระหว่างคนในทีมอีกด้วย
-
Download Adobe Photoshop Fix for iOS
-
Download Adobe Capture CC for iOS
-
Download Adobe Capture CC for Android
Touch และการอัพเดทสำหรับโปรแกรม CC บนคอมพิวเตอร์
สำหรับโปรแกรมบนคอมพิวเตอร์ วันนี้อะโดบีมีการเพิ่มความสามารถใหม่ๆ เข้าไปอีกหลายประการ เป็นนวัตกรรมสำหรับการออกแบบ การทำเว็บ การออกแบบ UX วิดิโอ และทางด้านภาพถ่าย
– สำหรับการดีไซน์ อะโดบีขอเสนอ Touch Workspace ใน Indesign CC และ Illustrator CC ที่จะช่วยให้ศิลปินและกราฟฟิคดีไซเนอร์ทำงานสำหรับอุปกรณ์พกพาได้ง่ายขึ้น Illustrator CC ที่จะอัพเดทใหม่มีการเพิ่ม Shaper Tool, Live Shapes และ Enhanced Smart Guides สำหรับ InDesign CC นั้น จะสามารถนำงานที่ทำขึ้นตีพิมพ์แบบ Online Publishing ได้สะดวกขึ้น และ มีการเพิ่มโปรแกรม Adobe Fuse CC (preview) 3D สำหรับออกแบบ Character เข้ามาให้สมาชิก Creative Cloud ได้ใช้งาน ซึ่งตัวแบบสามมิติที่สร้างขึ้นนี้สามารถ Sync ผ่าน Creative Cloud Libraries เอาไปใช้ใน Photoshop CC ได้อีกด้วย ซึ่ง Fuse CC นี้เป็นผลมาจากการที่อะโดบีได้ซื้อกิจการ Mixamo ผู้สร้างสรรค์งาน 3D เมื่อไม่นานที่ผ่านมานี้
– สำหรับเว็บและการดีไซน์ UX สำหรับ Muse CC มีการเพิ่มความสามารถในการออกแบบ free-form responsive เข้ามา เพื่อทำให้สามารถสร้างเว็บไซต์ที่ใช้ได้กับทุกขนาดหน้าจอ ทุกบราวเซอร์ และทุกอุปกรณ์ได้ โดยที่ไม่ต้องเขียนโค้ตหรือติดอยู่กับเทมเพลตแบบเดิมที่ไม่สามารถปรับเปลี่ยนได้ และสำหรับนักพัฒนาเว็บ โปรแกรม Dreamweaver CC ก็ได้เพิ่มความสามารถในการออกแบบ Responsive Design ที่สามารถใช้เฟรมเวิร์คยอดนิยมอย่าง Bootstrap ได้อีกด้วย สำหรับ Photoshop CC Artboards ที่พัฒนาใหม่ทำให้สามารถวาง elements และ layers ได้แม่นยำและเห็นภาพรวมของการออกแบบชัดยิ่งขึ้น นอกจากนั้น ยังมี Design Space ที่สร้างขึ้นมาเพื่อให้สำหรับการออกแบบสะดวกขึ้นไปอีก สำหรับนักออกแบบ UX ยังมีโปรแกรม Project Comet ซึ่งเป็นโปรแกรมที่สร้างขึ้นเพื่อการออกแบบ UX ทั้งระบบเพิ่มขึ้นมาให้ใช้ในการอัพเดท Creative Cloud ครั้งนี้อีกด้วย
– สำหรับวิดิโอ อะโดบีขอแนะนำความสามารถที่เพิ่มขึ้นของโปรแกรม Premiere Pro CC นั่นก็คือ ความสามารถในการทำงานกับฟุตเตจระดับ UltraHD 4K ถึง 8K การปรับแต่งสีระดับสูง และยังรองรับกระบวนการทำงานแบบ High Dynamic Range (HDR) ได้ สำหรับ After Effects CC ก็มีการพัฒนาการปรับแต่ง และ color fidelity ให้ดียิ่งขึ้น ทางด้านเสียง ก็มีการเพิ่มความสามารถ Remix เข้ามาใน Audition CC อีกด้วย และสำหรับ Premiere Pro CC, After Effects CC และ Character Animator ก็มีการเพิ่มความสามารถทางด้านการสัมผัสหน้าจอเพื่อรองรับคอมพิวเตอร์หน้าจอสัมผัส เช่น Surface Pro, windows tablets หรือ Apple Track Pad อีกด้วย
อะโดบีสต๊อค (Adobe Stock) รองรับการซื้อขายวิดิโอ และเป็นทางเลือกใหม่ในการจำหน่ายมากยิ่งขึ้น
ที่ผ่านมา Adobe Stock ที่เปิดตัวขึ้นมาเมื่อเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2558 รองรับเฉพาะภาพถ่าย ภาพวาด และกราฟฟิคเท่านั้น แต่ในไม่ช้านี้ Adobe Stock จะรองรับวิดิโอเข้าสู่ระบบด้วย นอกจากนี้ Adobe Stock ยังเพิ่มความสามารถที่จะค้นหาสิ่งที่ต้องการได้โดยตรงใน Creative Cloud Libraries ซี่งที่ผ่านสามารถทำได้โดยตรงในโปรแกรมหลักๆ เช่น Photoshop CC, InDesign CC, Illustrator CC, Premiere Pro CC และ After Effect CC แต่จะสามารถเข้าถึงสิ่งที่ต้องการได้ใน Muse CC, Dreamweaver CC และ Flash Professional CC ได้อีกด้วย นอกจากนี้ Adobe Stock ยังมีทางเลือกสำหรับซื้อเพื่อทำงานด้านธุรกิจเพิ่มเข้ามา นั่นคือการซื้อแบบ Pooled Licenses ที่ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับผู้ใช้ Creative Cloud for Team และยังมีทางเลือกสำหรับบริษัทธุรกิจขนาดใหญ่ โดยจะมีระบบสนับสนุนด้าน License Management, Reporting Tools และการใช้งานสต๊อคขนาดใหญ่เพิ่มเข้ามา
เปิดตัว Adobe Portfolio
ในครั้งนี้ จะมีการเปิดตัว Adobe Portfolio เว็บไซต์สำหรับใช้แสดงผลงานเพื่อเผยแพร่ให้โลกได้รู้ว่าเรามีความสามารถแค่ไหน ซึ่งสมาชิก Creative Cloud ทุกคนสามารถสร้าง Portfolio ได้เอง และใช้ได้กับทุกสายงานอาชีพ ตั่งแต่งานภาพถ่าย, แฟชั่น ฯลฯ ผู้สร้างสรรค์สามารถปรับแต่ง Portfolio ให้เป็นแบบที่ตัวเองต้องการได้ และด้วยเทคโนโลยี Responsive web design ทำให้หน้าเว็บ Portfolio ดูดีในทุกขนาดหน้าจออีกด้วย สำหรับท่านที่ต้องการใช้ URL ส่วนตัว ต้องการตั้งรหัสผ่านก่อนเข้าชม และเลือกใช้ฟอนต์จาก Typekit ก็สามารถทำได้เช่นกัน Portfolio เป็นการสร้างสรรค์โดย Behance ชุมชนนักสร้างสรรค์ที่ใหญ่และมีสีสันมากที่สุดในโลกซึ่งมีผู้ใช้งานกว่า 5.6 ล้านคน และยังสามารถ Sync Adobe Portfolio ไปอยู่ใน Behance Project page เพื่อให้สมาชิก Behance ท่านอืนเข้ามาเห็นผลงานของเราได้ง่ายขึ้นอีกด้วย
การปรับปรุง Creative Cloud Photography
สำหรับแผนยอดนิยมอย่าง Creative Cloud Phothography plan ที่มีราคาสมาชิกเพียงเดือนละ 300 บาทนั้น ในวันนี้ อะโดบีได้อัพเดทความสามารถใหม่ให้กับ Photoshop CC และ Lightroom CC ด้วยการรองรับระบบสัมผัสหน้าจอขึ้นมา เพื่อให้ช่างภาพสามารถปรับแต่งภาพได้บนหน้าจอโดยตรง และยังสามารถใช้โมบายแอพพลิเคชั่นใหม่ Photoshop Fix ได้อีกด้วย อีกทั้งยังมีการเพิ่มกล้องให้กับโมบายแอพพลิเคชั่น Lightroom Mobile ที่ทำให้สามารถถ่ายภาพเข้าในแอพพลิเคชั่นได้โดยตรง โดยไม่ต้องใช้แอพกล้องตัวอื่นอีกต่อไป พร้อมความสามารถ Dehaze เพิ่มเข้ามาใน Lr Mobile สำหรับ Photoshop Mix จากนี้ไปจะไม่จำกัดการทำงานอยู่ที่สองเลเยอร์อีกต่อไป และสำหรับ Lightroom for Web ยังเพิ่มความสามารถในการปรับแต่งภาพให้มากขึ้นอีก และ Adobe Portfolio ก็จะถูกเพิ่มใน Photography plan นี้ด้วยเช่นกัน
ราคาและการวางจำหน่าย
โมบายแอพพลิเคชั่นทั้งที่เพิ่มขึ้นมาใหม่และที่อัพเดทจากเดิมนั้น สามารถดาวน์โหลดได้ฟรีจาก Apple App Store และ Google Play Now ได้ทันที ส่วนโปรแกรมสำหรับคอมพิวเตอร์นั้นจะพร้อมให้ใช้ภายในสิ้นเดือนนี้ ประเภทสมาชิกนั้นมีทั้งแบบส่วนบุคคล นักเรียนนักศึกษา แบบทีม สถาบันการศึกษา หน่วยงานของรัฐ และสำหรับองค์กรขนาดใหญ่ ถ้าต้องการใช้งาน Adobe Stock แบบรายเดือน ท่านสามารถเข้าไปใน Creative Cloud Membership plan โดยสามารถประหยัดเงินในการซื้อ Stock ได้ถึง 40% เมื่อเทียบกับการซื้อแยกต่างหาก หากต้องการทราบข้อมูลด้านราคาเพิ่มเติม สามารถเข้าชมได้ที่ https://creative.adobe.com/plans และสำหรับราคาและโปรโมชั่นพิเศษของ Adobe Stock จะมีจนถึงวันที่ 30 ตุลาคมนี้ สามารถเข้าไปชมได้ที่ https://stock.adobe.com/plans