รองศาสตราจารย์นราพร จันทร์โอชา มีวิสัยทัศน์เรื่องการนำเทคโนโลยีเพื่อพัฒนาระบบการศึกษาของประเทศ ให้เกียรติเข้าเยี่ยมชมสำนักงานใหญ่ ไป่ตู้ ณ กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2557 ที่ผ่านมาพร้อมทั้งพูดคุยแลกเปลี่ยนความเห็นกับทางผู้บริหาร โดยจุดประสงค์ในการเยี่ยมชมครั้งนื้เพื่อเข้าชมเทคโนโลยีและระบบการศึกษาทางออนไลน์ที่ล้ำสมัย จากบริษัทไป่ตู้ จำกัด มหาชน ซึ่งเป็นบริษัทไอทีชั้นนำระดับโลก
คุณเจนนิเฟอร์ หลี่ ผู้บริหารสูงสุดด้านธุรการและการเงิน (CFO) ของไป่ตู้ รวมถึงตัวแทนจาก ไป่ตู้ ประเทศไทย ให้การต้อนรับ รองศาสตราจารย์นราพร จันทร์โอชา และคณะ โดยพาเยี่ยมชมสำนักงานใหญ่และเทคโนโลยีล้ำสมัยของไป่ตู้ ดังนี้
1. ระบบการศึกษาแบบเรียลไทม์ ที่ไป่ตู้ ได้พัฒนาออกเป็น 2 รูปแบบคือ แอพพลิเคชั่นบนมือถือที่นักเรียนสามารถถ่ายรูปการบ้านหรือคำถามที่ไม่เข้าใจมายังระบบที่มีอาจารย์และผู้ปกครองคอยช่วยเหลือให้คำแนะนำกว่า 10,000 คน ปัจจุบันมีนักเรียนกว่า 15 ล้านคนที่ได้รับประโยชน์จากการใช้แอพพลิเคชั่นนี้ และเป็นจุดเริ่มต้นของสังคมออนไลน์การศึกษาระหว่างนักเรียนทั่วประเทศจีน นอกจากนี้นักเรียนและบุคคลทั่วไปสามารถหาความรู้เพิ่มเติมจากเว็บไซต์การศึกษาออนไลน์ของไป่ตู้ ที่มีมากกว่า 130,000 รายการ
2. ไป่ตู้ อาย อุปกรณ์สวมใส่แบบไฮเทคที่คาดศีรษะ สามารถถ่ายภาพ รับรู้วัตถุตรงหน้า และวิเคราะห์ข้อมูลจากรอบๆ ตัวผู้ใช้งาน เพื่อเชื่อมโยงข้อมูลผ่านภาพที่ถ่ายจากกล้องไปยังสมาร์ทโฟนแล้วแสดงผลขึ้นบนจอภาพ นอกจากนี้ยังมีระบบการสั่งงานและควบคุมด้วยเสียง
3. ไป่ตู้ พรีดิก เทคโนโลยีสำหรับการคาดการณ์อนาคตด้วยการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ด้วยระบบคลาวด์ เช่น การคาดคะเนทิศทางเรื่องเศรษฐกิจ บันเทิง กีฬา และการท่องเที่ยว
ไป่ตู้ เป็นบริษัทเสิร์ชเอนจินที่ใหญ่ที่สุดในประเทศจีน ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 2000 และได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แนสแด็ก (NASDAQ) เมื่อปี ค.ศ. 2005 โดยมูลค่าในตลาดสูงกว่า 8 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ในฐานะที่เป็นบริษัทเทคโนโลยีระดับโลก ไป่ตู้ ได้รับสิทธิบัตรผลิตภัณฑ์และการบริการด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงจำนวนมาก รวมทั้งสิทธิบัตร Hyperlink Analysis ที่ได้รับในปี ค.ศ. 1999 โดย สำนักสิทธิบัตรและเครื่องหมายการค้าแห่งสหรัฐอเมริกา ซึ่ง Hyperlink Analysis ของ มร.โรบิน หลี่ ซีอีโอไป่ตู้ เป็นพื้นฐานของเทคโนโลยีการค้นหา ในปัจจุบันไป่ตู้มีผลิตภัณฑ์มากมาย และมี 14 ผลิตภัณฑ์ ที่มีผู้ใช้งานสูงถึง 100 ล้านคน