หลังจากที่ได้ติดตามข่าวมาตั้งแต่ต้นปีกับ ASUS ZenFone 2 ที่โดดเด่นด้วยเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกในโลกที่มาพร้อมกับแรมภายในตัวเครื่องถึง 4GB ซึ่งก้ได้เปิดตัวในเอเชียอย่างเป็นทางการไปในเดือนเมษายนที่ผ่านมาที่ประเทศอินโดนิเซีย และเตรียมเข้ามทำตลาดอย่างเป็นทางการในประเทศไทยช่วงเดือนพฤษภาคมนี้แน่นอนแล้วโดย ASUS ประเทศไทยจะนำมาเข้ามาจำหน่าย 3 รุ่น 2 โมเดลคือ คือ ZE551ML และ ZE550ML ซึ่งมีราคาเริ่มต้นที่ 6,990 บาทถึง 11,990 บาทดังต่อไปนี้
• ZE551ML แรม 4 GB ความจุ 64 GB, CPU Z3580(2.3GHz) ราคา 11,990 บาท
• ZE551ML แรม 4 GB ความจุ 32 GB, CPU Z3580(2.3GHz) ราคา 9,999 บาท (dtac)
• ZE551ML แรม 2 GB ความจุ 32 GB, CPU Z3580(2.3GHz) ราคา 7,990 บาท
• ZE550ML แรม 2 GB ความจุ 16 GB, CPU Z3560(1.8GHz) ราคา 6,990 บาท
ซึ่งในงาน Thailand Mobile Expo 2015 ที่ผ่านมาทาง IT City ก็ได้ทำการเปิดจองในรุ่นแรม 4GB ความจุ 64GB ไปเรียบร้อยแล้วก็ได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดี ซึ่งทาง ASUS ก็ได้เปิดหน้าเว็บไซต์ ASUS Store Thailand ของตัวเองขึ้นมาเพิ่มช่องทางจำหน่าย ZenFone 2 อีกด้วย โดยในขณะนี้สินค้าก็ได้วางจำหน่ายไปเรีนบร้อยตามตัวแทนจำหน่าย ASUS ทั่วประเทศ แต่สำหรับในรุ่นความจุ 32GB แรม 4GB นั้นจะจำหน่ายผ่านทาง dtac เท่านั้น โดยทีมงาน @flashfly ก็ได้รับตัวเครื่อง ASUS ZenFone 2 รุ่นแรม 4GB มาทดสอบเรียบร้อย มาดูกันว่าภายในแพคเกจจะมีอะไรแถมมาให้กันบ้าง
เริ่มที่ต้นแพคเกจจะมีหน้าตาแบบเดียวกับที่เห็นในเว็บต่างประเทศได้ทำการแกะกล่องกันไปก่อนหน้า มีตัวหนังสือ ZenFOne 2 ชัดเจนมุมด้านขวาล่างจะเป็นรางวัล IF Design Award 2015 ในประเทศเยอรมัน
ด้านบนจะบอกฟีเจอร์เด่นๆของรุ่นนี้ทั้งการรองรับ 4G LTE หน้าจอคมชัด Full HD แบตเตอรี่ชาร์เร็วและกล้องถ่ายภาพดิจิตอลที่ ASUS ภูมิใจนำเสนออย่างมาก
ด้านล้างจะระบุชัดเจนว่าใช้ชิป Intel แบบ 64 บิทและเลขรหัสของรุ่น ZE551ML
ด้านหลังแพคเกจจะระบุสเปคให้เห็นแบบชัดๆทั้งรหัส สี ซีพียู แรม และความจำภายในตัวเครื่อง โดยในรุ่นที่ทีมงาน @flashfly ได้มาทดสอบนั้นเป็นรุ่นแรม 4GB ความจุ 32GB ที่ยังไม่มีแผนนำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยตอนนี้ มีเฉพาะรุ่น 64GB เท่านั้น
ดูรายละเอียดด้ายนอกกันมาครบถ้วนแล้วเข้ามาดูข้างในแพจเกจกันบ้าง เมื่อเลื่อนฝาครอบกล่องออกก็จะพบกับ ASUS ZenFone 2 หน้าจอ 5.5 นิ้วอยู่ในห่อพลาสติก
ที่พลาสติกห่อตัวเครื่องก็มีรายละเอียดที่บอกพีเจอร์เด็ดๆของ ASUS ZenFone 2 ไว้ครบถ้วนดังภาพ
ถัดมากับคู่มือการใช้งานเบื้องต้นและใบรับประกันตัวเครื่องที่เป็นภาษาไทย
หูฟังแบบ In-Ear พร้อมปุ่มกดรับสาย แต่ไม่สามารถเพิ่มลดเสียงได้ มีขนาดหูฟังมาให้เปลี่ยนหลายขนาด
สาย Micro USB สำหรับเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์และชาร์จแบตเตอรี่
หัวชาร์จแบบ BoostMaster 18W สามารถชาร์จไฟได้เร็วกว่าเดิมถึง 2 เท่าที่จะมีเฉพาะในรุ่นแรม 4GB เท่านั้น
มาดูความงามรอบตัวเครื่องกันบ้างสวยงามแบบ 2 สีทูโทนฝาหน้าจะเป็นสีดำส่วนฝาหลังจะเป็นสีตัวเครื่องด้านบนจะมีปุ่ม Power และ ช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม.
ด้านล่างจะมีเพียงพอร์ต Micro USB เท่านั้น
สำหรับด้านข้างตัวเครื่องทั้งซ้ายและขวาจะไม่มีปุ่มกดใดๆเพราะ ASUS ได้ดีไซน์ย้ายปุ่มทั้งหมดไปอยู่ที่ด้านบนและหลังตัวเครื่อง
หน้าจอขนาดใหญ่ 5.5 นิ้วความละเอียด Full HD (403ppi) ใช้กระจก Gorilla Glass 3 หนัก 170 กรัม
มีกล้องด้านหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซลแบบฟิกโฟกัสเลนส์มุมกว้าง มาพร้อมบิ้วตี้โหมดให้หน้าใสอมชมพู เรียวยาว ตาโต เลือกปรับฟรุ้งฟริ้งได้ตามใจไม่แพ้กล้องแพงๆเลยแถมคมชัดด้วย PixelMaster โดนใจสาวๆเป็นแน่
ด้านล่างกับ 3 ปุ่มมาตราฐานปุ่มย้อนกลับ ปุ่มโฮม และปุ่มสลับแอพที่เปิดใช้งานล่าสุด
พลิกตัวเครื่องมาดูด้านหลังรูปทรงโค้งมนเข้ากับฝามือของผู้ที่ใช้งานที่ถือเป็นดีไซน์อันโดดเด่นของรุ่นนี้กับวัสดุพลาสติกขัดเงาสวยงาม
ด้านบนจะมีแฟลช LED คู่แบบทูโทน ถัดลงมาเป็นกล้องดิจิตอลความละเอียด 13 ล้านพิกเซล พร้อมเทคโนโลยี PixelMaster 2.0 ให้ภาพถ่ายที่คมชัดและสวยงามอย่างมาก ด้านล่างจะมีปุ่มเพิ่มลดเสียงที่ใช้เป็นปุ่มชัตเตอร์ถ่ายภาพเซลฟี่ได้ง่ายๆอีกด้วย
มาแกะดูด้านในฝาหลังของ ZenFone 2 เพื่อใส่ซิมและ Micro SD กันดูบ้างโดยจะมีช่องให้แกะง่ายๆที่มุมขวาล่างตามภาพ
เมื่อเปิดออกมาก็จะเห็นช่องใส่ Micro SD รองรับสูงสุด 64GB และถัดมากับช่องใส่ซิม 1 ที่รองรับ 4G LTE ส่วนซิมที่ 2 รองรับแค่ 2G เท่านั้น โดยทั้ง 2 ซิมเป็นแบบ Micro SIM สามารถสลับสายไปมาระหว่างซิมได้โดยไม่ตัดการเชื่อมต่อ
ส่วนด้านในจะเห็นแบตเตอรี่ความจุ 3000mAh ที่ไม่สามารถถอดเปลี่ยนได้
หลังจากใส่ซิมและ MicroSD เข้าไปเรียบร้อยก็ทำการเปิดตัวเครื่องที่ปุ่ม Power ด้านบนซึ่งการใช้งานครั้งแรกจะใช้เวลาในการติดตั้งแอพต่างๆประมาณ 5 -10 นาที โดย ZenFone 2 มาพร้อม ZenUI เวอร์ชั่นใหม่พร้อม Android 5.0 Lollipop
ซึ่งระหว่างที่ได้เครื่องมาทดสอบนั้นตัวเครื่องก็มีการอัพเดทเฟิร์มแวร์ประปรุงประสิทธิภาพตัวเครื่องไปแล้ว 2 ครั้งด้วยกัน
เมื่อทำการชาร์จที่หน้าจอจะโชว์ปริมาณแบตเตอรี่และระยะเวลาที่เหลือในการชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็มอีกด้วย โดย ZenFone รองรับการชาร์จแบบ BoostMaster ที่เร็วกว่าเดิม 2 เท่าจาก สามารถชาร์จแบตเตอรี่จาก 0% เป็น 60% ได้ในเวลา 39 นาที
ด้วยหน้าจอคมชัดขนาด 5.5 นิ้ว แบบ IPS มีความละเอียดระดับ Full HD (1920×1080) และมุมมองกว้าง 178 องศา และยังมีเทคโนโลยี TruVivid ช่วยให้หน้าจอสว่างสดใสมีความคมชัดดีโดนใจกันทีเดียว
ไม่ว่าจะเป็นการเล่นเกม โซเชียลมีเดีย ท่องเว็บไซต์ ชมภาพถ่ายหรือชมภาพยนตร์บน ZenFone 2 ผ่านแฟลชไดร์ฟแบบ OTG ก็ทำได้สะดวกมาก และด้วย SonicMaster มีลำโพงที่ให้เสียงดังไม่แพ้รุ่นก่อนๆ
ทางด้านสเปคก็มาพร้อม Intel Atom Super Quad Core 64 บิท ทำให้ประสิทธิภาพของ CPU ดีขึ้นถึง 2 เท่าและประสิทธิภาพของกราฟฟิคก็ดีขึ้นถึง 2 เท่าเมื่อเทียบกับรุ่นเดิม โดดเด่นด้วยเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกของโลกที่มาพร้อมความจำถึง 4GB แบบ 64 บิท dual เพื่อให้การส่งข้อมูลรวดเร็วเช่นเดียวกับการใช้บนคอมพิวเตอร์ อีกทั้งยังซัพพอร์ต OpenGL 3.2 เพื่อความไหลลื่นในการทำกราฟฟิคและได้ภาพที่คมชัดในการเล่นเกม
และสิ่งที่จะไม่พุดถึงไม่ได้เลยก็คือกล้องดิจิตอลที่ ASUS ตั้งใจนำเสนออย่างมากใน ZenFone 2 กับการปรับปรุงใหม่หมดด้วย PixelMaster 2.0 ชูจุดเด่นการถ่ายภาพในที่แสงน้อย นอกจากนี้ยังมี HDR mode ได้ถ่ายภาพออกมาได้สวยงามแม้จะถูกแสงส่องเข้ามาสว่างจ้า ลองชมตัวอย่างภาพถ่ายของ ASUS ZenFone 2 ที่ไม่มีการปรับแต่งใดๆได้จากภาพด้านล่างได้เลย ถือได้ว่าทำออกมาได้ประทับใจทีมงานอย่างมากมีประสิทธิภาพไม่แพ้รุ่นแฟลกชิปราคาแพงระดับ 2 หมื่นบาทเลยทีเดียว
ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วย ASUS ZenFone 2 แบบไม่มีการปรับแต่ง ปิดท้ายด้วยจากกล้องด้านหน้าทำได้แบบใสๆเนียนๆ
ในส่วนข้อเสียเล็กๆน้อยๆเท่าที่พบคือด้วยฝาหลังแบบรูปโค้งเข้ากับฝ่ามือทำให้เวลาใช้งานวางตัวเครื่องบนพื้นราบ ไม่สะดวกนักโดยเฉพาะเวลาพิมพ์ตัวเครื่องจะส่ายไปมา แก้ปัญหาด้วยการนำมาถือไว้แล้วจึงใช้งาน
อีกทั้งปัญหาการใช้งานปุ่มเพิ่มลดเสียงหากเล่นเกมแนวนอน หรือชมคลิปต่างๆแล้วต้องการเพิ่มลดเสียงขณะนั้นต้องเสียเวลาคลำหาจากด้านหลังตัวเครื่อง เพราะตำแหน่งการวางปุ่มดังกล่าวเหมาะสำหรับใช้งานแนวตั้งมากกว่านั่นเอง แต่ถ้าใครใช้จนชินแล้วคงไม่มีปัญหา ฝาหลังที่เป็นพลาสติกไม่ค่อยทนทานนัก โดยเฉพาะตรงบริเวณที่แกะฝาหลังจะเสียหายง่ายมากหากถูกใช้งานบ่อยๆ
ข้อมูลเพิ่มเติมที่ – http://www.asus.com/th/
บทความโดย – www.flashfly.net